Code 195 : ไม่ผ่าน 1020 ลงต่อ

วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2553
ATT Code : ไม่ผ่าน 1020 ลงต่อ
Shot News
"คาร์ฟูร์" เผยทำข้อตกลงขายกิจการในไทยให้แก่บี๊กซีมูลค่า 868 ล้านยูโร พร้อมเผยปิดดีลขายกิจการในไทยให้แก่บี๊กซีใน Q1/2554

HANA: 3Q10 Earnings Result
- กำไร 3Q10 เท่ากับ 844 ลบ. ดีกว่าทั้งเราและ Consensus คาด และเป็นกำไรสูงสุดของปีนี้ เป็นการเติบโต 14% Q-Q และ 23% Y-Y
- หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 103 ลบ. จะมีกำไรปกติเท่ากับ 740 ลบ. (+2% Q-Q, +25% Y-Y) ใกล้เคียงคาด
- แนวโน้มกำไร 4Q10 จะชะลอตัว Q-Q ปัจจุบันใช้กำลังการผลิตเต็มที่แล้ว และส่วนที่สร้างโรงงานใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตจะแล้วเสร็จใน 4Q10 และเริ่มผลิตได้ปีหน้า กำลังการผลิตจะเพิ่มราว 10% - 15%
- เรามีแนวโน้มปรับประมาณกำไรปีหน้าลง 5% - 6% โดยปรับสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนเป็น 30 บาท/ดอลลาร์ จากเดิมที่ 32.50 บาท/ดอลลาร์
- ราคาเป้าหมายจะลดลงอยู่ที่ราว 32 - 33 บาท

SEAFCO ผลประกอบการ 3Q10 ดีขึ้นแต่ยังไม่มาก คาด 4Q10 จะดีขึ้น Q-Q
* 3Q10 มีผลกำไรปกติและกำไรสุทธิอยู่ที่ 13 ล้านบาท ดีขึ้นจากขาดทุนที่ 20 ล้านบาทใน 2Q10 และเพิ่มขึ้น 21.1% Y-Y โดยมีรายได้ 342 ล้านบาท ทรงตัว Q-Q แต่ลด 36.4% Y-Y โดยรายได้หลักมาจากค่าแรงจากงานฐานรากสายสีม่วงเป็นหลัก ซึ่งทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 12.7% จาก 2.4% ใน 2Q10 และ 7.9% ใน 3Q09 และรวม 9M10 มีผลขาดทุนดำเนินงานปกติที่ 29 ล้านบาท จาก 28 ล้านบาทใน 9M09
* แนวโน้ม 4Q10 จะดีต่อเนื่อง เพราะจะเริ่มรับรู้รายได้เป็นค่าแรงจากงานรากฐานโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้เต็มที่
* แนะนำ ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2011 ที่ 6.70 บาท โดยใช้ PBV ที่ 2 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 6 ปี)

CCET: กำไรสุทธิ 3Q10 น่าผิดหวัง ต่ำกว่า Consensus คาด 20% และจะชะลอต่อใน 4Q10 / ราคาเป้าหมาย 3.60 บาท แนะนำ ขาย
CCET: 3Q10 Earnings Result
- กำไร 3Q10 เท่ากับ 501 ลบ. ต่ำกว่าที่เราและ Consensus คาดราว 20% เป็นการลดลง 7% Q-Q แต่เพิ่มขึ้น 13% Y-Y
- หากไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยน 20 ลบ. จะมีกำไรปกติเท่ากับ 481 ลบ. (-14% Q-Q, +11% Y-Y)
- แม้ยอดขายเพิ่มขึ้น 10% Q-Q แต่ส่วนใหญ่เป็นการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรต่ำทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 3.8% จาก 4.7% ในไตรมาสก่อน
- กำไร 9M10 เท่ากับ 1,423 ลบ. คิดเป็น 81% ของประมาณการทั้งปี เราคาดกำไร 4Q10 จะชะลอตัวอยู่ที่ราว 300 – 400 ลบ. เนื่องจากเป็น Low Season
- คาดกำไรปี 2010 ไว้ที่ 1.76 พันลบ. (+35% Y-Y) และ คาดกำไรปี 2011 เติบโต 10% เป็น 1.9 พันลบ.
- เลื่อนการเพิ่มทุน 400 ล้านหุ้น เพื่อรองรับ TDR ในไต้หวันไปเป็นปีหน้า จากเดิมปลายปีนี้
- ราคาเป้าหมาย 3.60 บาท (Fully Diluted) แนะนำ “ขาย”

