Code 355 : หลุด Low ที่ 950.60 เป็น New Low ที่ 949

วันพฤหัสที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554

ATT Code : หลุด Low ที่ 950.60 เป็น New Low ที่ 949
SET เปิดมา ก็ไหลลงมาเรื่อยๆ จากแนวรับที่ 965 ทะลุ 960 ก็ยังไม่อยู่ มาหลุด Low ที่ 950 มาปิดที่ 949 จุด ลบไป 20.08 จุด เป็น NEW LOW ทำให้ตลาดยังมีแนวโน้มที่ยังลงต่อไปได้อีก แต่ก็ต้องดูหุ้นตัวใหญ่ว่ายังถูกขายอีกหรือไม่ ถ้ายังมีแรงขายอยู่ ก้จะมีแนวรับที่ 937 เป็น BB Bottom ถ้ายังไม่อยู่อีก ก้มีแนวรับที่ 922 เป็นเส้น 200 วัน... แต่ถ้ามีแรงซื้อฝ่านทะลุ 950 มาได้ ก้จะมีแนวต้านที่ 960 อยู่

-----------------------------------------------------------------------------
ข้อมูลอื่นๆ ......SET ปิดที่ 969.89 จุด -13.64 จุด High 985.69 จุด low 968.93 จุด......แนวรับ 968-965//960 จุด แนวต้าน 980-990//995-1010 จุด......PE SET 14.49 เท่า..........สัดส่วนการซื้อขาย ฝรั่งขาย 1526.19 ล้าน กองทุนขาย 1669.02 ล้าน…....โบรกเกอร์ ที่ net buy CLSA 752, TNS 438, CS 344, KTZ 309 และ KEST 242…......โบรกเกอร์ที่ net sell SCBS -1199, ACL -830, AYS -613, PHATRA -332, JPM -233 และ UBS -210…....TFEX SET50 ปิดที่ 672.19 จุด -11.2 จุด........ S50H11 ปิดที่ 667.00 จุด -9.00 จุด.... high 676.20 จุด low 665.60 จุด OI 28,284……...status futureวานนี้ Foreign net LONG 614 - Fund net LONG 4006 - Retail net SHORT 4620.........ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJ +6.74 จุด…....…..ตลาดเอเซียเช้านี้ 9.20 น. NIX -4.06 จุด, HSKI -167.35 จุด, TWSE -73.59 จุด, KOSPI -8.25 จุด และ SHCOMP -4.11 จุด.......ดาวโจนส์ในตลาดล่วงหน้า -1 จุด...…..ค่าเงิน-เงินบาท 30.72 บ./ดอลลาร์ ... เงินเยน 82.57 เยน/ดอลลาร์….. COMODITY...น้ำมัน NYMEX ส่งมอบ มี.ค. ปิดที่ 86.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล -0.23 ดอลล์...........ทองคำ COMEX ปิดที่ 1,365.50 เหรียญ +1.40 ดอลล์ ......ค่าการกลั่น 7.29 ดอลล์......BDI ปิดล่าสุดที่ 1092 จุด +28 จุด …...ราคาสังกะสีในตลาด LME ล่วงหน้า 3 เดือนปิดที่ 2459.0 ดอลลาร์ต่อตัน -52.0 ดอลล์

------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS : ยังตามเข้าเทรดดิ้งได้อยู่ แต่ถ้าดัชนีดีดขึ้นต้องเน้นขายทำกำไรบ้างแล้ว!!
แนวโน้ม: แรงขายของนักลงทุนต่างประเทศต่อตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียยังมีออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าธนาคารกลางจีนจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ ขณะที่ปัญหาภายในประเทศของไทยทั้งเรื่องความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และปัญหาการเมืองภายในยังคงกดดันความมั่นใจของนักลงทุนอยู่ ดังนั้น SET ยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวผันผวนต่อไปอีกระยะ อย่างไรก็
ตามในจังหวะแกว่งผันผวนของตลาด FSS คาดว่ายังมีโอกาสที่ SET จะขยับกลับขึ้นไปใกล้ๆ ระดับ 1000 จุดหรือสูงกว่าเล็กน้อยได้ แต่หลังจากนั้นต้องเริ่มระวังแรงขายอีกครั้ง เพราะปัจจัยลบหลายอย่างยังคงกดดันอยู่ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ในอียิปต์ ความวิตกต่อภาวะเงินเฟ้อ และรวมถึงสถานการณ์ภายในของเราด้วยกลยุทธ์: ช่วงนี้ยังเน้นเป็นเทรดดิ้งตามรอบ โดยยังรอขายทำกำไรเมื่อตลาดดีด
ขึ้นได้ แต่ถ้า SET ขยับเข้าใกล้ 1000 จุดหรือสูงกว่าขึ้นไป แนะนำให้กลับมาเน้นขายทำกำไรอย่างเดียว เพราะต้องระวังการปรับตัวลงแรงในรอบถัดไป

