Code 188 : HSKI ดัน SET บวกต่อ ลุ้น 1,010

วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน 2553
ATT Code : HSKI ดัน SET บวกต่อ ลุ้น 1,010
----------------------------------------------------------------------------------

MARKET WAVE Analysis
3 พย. 53 (+2.34 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ปรับตัวขึ้น 1007 - 1009 จุด
แนวโน้มในวันพุธนี้ ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อแถว 1007 – 1009 และจากนั้นน่าจะแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบ 1001 – 1009 อีก
สักระยะหนึ่งถึงสองวัน

ขณะที่แนวโน้มปลายสัปดาห์นี้ ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อแถว 1013 – 1018 จุด(ประมาณวันพฤหัส หรือ วันศุกร์)

และตราบใด ไม่ต่ำกว่า 991.90 จุดต่ำสุดของสัปดาห์นี้ ถือว่าดัชนีระยะสองสัปดาห์ข้างหน้า มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อยังเป้าหมาย1041 - 1047 จุด หรือประมาณระยะทางนับจากจุดต่ำสุดของวันที่ 20 กย. ถึงจุดสูงสุดของวันที่ 4ตค. ในรูปแบบของ Zigzag Wave ( ก่อนที่จะปรับฐานใหญ่ต่อไปแถว 930 – 940 จุด )
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS:
ยังลุ้นตลาดขยับขึ้นสูงกว่า 1010 จุดได้ แต่น่าเริ่มมองหาจังหวะทำกำไร...
แนวโน้ม: แม้ว่า SET จะแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวันไปบ้าง แต่ก็ยังเน้นหนักทางด้านขยับขึ้น ซึ่ง FSS คาดว่ามีโอกาสที่ดัชนีจะสามารถขึ้นไปแกว่งตัวเหนือ1010 จุดได้ในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตามหลังผลการประชุมเฟดในคืนวันนี้เมื่อประกาศเรื่อง QE2 ออกมา คาดว่าอาจจะมีแรงขายทำกำไรในลักษณะการ Sell on Fact กดดันตลาดให้มีการปรับพักตัวลงได้ โดยตลาดหุ้นไทยยังมีแรงกดดันจากปัญหาน้ำท่วมในประเทศซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ รวมทั้งยอดขายของนักลงทุนต่างประเทศที่มีออกมาบ่อยครั้งขึ้น ซึ่งคาดว่าเกิดจากการทยอยทำกำไรก่อนเข้าสู่ช่วงหยุดยาวท้ายปี อาจทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนเริ่มถดถอยลงบ้าง ดังนั้นจึงคาดว่าการเคลื่อนไหวของ SET นับจากนี้อาจผันผวนมากหน่อยได้
กลยุทธ์: อย่างไรก็ตามเรายังคาดหวังกับเม็ดเงินจากกองทุน LTF และ RMF ที่จะเข้ามาเสริมแทน ดังนั้นจังหวะปรับตัวลงยังน่าเลือกหุ้นเข้าทยอยซื้อได้ โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ PTTEP, PTT, BANPU, SCC, PTTCH, KBANK, SCB, BBL,CPALL, TASCO, PTL, RCL, MINT, BGH, TUF, STEC, ITD, CK เป็นต้น)
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (0) ติดตามการประชุม FED ในประเด็น QE2 คืนนี้เพราะจะมีน้ำหนักสูงต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
• (-) สถานการณ์น้ำท่วมยังน่าเป็นห่วง กิจการที่ได้รับผลกระทบแล้วมีภาคการท่องเที่ยว, ธนาคารพาณิชย์ซึ่งปิดไปแล้วทั้งหมด 123 สาขา (BBL 26 สาขาKBANK 17 สาขา SCB 21 สาขา KTB 25 สาขา BAY 5 สาขา), บริษัทหลักทรัพย์, STA มีสำนักงานใหญ่และโรงงานผลิตถุงมือยาง (บ.ลูก) ปิดโรงงานเป็นการชั่วคราว แต่พื้นที่ปลูกยางของประเทศเสียหายมากกว่า STA จึงอาจได้ประโยชน์จากราคายางที่จะสูงขึ้น, CPALL มี 11 สาขาที่ถูกน้ำท่วม (เพียง 0.2%ของสาขาทั้งหมด), HMPRO มี 1 สาขาที่อยู่ในเดอะมอลล์ซึ่งปิดไป, BGT สาขาที่อยู่ในห้างไดอาน่าและห้างอื่นๆ 4-5 สาขาถูกปิดไป, KIAT ธุรกิจขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างยากลำบาก นอกจากนี้ บริษัทประกันภัยก็น่าจะได้รับผลกระทบทางลบเช่นกัน
• (-) TTCL รุกธุรกิจโรงไฟฟ้าสร้างความมั่นคงในระยะยาว TTCL ร่วมลงทุน60% กับบจก. นวนครการไฟฟ้า เพื่อสร้างโรงไฟฟ้า (SPP) 110 เมกะวัตต์ เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว คาดว่าจะมีรายได้ 1.2 พันล้านบาท/ปี หรือ 12-15% ของรายได้รวม คาดรายได้เริ่มเข้าใน 4Q12 ส่วนดีลที่ ITD จะขายหุ้นให้ผู้รับเหมาญี่ปุ่น คาดเสร็จก่อนสิ้นปีนี้ ดีกับ TTCL แนะนำซื้อ เป้าหมาย 12 บาท
• Fund Flow กลับมาไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาค แต่ปริมาณเบาบาง ส่วนใหญ่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวันและเกาหลีใต้เป็นหลัก แต่ขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยและอินโด ซึ่งเป็นตลาดให้ปรับขึ้นสูงสุดในเอเชีย เราไม่แปลกใจกับกระแสเงินทุนต่างชาติทีชะลอการลงทุน เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่รอผลกระประชุมเฟดที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้และตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่จะประกาศในวันศุกร์ แต่อย่างไรก็ตามเช้านี้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่องเมื่อเทียบกับยูโรที่แตะระดับ 1.4 ยูโรต่อดออลาร์ ซึ่งได้ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นรวมถึงน้ำมันดิบด้วย นอกจากนี้ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียและค่าเงินบาทก็แข็งค่าขึ้น
เช่นกัน นั่นหมายความว่านักค้าเงินส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพียงแต่จะมากหรือน้อยเพียงใดเท่านั้นเอง ดังนั้นค่าเงินบาทที่แข็งค่า
ขึ้นเป็นสัญญาณว่ากระแสเงินทุนต่างชาติก็มีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคมากขึ้น หุ้นกลุ่มน่าสนใจลงทุนเพื่อรับกระแสเงินทุนต่างชาติและราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ที่ปรับตัวสูงขึ้นหนี้ไม่พ้นหุ้นในกลุ่มปตท.