GSTEEL ไม่มีข่าวบวก ยังไม่ส่งงบการเงินและส่งช้าเป็นประจำ auditorไม่แสดงความเชื่อมั่นต่องบมาหลายงวดแล้ว รอประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 22 พ.ย. นี้
GSTEEL: ไม่มีข่าวบวก มีแต่ข่าวลบ
- ทั้ง GSTEEL และ GJS ยังไม่ได้ส่งงบการเงิน 3Q10 ให้ตลาดฯ (ภายในวันที่ 16 พ.ย.) ปกติมักส่งช้าเป็นประจำ จนตลาดต้องขึ้นเครื่องหมาย SP และ NP
- ไม่มีประเด็นให้เก็งกำไรผลประกอบการเพราะกลุ่มเหล็กออกมาแย่ทุกตัว
- Auditor แสดงความไม่เชื่อมั่นต่องบการเงินมาตลอด
- อยู่ในระหว่างปรับโครงสร้างหุ้นกู้ US$170 ล้านเหรียญ ซึ่งเลื่อนประชุมเจ้าหนี้มา 2 ครั้งแล้วเพราะเจ้าหนี้ไม่ครบองค์ประชุม (ต้องมีเจ้าหนี้มาประชุมไม่ต่ำกว่า 50% ของจำนวนเงินต้นค้างชำระของหุ้นกู้ จึงจะครบเป็นองค์ประชุม) ประชุมเจ้าหนี้ครั้งถัดไปคือ 22 พ.ย.

PS Analyst Meeting แนวโน้ม Presales เติบโตดีแต่ยอดโอนปีนี้ตามไม่ทัน สร้างความผิดหวังให้ตลาดระยะสั้น แต่อยู่ในประมาณการของเราแล้ว
PS แนวโน้ม Presales เติบโตดีแต่ยอดโอนปีนี้ตามไม่ทัน
· ผู้บริหารคาด Presales ปี 2010 จะไม่ต่ำกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท แต่การรับรู้รายได้จะอยู่ระหว่าง 2.2-2.4 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทยังมีปัญหาเรื่องการก่อสร้างทาวน์เฮาส์ที่ยังไม่ทันกับ Presales ที่เกิดขึ้น ทำให้ส่งมอบได้ไม่ทัน ซึ่งบริษัทได้พยายามปรับปรุงระยะเวลาการก่อสร้างให้เร็วขึ้นจากเดิม โดยใช้ระบบ Prefabrication เข้ามาช่วยมากขึ้น โดยคาดว่า ปัญหาการ Miss match ระหว่าง Presales และ ยอดโอนลดลง คาดว่าจะเข้าสู่ระดับปกติในช่วง 2Q11 ปีหน้า
· บริษัทมองกำไรปกติ 2010 อาจะไม่เติบโตจากปีก่อน ทำให้คาดว่าในตลาดฯ จะมีการปรับคาดการณ์กำไรปกติปีนี้ลง จากรายได้การโอนที่ต่ำกว่าคาดใน 3Q10 และค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่สูงขึนจากเปิดโครงการใหม่จำนวนมาก ขณะที่เราคาดว่า มีกำไรปกติปี 2010 ประมาณ 3,435 ล้านบาท (-5.2% Y-Y)
· คงเป้าหมายปี 2011 ที่ 27 บาท ในระยะสั้น ราคาหุ้นจะอ่อนตัวจากความผิดหวังเรื่องผลประกอบการที่จะไม่เติบโตในปี 2010 แต่คาดว่าในปี 2011 จะมีผลประกอบการที่เติบโตได้ในอัตรา 44% Y-Y จึงยังแนะนำ “ซื้อ”

สรุปคำแนะนำของ IVL - มีตั้งแต่ 12.60 - 69 บาท เฉลี่ย 37.07 บาท (เช้านี้ asp ปรับขึ้นเป็น 69 สูงสุดในอุตสาหกรรม)

----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
15 พย. 53 (-11.00 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

เกิน 1018.86 ขึ้นต่อ 1026 - 36 จุด
ดัชนีในวันศุกร์ ปรับตัวลงมาแถวแนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันพอดี

แนวโน้มในวันจันทร์นี้ ถ้าสามารถปรับตัวขึ้น เกิน 1018.86 จุดสูงสุดเวลา 16.00 น.วันศุกร์ได้ ดัชนีสามารถปรับตัวขึ้นต่อแถว1026 - 1036 ใกล้จุดสูงสุดเดิมของวันศุกร์และเป็นบริเวณ แนวต้านตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงมีความเสี่ยงที่“อาจจะ” ปรับตัวลงต่อได้ โดยเฉพาะการปรับตัวลงต่ำกว่า 999.48 จุดต่ำสุดของวันศุกร์และเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงต่อแถว 904 – 954 จุด ต่อไปสำหรับภาพประมาณปลายเดือนนี้

หุ้นเด่น
LPN
ปรับตัวขึ้นมาแถวเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงพอดีรอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 9.75 จุดสูงสุดวันศุกร์และเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 10.20 – 10.40( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 9.55 )10.20 – 10.40

PS
ปรับตัวขึ้นมาแถวเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงพอดีรอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 20.60 จุดสูงสุดวันศุกร์และเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 21.60 -22.10( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 20.20 )

Indraday ระยะสั้นไม่ชัดเจน
แนวโน้มหลัก ยังคงเป็นขาลง แต่ภาพระยะสั้นไม่ชัดเจน

เกิน 1018.86 ขึ้น 1026 - 31 ... ก่อนจะปรับตัวลงต่อไป ต่ำกว่า 1009.12 จุดต่ำสุดเช้านี้ ... ปรับตัวลง 1000 - 2 แล้วแกว่งตัว 1000 - 18 หนึ่งถึงสองวัน จากนั้น ลง 978 - 985 ประมาณปลายสัปดาห์

