Code 364 : 24/02/54 น้ำมันดัน SET ขึ้นต่อ

วันพฤหัสที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554

ATT Code : น้ำมันดัน SET ขึ้นต่อ



เมื่อเช้าวันพุธที่ 23/02/54 มีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มน้ำมัน เพราะการประท้วงในลิเบีย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันรายใหญ่ประเทศหนึ่ง ทำให้ราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้นมา 7.37 เหรียญ มาอยู่ที่ 93.97 เหรียญ ส่งผลให้ SET เปิดโดดขึ้นมา 3 จุด เปิดที่ 990.72 จุด จากนั้นก็ยังมีแรงซื้อในกลุ่มพลังงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ไป High ที่ 996.36 จุด ก่อนที่ช่วงบ่ายจะมีแรงขายทำกำไรออกมา ไป Low ที่ 985.72 จุด แต่ก่อนจะปิดตลาดไม่นาน ก็มีแรงซือในกลุ่มพลังงานเข้ามาอีก ทำให้ SET ขึ้นมายืนเหนือเส้น 75 วัน ที่ 990 ได้ โดยมาปิดที่ระดับ 990.91 จุด +3.70 จุด

แนวโน้มในวันพฤหัสที่ 24/02/54 มีแนวรับที่เส้น 75 วัน อยู่ที่ระดับ 990 จุด และเส้น 25 วัน อยู่ที่ระดับ 986 จุด แนวรับที่สำคัญอยู่ที่ BB Avg ที่ประมาณ 975 และแนวต้านที่สำคัญ ที่เส้น BB Topที่ระดับ 1000 จุด

การที่ราคาน้ำมันดับพุ่งขึ้นมา ทำให้ Indicators ต่างๆ พลิกกลับมาเป็นบวกใหม่ ทั้ง 7 ตัว
1. (+) MACD ยังคงตัดเส้น Signal ขึ้นมาอยู่.... มีสัญญาณที่ดีอยู่
2. (+) OBVขึ้นไปที่ 618.... แสดงให้เห็นว่ายังมีแรงซื้อสะสมเพิ่มขึ้นมาอีก
3. (+) CCI ยังคงเพิ่มขึ้น จาก +62 ขึ้นไปที่ +77 วิ่งเข้ามาหาเส้น 100 อีกทีได้อยู่... แนวโน้มดีขึ้นอีกครั้ง
4. (+) เส้น ADX : DI+(32) ตัดเส้น DI-(31)ขึ้นมาอีกครั้ง... มีสัญญาณซื้อเกิดขึ้นมาอีกครั้ง
5. (+) Williams %R ขึ้นมาจาก -21 ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ -15.... %R วิ่งเข้าไปหาเส้น -10 อีกครั้ง... แนวโน้มดีขึ้นอีกครั้ง
6. (+) RSI ขึ้นมาจาก 50% มาอยู่ที่ 51%... มีแนวโน้มดีขึ้นอีกครั้ง
7. (+) Fast Sto : %K ตัด %D อยู่เหมือนเดิม แต่ %K แต่เพิ่มขึ้น จาก 78 ลงมาที่ 84... มีแนวโน้มดีขึ้น

-----------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
24 กพ. 54 ( +3.70 จุด ) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ปรับตัวขึ้น 994 - 995 จุด
แนวโน้มในวันพุฤหัสนี้ ดัชนีมีโอกาสปรับตัวกลับขึ้นไปแถว 994 - 995 ใกล้จุดสูงสุดของวันพุธอีกครั้ง ในรูปแบบที่คาดว่าจะเป็นการแกว่งตัวในกรอบสามเหลี่ยมตลาดน่าจะต้อง ใช้ระยะเวลาอีกหนึ่งถึงสองวันแกว่งตัวในกรอบ 982 – 996 หรือระหว่างจุดต่ำสุดของวันอังคาร ถึงจุดสูงสุดของวันพุธ

จากนั้นการปรับตัวขึ้น เกิน 1000.90จุดสูงสุดของวันจันทร์ และแนวต้านตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์ (คาดว่าจะ
เกิดขึ้นปลายสัปดาห์นี้ หรือต้นสัปดาห์หน้า)ดัชนีสามารถปรับตัวขึ้นต่อบริเวณ 1050 – 55ใกล้จุดสูงสุดเดิมของปีนี้