ข่าวภายในประเทศ
ดัชนีหุ้นไทยทะลุพันจุด จรัมพรยันบจ.สุดแกร่ง ตอก TDRI หน้าหงาย เข้าตลาดลดคอรัปชั่นประเทศ ดัชนีหุ้นไทยทะลุ 1 พันจุด สูงสุดในรอบ
JAS หุ้นทะยานขึ้น 2 บาทกำไร Q3 กระหึ่ม 34 4ล้าน ตัวเลข P/E ลดฮวบทันที – JTS ไม่น้อยหน้ากำไรพุ่ง 20% JAS ทะยานสู่ 2 บาท
หลังโชว์กำไรไตรมาส 3 กว่า 344 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 85% เชื่อ P/E ลดลงฮวบ จากล่าสุด 56.15 เท่า ลุ้นวันนี้วิ่งกระฉูดรับข่าวดี ขณะที่
JTS ไม่ยอมน้อยหน้ามองเป้าหมาย 3 บาทอยู่ตรงหน้า หลังโชว์กำไร Q3 กว่า 33.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 20% จากปีก่อน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 3-
11-2010)
78 บจ.ร่วมงานออปเดย์ตลท. ตลท. จัดงาน Opportunity Day ยิ่งใหญ่ ดึง 78 บจ. มาร์เก็ตแคปรวม 1.5 ล้านล้านบาท “ชนิตร” ล้ำสมัยถ่ายทอดสดผ่าน ช่องทาง 3G WiFi และ EDGE แบบเรียลไทม์ผ่านเว็บไซต์ ตลท. และเซ็ตเทรด ดีเดย์เริ่ม 10 พ.ย.-2 ธ.ค. โปรโมทกลุ่มเหล็กก่อนแยกเซ็นเตอร (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 3-11-2010)
SVI-W2 วิ่งไล่แม่แปลงสิทธิ์มีกำไร Q3 กำไร 150 ล้าน SVI-W2 ราคากวดหุ้นแม่ สุดคุ้มใช้สิทธิแค่ 1 บาท ราคาต่ำกว่าซื้อหุ้นสามัญครึ่งปีหลังลุ้นจ่ายปันผล 0.10 บาท ผู้บริหารชี้ผู้ถือหุ้นจ่อคิวใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพียบแน่ ลั่นไตรมาส 3 ยอดขายโตทะลุ 60 ล้านเหรียญ ขานรับออเดอร์แน่น ฟากวงการคาดกำไรทะลุ 150 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 3-11-2010)
PTTEP กำไร 4 หมื่นล้าน! ราคาหุ้นพื้นฐาน 200 บาท PTTEP ประกาศเปรี้ยงปีนี้กำไรเกิน 4 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนทำได้แค่ 2 หมื่นล้านบาทจากยอดขายกว่า 1.2 แสนล้านบาท บล.ฟิลลิป ประเมินกำไรปีนี้ได้เห็น 4.3 หมื่นล้านบาท ให้ราคาเป้าหมายเฉียด 200 บาท “ประเสริฐ” ขยับเม็ดเงิน
ลงทุน 5 ปีเพิ่มเป็น 1 ล้านล้านบาท เน้นขยายลงทุนธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่ม สั่ง PTTEP ลุยเจรจาซื้อกิจการในต่างประเทศอีกเพียบ (ที่มา:
นสพ.ข่าวหุ้น 3-11-2010)
BH โชว์ไตรมาส 3 กำไรกระฉูด111% รายได้เกิน 2.6 พันล้าน ลุ้นครึ่งหลังปันผล 0.45 บาท BH ไตรมาส 3 แจ่ม คาดกำไรโต 111% อยู่ที่
353 ล้านบาท มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2,600 ล้านบาท ขณะที่การเติบโตของผู้ป่วยต่างชาติจะผลักดันกำไรในไตรมาส 4/53 ยังเติบโตต่อเนื่องไปในปี 2554
ผู้บริหารแย้มผลงานไตรมาส 3 ดีขึ้นจากไตรมาส 2/53 ยอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากช่วงฤดูฝน แนะซื้อรอปันผลครึ่งปีหลัง 0.45 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 3-
11-2010)
MFEC ปีนี้รายได้ทรงตัว 2.7 พันล้านเตรียมขยายฐานปฏิบัติการ 40 แห่ง MFEC ผลประกอบการทรงตัวที่ 2,700 ล้านบาท ล่าสุดเหมางานไอซี
ที โซลูชั่นในเครือปตท. รับติดตั้งอุปกรณ์รองรับการประชุมทางไกลเสมือนจริงเริ่มเฟสแรกใช้เงินกว่า 30 ล้านบาท เตรียมขยายเฟสที่เหลือเชื่อมต่อสถานีฐานปฏิบัติการอีก 40 แห่งเข้าด้วยกัน ฟาก “พีทีที ไอซีที โซลูชั่นส์” ระบุใช้ระบบไอทีช่วยลดรายจ่ายสูงถึง 50% คาดการณ์รายได้ปีนี้พันล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 3-11-2010)
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.

ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: นักวิเคราะห์คาด FED ใช้มาตรการ QE ในการประชุมครั้งนี้ แต่ยังไม่อาจพลิกฟื้นศก.ได้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ด้วยการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรในวงเงินที่สูงขึ้น ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งจะเสร็จสิ้นในคืนวันพุธที่ 3 พ.ย.ตามเวลาประเทศไทย อย่างไรก็ตาม คาดว่า มาตรการดังกล่าวจะยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยคลี่คลายวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐได้ เนื่องจากจำนวนชาวอเมริกันที่ว่างงานมีอยู่เกือบ 15 ล้านคนในขณะนี้ (ที่มา: อินโฟเควสท์2-11-2010)
จีน: ยอดการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทจีนช่วง 3 ไตรมาสแรกปีนี้สูงขึ้น 10.4% ยอดการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทจีนช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ขยายตัวขึ้น 10.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี แม้ว่าการลงทุนทั่วโลกโดยรวมจะร่วงลงในช่วงเวลาเดียวกันนี้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 2-11-2010)
จีน: หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สนง.สถิติจีนคาด CPI ทั้งปีส่อเค้าโตเกินเป้า 3% ของรัฐบาล นายเหยา จิงหยวน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) กล่าวว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่สำคัญ มีแนวโน้มว่าจะขยายตัวเกินระดับเป้าหมาย3% ที่รัฐบาลกำหนดไว้ในปี 2553 แต่จะไม่สูงเกินกว่าระดับ 3.5% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 2-11-2010)
เอเชีย: ธนาคารกลางอินเดียประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% วันนี้ เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ธนาคารกลางอินเดียตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงมาอย่างต่อเนื่อง ในภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวแข็งแกร่ง การประกาศขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวจะส่งผลให้repo rate หรืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นที่ธนาคารพาณิชย์จ่ายให้กับแบงก์ชาติ เพิ่มขึ้นเป็น 6.25% และ reverse repo rate หรืออัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางจ่ายให้กับเงินฝากของแบงก์พาณิชย์ เพิ่มขึ้นเป็น 5.25% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 2-11-2010)
เอเชีย: ทุนสำรองต่างประเทศเกาหลีใต้พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนต.ค. ทุนสำรองเงินต่างประเทศของเกาหลีใต้พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางภาวะแข็งค่าของเงินเยนและเงินยูโร ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้ในเดือนต.ค. มียอดรวมอยู่ที่ 2.933 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 2.897 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. (ที่มา: อินโฟเควสท์ 2-11-2010)
เอเชีย: มูลค่าการส่งออกยางของเวียดนามช่วง 10 เดือนแรกพุ่งขึ้น 94.5% สำนักงานสถิติเวียดนามเปิดเผยว่า มูลค่าการส่งออกยางของเวียดนามในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 1.68 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งดีดตัวขึ้นถึง 94.5% จากปีก่อน โดยเป็นผลมาจากราคายางในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูง ส่วนปริมาณการส่งออกยางในเดือนม.ค.-ต.ค.เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะ 598,000 ตัน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 2-11-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น