ประเด็นสำคัญวันนี้
• (-) เงินเฟ้อ...ดอกเบี้ย วันนี้มีการประชุมธนาคารกลาง 2 แห่งคือฟิลิปปินส์และอังกฤษ ตลาดคาดว่า BOE จะคงดอกเบี้ยที่ 0.5% ส่วนธนาคารกลางฟิลิปปินส์ส่งสัญญาตรึงดอกเบี้ยที่ 4% เพราะเงินเฟ้อล่าสุดเดือน ม.ค. อยู่ที่ 3.1% ถือว่าค่อนข้างต่ำ และพุร่งนี้มีธนาคารกลางเกาหลีประชุม ตลาดคาดว่าน่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 3.0% หลังเงินเฟ้อล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 4.1% ส่วน กนง. ของไทยจะมีการประชุมวันที่ 9 มี.ค. ตลาดเริ่มคาดการณ์มากขึ้นว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ย0.25% เพื่อรักษาส่วนต่างดอกเบี้ยกับประเทศในเอเชีย

• (-) การเมืองในประเทศ การยกระดับความรุนแรงของการชุมนุมลดลงหลังรัฐบาลประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคง ส่วนสถานการณ์ไทย-กัมพูชายังคงยืดเยื้อรมว.ตปท.ของไทยจะไปชี้แจงให้ UN ฟัง 14 ก.พ. นี้ ขณะที่นายกฯ กล่าวในงานAsean Forum วานนี้ว่าจะเลือกตั้งภายในครึ่งแรกปีนี้ (เรามองการเลือกตั้งเป็นบวก) เรามองว่าการเมืองเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดระยะสั้น หากจบลง ความเชื่อมั่น
จะกลับมาใหม่ แต่ปัจจัยที่สำคัญกว่าคือปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศ ปัจจุบันความเสี่ยงของตลาดในเอเชียคือการปรับขึ้นดอกเบี้ยของหลายประเทศที่อาจไม่ทันกับเงินเฟ้อ ขณะที่เศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ เริ่มดูดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การเคลื่อนย้ายเงินทุนโลกยังคงผันผวน

• (+) STEC คาดกำไรปกติ 4Q10 +2.3% Q-Q และ +11.9% Y-Y หลักๆมาจากรายได้จากการก่อสร้างสายสีม่วงที่ก่อสร้างเร็วขึ้น ความคืบหน้าจาก 4% ใน 3Q10เป็นประมาณ 12% ใน 4Q10 และคาดว่าจะจ่ายปันผล 0.18 บาท/หุ้น Yield 1.4%กำไรปี 2011 จะเติบโตโดดเด่น 74% Backlog ปัจจุบัน 4.28 หมื่นล้านบาทสูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท แนะนำเป็น Top pick ของกลุ่ม เป้าหมาย 15.40 บาท

• (-) ทีโอทีคาดเซ็นสัญญาติดตั้งโครงข่าย 3G ปลายเดือนนี้ ช้ากว่าเดิมที่คาดว่ากลางเดือน การคาดการณ์เซ็นสัญญาที่เลื่อนออกไป รวมทั้งมีกระแสคัดค้าน อาจทำให้ราคาหุ้น SAMTEL, SAMART, LOXLEY ผันผวนในระยะสั้น แต่เรายังเชื่อว่าจะมีการเซ็นสัญญา ถ้าล่าช้าออกไป 1-2 สัปดาห์ ไม่กระทบ ยังคงRating “ซื้อ” SAMTEL ราคาเป้าหมายรวมงาน 3G ที่ 13.60 บาท แต่กรณี Worst
case ไม่มี 3G ราคาเป้าหมายจะอยู่ที่ 10.90 บาท