หุ้นเด่น
ESSOปรับตัวทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะเดือนขึ้นมาได้ รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 8.40จุดสูงสุดเดิมเดือน ธค. เป้าหมายระยะ
สัปดาห์ขึ้นไป 10.00 – 11.00( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 8.00 )

PTTEP
ยังสามาถปรับตัวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันได้ ทยอยซื้อแถว 178.00 – 179.00 หรือรอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 180.50 จุดสูงสุดวันพุธเป้าหมายสองสามวัน 185.50 – 187.50( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 178.00 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
PTTEP รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
PTT แกว่งตัว 335 – 340
IRPC แกว่งตัว 5.50 – 5.70
PTTCH แกว่งตัว 149.50 - 154
KBANK เกิน 112 ขึ้น 113 - 114
IVL ต่ำกว่า 42.50 ลง 41.50 – 42
KTB ต่ำกว่า 15.90 ลง 15 – 15.50
CPF เกิน 24 ขึ้น 24.10 – 24.30
TOP แกว่งตัว 74 – 75.25
BANPU ไม่ต่ำกว่า 752 ขึ้น 766 - 770

-----------------------------------------------------------------------------
EFinance Thai : PTT-PTTEPพระเอกดันดัชนี!!
PTT- PTTEPโชว์ฟอร์มแกร่ง นำทีมดันดัชนีหุ้นไทยยืนแดนบวก เหตุนักลงทุนไล่ซื้อหุ้นเก็งกำไรราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง หลังปัญหาการเมืองในตะวันออกกลางยังไม่คลี่คลาย คาดน้ำมันดิบทะลุ 100 เหรียญต่อบาร์เรลเร็วๆนี้ ด้าน"ประเสริฐ" นัด 3 บอร์ดถกแผนควบรวมกิจการ ปลุกกระแสเก็งกำไรคึกคัก ขณะที่โบรกเกอร์ยังแนะนำซื้อ หลังราคาหุ้นในกระดานมีส่วนต่างมากเมื่อเทียบกับเป้าหมาย
ในช่วงนี้หุ้นกลุ่มพลังงานเคลื่อนไหวอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะราคาหุ้นบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)หรือ PTT และบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)หรือ PTTEP ที่ได้รับอานิสงส์จากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตการเมืองในตะวันออกกลางที่ยังไม่สามารถหาทางคลี่คลายได้ นอกจากนี้ยังมีแรงเก็งกำไรกระแสข่าวควบรวมกิจการของบริษัทในกลุ่ม PTT เข้ามาอย่างหนาแน่น ส่งผลให้หุ้นพลังงานกลายเป็นพระเอกคอยประคองดัชนีไม่ให้ปรับตัวลดลงแรงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน
ขณะเดียวกันผู้บริหารกลุ่ม PTT ออกมายอมรับว่าผลประกอบการในปีนี้ยังคงเติบโตต่อเนื่อง และมีโครงการที่ต้องลงทุนเพื่ออนาคตจำนวนมาก โดยเฉพาะ PTTEP ที่ระบุว่าต้องใช้งบลงทุนสูงถึง 1 ล้านล้านบาทภายใน 10 ปีข้างหน้า นอกจากนั้นยังมีกระแสข่าวว่าในวันพรุ่งนี้(24 ก.พ.54) ผู้บริหารกลุ่ม PTT จะนัดหารือแผนควบรวมกิจการภายในกลุ่ม ซึ่งคาดว่าภายหลังการหารือดังกล่าวจะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนโบรกเกอร์ยังคงแนะนำซื้อหุ้น PTTEP-PTT โดยให้ราคาเป้าหมาย 226 บาท และ 392 บาท ตามลำดับ

***** PTT แย้มงบ Q1/54 แจ่มกว่า Q4/53
นายพิชัย ชุณหวชิร กรรมการ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)หรือ PTT เปิดเผยว่า คาดว่าแนวโน้มกำไรและรายได้ของกลุ่มปตท. ไตรมาส 1/54 จะออกมาดีกว่าไตรมาส 4/53 เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยราคาน้ำมันดิบดูไบปัจจุบันอยู่ที่ 104 เหรียญต่อบาร์เรล จึงส่งผลให้คาดว่าในไตรมาสนี้จะมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน (Stock Gain) ประกอบกับแนวโน้มของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมียังอยู่ในระดับสูง รวมทั้งค่าการกลั่นรวม (GIM) ยังอยู่ในระดับสูงและได้ประโยชน์จากกรณีที่รัฐบาลปรับโครงสร้างราคา LPG