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
PTT เกิน 329 ขึ้น 332 - 334
IVL ไม่น่าเกิน 46.75 – 47.75
PTTEP เกิน 183 ขึ้น 186 - 188
PTTAR ไม่น่าเกิน 35.50 – 36
PTL แกว่งตัว 38 - 42
TOP ไม่น่าเกิน 61.75 - 63
AJ ต่ำกว่า 37.50 ลง 34 – 36
PTTCH เกิน 157.50ขึ้น 159 – 160
BANPU เกิน 788 ขึ้น 794 - 800
TRUE เกิน 5.20 ขึ้น 5.40 – 5.60
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS:เริ่มลุ้นตลาดดีดขึ้นให้แบ่งส่วนทำกำไรได้ ส่วนซื้อยังรอลงแล้วทยอยรับ !!
แนวโน้ม: สัปดาห์ที่แล้ว SET ปรับตัวย้อนกลับลง จากความกังวลเกี่ยวกับแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นเอเชีย และความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีนที่อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ของสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้ FSS คาดว่าสัปดาห์นี้ตลาดจะยังคงแกว่งตัวผันผวนต่อเนื่อง แต่มีโอกาสที่จะมีลักษณะแกว่งทรงตัวได้ในกรอบประมาณ 1000-1040 จุด ก่อนที่ในช่วงท้ายสัปดาห์อาจต้องระวังการปรับตัวหลุดลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1000
จุดต่อไป อย่างไรก็ตามแม้ว่านักลงทุนต่างประเทศจะเริ่มมียอดขายสุทธิซึ่งคาดว่าประเด็นหลักน่าจะมาจากการขายเพื่อรับรู้กำไรก่อนเข้าสู่ช่วงหยุดยาวท้ายปี แต่
แรงซื้อจากสถาบันในประเทศ ส่วนของเม็ดเงินใหม่ LTF และ RMF ก็น่าจะมีเข้ามาเสริมแทนได้ ทำให้เราคาดว่า SET จะหลุดต่ำกว่า 1000 จุดไม่ลึกนัก และยังมีสิทธิดีดกลับขึ้นใหม่ได้ต่อไป
กลยุทธ์: ตลาดขึ้นยังน่าแบ่งส่วนทำกำไรบ้าง ส่วนจังหวะเลือกหุ้นเข้าซื้อยังรอรับช่วงปรับตัวลงได้ โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ PTTEP, PTT, BANPU, SCC, PTTCH,KBANK, SCB, BBL, TASCO, PTL, BGH, TUF, LPN, TTCL, HMPRO, GLOBAL
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (0) G20 ไม่มีมาตรการใหม่ จึงไม่มีผลกับตลาด โดย G20 สนับสนุนให้อัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวตามกลไกตลาด ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เลี่ยงการลดค่าเงินและให้สิทธิออกเสียงใน IMF แก่ประเทศกำลังพัฒนาเพิ่มขึ้นอีก 6%
• (+) รีบาวน์ดในกรอบจำกัด สัปดาห์นี้ตลาดมีโอกาสรีบาวน์ดเพราะมีรายงานเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หนาแน่นตลอดทั้งสัปดาห์ซึ่งไม่น่าเป็นตัวเลขที่ดีนัก ดอลลาร์อาจกลับมาอ่อนค่า แต่การรีบาวน์ดถูกจำกัดด้วยกระแสการคุมเงินทุนไหลเข้าของประเทศในเอเชียที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ
• (+) กำไรสุทธิของบริษัทที่ประกาศกำไรแล้ว +15.8% Q-Q, +26.4% Y-Yบริษัทส่วนใหญ่ที่ FSS cover ประกาศกำไรเกือบครบแล้ว เราพบว่ากำไรสุทธิ +15.8%Q-Q, +26.4% Y-Y แต่กำไรปกติต่ำกว่าคาดเล็กน้อย -1.8% Q-Q, -1.9% Y-Y กลุ่มที่มีกำไรปกติดีขึ้น Q-Q ได้แก่กลุ่มรับเหมา (จากขาดทุนเป็นกำไร) โรงพยาบาล(+111%) หลักทรัพย์ (+94%) นิคมฯ (+46%) อิเล็คทรอนิคส์ (+19%) บันเทิง(+11%) ปิโตรเคมี (+10%) ธนาคาร (+10%)
• (-) ส่วนกลุ่มที่กำไรลดลง Q-Q ได้แก่ กลุ่มที่อยู่อาศัย (-48%) วัสดุก่อสร้าง (-
26%) พลังงาน (-20%) โรงไฟฟ้าและน้ำประปา (-18%) เกษตรและอาหาร (-15%)
ค้าปลีก (-5%) สื่อสาร (-1%)
• (-) TASCO กำไรต่ำกว่าคาด จากต้นทุนราคาน้ำมันที่สูงกดดันอัตรากำไรขั้นต้น แต่เรายังมองว่าราคาหุ้นที่อ่อนตัวยังเป็นจังหวะในการซื้อเนื่องจากแนวโน้มปีหน้าที่สดใสจากโครงการทั้งสร้างและซ่อมถนน เราประเมินเป้าหมาย 110 บาท
• (+) กลุ่มที่อยู่อาศัยมีความชัดเจน ธปท. กำหนดอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) โดยคอนโดกำหนด LTV ที่ 90% มีผล 1 ม.ค. 2011 บ้านแนวราบกำหนด LTV ที่ 95% มีผล 1 ม.ค. 2012 เรามองเป็นบวกเพราะเป็นการลดการเก็งกำไรเพื่อให้เหลือ demand จริงในตลาด และความชัดเจนจะช่วยคลายความกดดันราคาหุ้นเพราะ Backlog ที่มีอยู่ในปัจจุบันสามารถใช้เกณฑ์ผ่อนดาวน์เดิมที่ได้ทำสัญญาต่อไปส่วนคอนโดใหม่ที่จะเปิดในปี 2011 มีผลกระทบบ้าง ส่วนบ้านแนวราบไม่กระทบ แนะนำSPALI, LPN, PS, QH, AP
• (-) แนะขายทั้ง BJC และ BIGC นสพ.Financial Times รายงานว่า Casino ชนะการประมูลซื้อ Carrefour 43 สาขาในไทย เราแนะนำขาย BJC ซึ่งเต็มมูลค่าแล้วที่ 18บาท และ BIGC เกินมูลค่าที่ 68 บาทแล้วเช่นกัน
• (0) บริษัทที่ประกาศผลประกอบการวันนี้ CCET, HANA, ITD, LOXLEY, SEAFCO,SIRI, TTCL, TT&T, TPIPL, TRT
• Fund Flow วันศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติซื้อกลับในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ แต่ขายประเทศอื่นแต่ปริมาณซื้อไม่มาก หลังจากที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีน ทำให้นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจจีนจะเกิดฟองสบู่แตก และจากการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนที่ผ่านมาสูงถึง 4.4% ยิ่งทำให้มีความเป็นไปได้ที่จีนจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากความเสี่ยงระยะสั้นยังมีสูง ค่าเงินยูโรรวมถึงค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าต่อเนื่อง ดังนั้นโอกาสกระแสเงินทุนไหลเข้าซื้อหุ้นในตลาดหุ้นภูมิภาคน่าจะชะลอตัวลง

-----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น