• Fund Flow วานนี้ไหลออกต่อเนื่อง ขายสุทธิทุกตลาดในภูมิภาคและมีปริมาณมาก ซึ่งน้อยครั้งที่จะเห็นปรากฏการณ์นี้ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าหลังจีนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายส่งผลเศรษฐกิจจีนชะลอตัวและจะส่งผลให้ความต้องการใช้สินค้าโภคภัณฑ์ลดลงจึงทำให้เกิดแรงขายทำในหุ้นกลุ่มน้ำมัน สินค้าโภคภัณฑ์ทุกชนิด ค่าเงินเอเชียเกือบทุกประเทศกลับมาอ่อนค่าทุกประเทศและเช้านี้ก็ยังอ่อนค่าต่อเนื่อง เช่นเดียวกับเงินบาทที่อ่อนค่าเล็กน้อยมาอยู่ที่ 30.73 บาท/หุ้นฝั่งสหรัฐประธานเฟดยังไม่พอใจกับการฟื้นตัวของตัวเลขเศรษฐกิจและตัวเลขจ้างงานที่ดีขึ้นมากนักและยังดำเนินมาตราการ QE2 ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมิ.ย นี้ ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐทรงตัวเมื่อคืนที่ผ่านมา แนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติยังมีโอกาสไหลออกต่อเนื่อง แรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์จะยังมี
ต่อเนื่อง


ข่าวภายในประเทศ
SAMART-LOXLEY ฉลุยบอร์ดทีโอทีไฟเขียว 3G นัดเซ็นสัญญาเดือนนี้ กสทช.สอบสัญญากสทฯ-ทรูSAMART-LOXLEY ผ่านฉลุย บอร์ดพร้อมไฟเขียว 11 ก.พ.นี้ พร้อมเซ็นสัญญาก่อนสิ้นเดือน การันตีเริ่มเปิดบริการเดือนเม.ย.นี้แน่นอน ทีโอทีกร้าวตั้งทีมกฎหมายติวเข้มเรียกเงิน ADVANC7.3 หมื่นล้านบาท ฟาก กสทช. ติงสัญญา กสทฯ-TRUE รวบรัด ล่าสุดเรียก กสทฯ มาชี้แจง พร้อมรอข้อมูลที่ได้ส่งไปตรวจสอบ คาดสัปดาห์หน้าเข้าบอร์ด กสทช. (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 10-02-2011)

RS กำไร 300 ล้านหุ้นวิ่งกันลืมตายรับเป้าใหม่ 5 บาท RS หุ้นนี้ซื้อได้เลย รายได้ปี'53 โต 2,900 ล้านบาท กำไรเกิน 300 ล้านบาท มีลุ้นจ่ายปันผล 16 สตางค์ วงการเงินชี้หุ้นไม่สะท้อนพื้นฐาน วางราคาเป้าหมายใหม่ 5 บาท ดันอัพไซด์กระฉูด 34% แถมมี P/E ต่ำแค่ 10 เท่า เชื่อธุรกิจทีวีดาวเทียมขาขึ้นหนุนรายได้ปี'54 แตะระดับ 3,100 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 10-02-2011)

UNIQ ลั่นรายได้ปีนี้โต10%เซ็นสีน้ำเงินยอดงานทะลัก UNIQ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10% จากปี'53 ที่คาดทำได้กว่า 3,000 ล้านบาท จ่อเซ็นสัญญารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สัญญา 3 มูลค่า 11,284 ล้านบาทในวันที่ 17 ก.พ.นี้ เชื่อดันแบ็กล็อกพุ่ง 14,000 ล้านบาท สนใจประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ปีนี้ลุ้นได้งานเมกะโปรเจ็กต์ 1-2 โครงการ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 10-02-2011)

TYM ลั่นรายได้ปีนี้หมื่นล้าน ส่งแผนเพิ่มกำลังผลิตหนุน TYM ตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่คาดทำได้กว่า 7พันล้านบาท เล็งเข็นแผนขยายกำลังผลิต-เม็ดเงินลงทุน เสนอบอร์ดพิจารณาภายในไตรมาส 1/54 ส่วนงบไตรมาส 4/53 ใกล้เคียงไตรมาส 3/53 เหตุได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม ส่งผลลูกค้าชะลอการสั่งซื้อสินค้า (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 10-02-2011)

ILINK คว้างานใหม่ 244 ล้าน ลั่นรายได้ปีนี้โต 20% ลุ้นได้งาน 3G กลุ่ม SAMART ILINK คว้างานใหม่ 244 ล้านบาท หนุนงานในมือเพิ่มจากปัจจุบันมี 500 ล้านบาท ดันรายได้ปีนี้โต 20% จากปีก่อนที่คาดมีรายได้ 1,200 ล้านบาท หวังได้งานวิศวกรรมอย่างน้อย 1,000 ล้านบาท ช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 50% ขณะที่มีแผนขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตร ลุ้นได้รับงานประมูล 3G ของกลุ่ม SAMART(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 10-02-2011)

-----------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.