***** "ประเสริฐ"นัด 3 บอร์ดถกควบรวมบริษัทในกลุ่ม
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมของคณะกรรมการ 3 บริษัทในกลุ่ม ปตท. ที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแผนในการควบรวมกิจการ ส่วนประเด็นรายละเอียดในขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต.
สำหรับผลการประชุมของคณะกรรมการทั้ง 3 บริษัท เมื่อมีการประชุมเสร็จสิ้นยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าจะสามารถเปิดเผยข้อมูลได้ทันทีหรือไม่ เนื่องจากจะต้องมีการรายงานผลการประชุมต่อตลาดหลักทรัพย์ฯก่อน
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ปัญหาความรุนแรงในตะวันออกกลางในขณะนี้ ประเมินว่าอาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกให้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากลิเบียถือเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน พร้อมทั้งต้องติดตามปัญหาที่เกิดขึ้นว่าจะลุกลามเพิ่มเติมหรือไม่ และยังคาดการณ์ได้ยากว่าจะจบอย่างไร
อย่างไรก็ดี ปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวถือเป็นปัจจัยที่ไม่มีผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของความต้องการใช้น้ำมัน แต่ถือเป็นปัจจัยที่สร้างความกังวล พร้อมทั้งมองว่าปัจจุบันตะวันออกกลางไม่ใช่แหล่งลงทุนที่สำคัญของบริษัทขนาดใหญ่ เนื่องจากภูมิภาคดังกล่าวได้มีการลงทุนก่อนหน้านี้แล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

***** PTTEP คาดใช้งบลงทุน 1 ล้านล้านบาทภายใน 10 ปี
นายพิชัย ชุณหวชิร กรรมการและประธานคณะกรรมการพิจารณาความเสี่ยง บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)(PTTEP) เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่าในช่วง 10 ปี (2554-2563) บริษัทฯจะใช้เงินลงทุนประมาณ 4.5 หมื่นล้านเหรียญ หรือประมาณ 1 ล้านล้านบาท ทั้งนี้เพื่อใช้ในการลงทุนหาแหล่งขุดเจาะเพิ่มเติม
โดยในช่วง 10 ปีดังกล่าวบริษัทฯได้ตั้งเป้าปริมาณการขาย ปิโตรเลียมในปี 2563 ไว้ที่ 9 แสนบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ในช่วงดังกล่าวบริษัทฯจะต้องมีปริมาณสำรองปิโตรเลียมเพิ่มเป็น 3 พันล้านบาร์เรล จากปัจจุบันที่มีปริมาณการขายอยู่ที่ประมาณ 3 แสนบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันที่บริษัทฯมีปริมาณสำรอง 1,100 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ จะมีทั้งการสำรวจและผลิตเอง หรือการขอสัมปทานในแหล่งปิโตรเลียม การร่วมทุนและการเข้าซื้อหุ้น โดยต้นทุนในการผลิตในแหล่งที่มีการสำรวจและพัฒนาแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 20 เหรียญต่อบาร์เรล ส่วนต้นทุนแหล่งสำรวจที่พบอยู่ระหว่างรอการพัฒนาจะต่ำกว่า โดยอยู่ที่ 15 เหรียญต่อบาร์เรล
ทั้งนี้แหล่งเงินลงทุนของบริษัทฯส่วนหนึ่งจะมาจากผลการดำเนินงาน โดยปัจจุบันบริษัทฯสามารถสร้าง EBITDA ต่อปีได้อยู่ที่ประมาณ 1 แสนล้านบาท หลังจากที่ได้มีการหักการจ่ายเงินปันผลแล้วบริษัทฯจะต้องหาแหล่งเงินลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 1-2 หมื่นล้านเหรียญ เพื่อใช้ลงทุนในการเพิ่มแหล่งขุดเจาะ
นอกจากนี้แนวทางการเพิ่มทุนของบริษัทฯได้เปิดเป็นทางเลือกไว้ในกรณีที่มีโครงการขนาดใหญ่ที่จำเป็นต้องลงทุนก็อาจจะมีการพิจารณาใช้ ซึ่งยังไม่ได้สรุปว่าจะมีการทำหรือไม่
สำหรับแหล่งขุดเจาะแบบธรรมดา ปัจจุบันมีโอกาสที่จะเจอยากขึ้น ส่งผลให้การสำรวจและขุดเจาะต้องเป็นไปในแหล่งที่พัฒนายาก อาทิ แหล่งทะเลน้ำลึก และ Oil Sands โดยการขุดเจาะและสำรวจในแหล่งประเภทดังกล่าวจะมีต้นทุนสูง แต่ในระยะต่อไปจะมีต้นทุนที่ลดลง
ด้านผลกระทบจากปัญหาการประท้วงลิเบีย มองว่าน่าจะมีผลกระทบแต่ยังคาดการณ์ได้ยากว่าปัญหาดังกล่าวจะจบอย่างไร และยังเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ จึงมีผลกระทบต่อราคาน้ำมัน ประกอบกับราคาน้ำมันถือเป็นพลังงานที่มีจำนวนจำกัดในโลก