ดัชนีดาวโจนส์เริ่มมีจังหวะแกว่งพักตัวลงเป็นลบในระหว่างวัน ก่อนที่จะกลับมาปิด +6.74 จุด จากแรงหนุนของการทะยานขึ้นของหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา อย่างไรก็ตามปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐยังเบาบาง ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานและวัสดุ รวมถึงหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ยังร่วงลง

ดัชนี VIX ดีดขึ้นเล็กน้อย 0.38% แต่ยังเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 16 จุด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงกันถ้วนหน้า หลังหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องอุปสงค์ในจีน แต่ผลประกอบการของบริษัทเอกชนที่สดใสยังช่วยหนุนตลาดไว้ได้บ้าง

ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าลงอีกครั้ง แต่ยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่า30.80 บาท/ดอลลาร์

ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ปิดที่ 86.71 ดอลลาร์/บาร์เรล ปรับตัวลงอีก 0.23 ดอลลาร์ หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐเพิ่มขึ้น

ราคาทองคำล่วงหน้าในตลาด COMEX ปิดที่ 1365.50ดอลลาร์/ออนซ์ ขยับขึ้นอีก 1.40 ดอลลาร์ โดยยังได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ

ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (อีไอเอ)เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 4 ก.พ.เพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล แตะที่ 345.1 ล้านบาร์เรล แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล แตะที่ 164.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 4.7 ล้านบาร์เรล แตะที่ 240.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.9 ล้านบาร์เรลส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.2% แตะที่ 84.7% สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง 0.2% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 10-02-2011)

เอเชีย: มูดี้ส์เตือนอาจลดอันดับเครดิตญี่ปุ่น หากการปฏิรูปการคลังล้มเหลว มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ระบุว่า ความพยายามที่ไม่ประสบความสำเร็จของญี่ปุ่นในการฟื้นฟูสถานะการคลังจะสร้างแรงกดดันต่ออันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของประเทศ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า คำเตือนดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือคู่แข่งของมูดี้ส์อย่าง สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ได้ปรับลดอันดับเครดิตพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 9 ปี โดยให้เหตุผลว่า รัฐบาลญี่ปุ่นขาดยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องและต่อเนื่องในการควบคุมหนี้ที่พุ่งสูงขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 9-02-2011)

เอเชีย: ความเชื่อมั่นผู้บริโภคญี่ปุ่นเดือนม.ค.ฟื้นตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ความเชื่อมั่นผู้บริโภคญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7เดือนในเดือนม.ค. ขณะที่มีสัญญาณบ่งชี้ถึงสภาพการจ้างงานที่ดีขึ้น ซึ่งถือเป็นการยกระดับการประเมินความเชื่อมั่น สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในภาคครัวเรือนที่มีสมาชิก 2 คนหรือมากกว่า ขยายตัวขึ้นมาอยู่ที่ 41.1 ในเดือนม.ค. จากระดับ 40.1 ในเดือนธ.ค. โดยดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 นั้นบ่งชี้ว่า ผู้บริโภคที่มีมุมมองเป็นลบมากกว่าผู้ที่มีมุมมองเป็นบวก (ที่มา: อินโฟเควสท์ 9-02-2011)

เอเชีย: อินโดนีเซียเล็งรับซื้อข้าวจากเกษตรกรเพิ่มขึ้น หวังบรรเทาภาวะเงินเฟ้อ สำนักงานพลาธิการอินโดนีเซีย (Bulog) เตรียมรับซื้อข้าวจากเกษตรกรอย่างน้อย 3.5 ล้านตันในปีนี้ เพื่อบรรเทาแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ โดยผลผลิตข้าวที่รับซื้อมานั้นจะถูกนำไปเก็บไว้ในสต็อกจำนวน 1.5 ล้านตันและใช้เพื่อการซื้อขายในตลาด เงินเฟ้อของอินโดนีเซียในเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7.02% เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากที่พุ่งแตะ 6.96% ในเดือนธ.ค.เนื่องจากราคาพริกและข้าวปรับตัวสูงขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 9-02-2011)

เอเชีย: อินโดนีเซียมีแนวโน้มประสบปัญหาขาดแคลนถั่วเหลืองในปีนี้ นายบายู กฤษณามูรติ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรอินโดนีเซีย คาดการณ์ว่า ผลผลิตถั่วเหลืองในปีนี้จะมีไม่ถึงเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 960,000 ตัน เนื่องจากคาดว่าสภาพอากาศที่ชื้นเกินไปในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม จะส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูก (ที่มา: อินโฟเควสท์ 9-02-2011)


-----------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น