***** กิมเอ็ง ชี้ตะวันออกกลางไม่สงบหนุนหุ้นพลังงาน
บทวิเคราะห์บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ระบุว่า ประเมินว่าจาก สถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง เช่น เยเมน, อิหร่าน, บาห์เรน และแอฟริกาเหนือ เช่น ลิเบียที่ยังคงแผ่ขยายวงกว้างออกไป ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ยืนเหนือระดับ US$90.00/ barrel เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน จากความกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อการขนส่ง & ผลิตน้ำมัน โดยตะวันออกกลาง และ แอฟริกาเหนือมีกำลังการผลิตน้ำมันรวมกันคิดเป็น 36% ของกำลังการผลิตทั่วโลก แม้ล่าสุดซาอุดิอาระเบีย ประกาศว่ายังมีกำลังการผลิตคงเหลืออีกราว 4 ล้านบาร์เรล / วัน ที่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้
แต่คาดว่าราคาน้ำมันจะยังทรงตัวในระดับสูงต่อไปจนกว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะเริ่มคลี่คลาย ดังนั้น ตลาดหุ้นไทยที่ถ่วงน้ำหนักด้วยกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมีราว 35% ของมูลค่าตลาด จึงยังมีแรงรับจากหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการปรับตัวขึ้นของน้ำมันดิบ ได้แก่ PTT, PTTEP, TOP, PTTAR, IRPC รวมทั้งหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีที่ราคาผลิตภัณฑ์เคลื่อนไหวตามราคาน้ำมัน ขณะที่ต้นทุนเป็นก๊าซ อย่าง PTTCH ที่จะทำให้ส่วนต่างกำไรขยายตัวขึ้น
ขณะที่ แผนควบรวมกิจการในกลุ่ม PTT ระหว่าง PTTCH กับ PTTAR คาดว่าจะได้ข้อสรุปเบื้องตันในวันที่ 24 ก.พ.ซึ่งเป็นวันประกาศงบของ PTT หลังจากนั้นจะใช้ระยะเวลาราว 6 เดือน ในขั้นตอนของการควบรวม และนำบริษัทใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดย KimEng ประเมิน Swap Ratio ที่ 4.4 PTTCH ต่อ 1 PTTAR จึงคาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องต่อสัดส่วนการควบรวมที่จะประกาศจาก PTT

***** ฟิลลิป เชียร์ซื้อ PTTEP-PTT
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จากปัญหาการเมืองในประเทศแถบตะวันออกกลางได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยส่งผลดีต่อธุรกิจกลุ่มพลังงาน สะท้อนได้จากราคาหุ้นกลุ่มพลังงานวันนี้(23 ก.พ.)ได้ฟื้นตัวตอบสนองกับกระแสข่าวดังกล่าว แต่ทั้งนี้คงส่งผลบวกระยะสั้นเท่านั้น โดยคาดว่าน้ำมันโลกจะขึ้นไปแตะ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลได้อย่างแน่นอน แต่ะระยะยาวคงมีปัญหาอัตราเงินเฟ้อเข้ามาเป็นปัญหาพ่วงท้าย ซึ่งถือว่าเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ การที่ราคาหุ้นกลุ่มราคาน้ำมันได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นการเก็งกำไรของนักลงทุนก็ควรต้องระมัดระวังเช่นกัน เนื่องจากจะต้องพิจารณาส่วนต่างราคาหุ้นด้วย โดยบริษัทฯประเมินว่าหุ้นกลุ่มพลังงานที่มีความน่าสนใจยังคงเป็น PTTEP (226 บาท) และPTT(392 บาท) ซึ่งถือว่ายังคงมีส่วนต่างราคาหุ้นที่พอจะลงทุนได้

-----------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น