Code 187 : ลุ้น มาตรการผ่อนคลายเชิงนโยบาย QE คืนนี้

วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน 2553
ATT Code : ลุ้น มาตรการผ่อนคลายเชิงนโยบาย QE คืนนี้
----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
2 พย. 53 (+18.78 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ต้องไม่ต่ำกว่า 991.90 จุด
ดัชนีในวันจันทร์ ทำจุดสูงสุดใหม่ของปีที่ 1003.24 ได้ดังนั้นจากนี้ไป ถ้าไม่ต่ำกว่า 991.90 จุดต่ำสุดของวันจันทร์ ถือว่าตลาดมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นยังเป้าหมาย 1047 จุด หรือประมาณระยะทางนับจากจุดต่ำสุดของวันที่ 20 กย. ถึงจุดสูงสุดของวันที่ 4 ตค. ในรูปแบบของZigzag Wave ( ก่อนที่จะปรับฐานใหญ่ต่อไปแถว 930 – 940 จุด )

ขณะเดียวกันการปรับตัวลง ต่ำกว่า 975จุด จะทำให้เกิด “สัญญาณขาย” ในเครื่องมือPoint & Figure มีเป้าหมายในการปรับฐานใหญ่แถว 900 – 910 จุด สำหรับภาพระยะหนึ่งเดือนข้างหน้า

หุ้นเด่น
TOP
ปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันได้อีกครั้ง รอซื้อตามมื่อปรับตัวเกิน 55.25จุดสูงสุดวันจันทร์ เป้าหมายสองสามวัน59.00 – 61.00( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 53.50 )59 – 61

PTTAR
ปรับตัวทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะวันขึ้นมาได้ ทยอยซื้อแถว 31.25 – 31.50 หรือซื้อตามมื่อปรับตัวเกิน 32.25 จุดสูงสุดวันจันทร์เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 32.75 – 33.75( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 31.00 )

Intraday มีโอกาสปรับฐานแถว 999 - 1001
ไม่ต่ำกว่า 991 ขึ้นต่อ 1032 - 1047 หนึ่งถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า

TASCO
กำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะวัน รอซื้อตามมื่อปรับตัวเกิน 79.50 กรอบบนของสามเหลี่ยม เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 83.00 – 86.00
( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 77.50 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
PTTAR รายละอียดใน “หุ้นเด่น”
PTTEP ไม่ต่ำกว่า 176.50 ขึ้น 181 – 182
PTTCH ไม่ต่ำกว่า 146 ขึ้น 149 - 150
PTT ไม่ต่ำกว่า 303 ขึ้น 310 – 315
TOP รายละอียดใน “หุ้นเด่น”
BANPU เกิน 790 ขึ้น 798 – 802
BBL เกิน 151.50 ขึ้น 153 – 154
BJC ต่ำกว่า 22.70 ลง 21 - 22
IVL เกิน 35 ขึ้น 37 - 38
ADVANC แกว่งตัว 89.75 – 91

----------------------------------------------------------------------------------
หุ้นที่มีสตอรี่รอ (โปรดอ่าน)
กำหนดการที่รออยู่
1. PTTCH PTTAR กระแสแลกหุ้นควบรวม 1ต่อ5 ทำให้มอง CH ยังถูก - คาดประกาศรายละเอียดปลายปีหรือต้นปีหน้า
2.BJC วันที่5 เดือนนี้ประกาศผลคาร์ฟู์รอบ2
3.JAS JTS SAMTEL SAMART LOXLEY ลุ้น3จีทีโอที จะมีการประชุมบอร์ดในวันนี้ เพื่อเปิดขายซองประกวดราคาขยายโครงข่าย 3G ทั่วประเทศในวันที่ 10-23 พ.ย. และคาดว่าจะได้ข้อสรุปราคาในวันที่ 31 ธ.ค.53 - 5 ม.ค.54 โดยมีงบลงทุนที่ ครม.อนุมัติแล้ว 1.99 หมื่นลบ.
4. JAS JTS TT&T ศาลพิจรณาแผนฟื้นฟู TT&T 28/12/53 JTS อาจได้ รับหนี้คืนเกือบ 500 ล้านบาท - JAS ถือ TT&T เกือบ25%
5. STEC CK ITD เรื่องเซ็นสัญญารถไฟฟ้า สารพัดสี - ล่าสุด CK สัปดาห์หน้ามีลุ้นเซ็นงานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสัญญา2
6.TPIPL อยู่ระหว่างการยื่นอุทรณ์ คดี่าปรับ - ยึดทรัพย์6.9พันล้าน
7. GSTEEL รอเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้แปลงหนี้เป้นทุน เรียกประชุมเจ้าหนี้รอบใหม่ 8/11/53

แนวโน้มสินค้าโภคภัณฑ์ทางเกษตร
1.STA - TRUBB ราคายาง ราคายางตลาด Future ของญี่ปุ่น ลดลง : ปิดที่ 316.70 เยนต่อกิโลกรัม ลดลงจากวันก่อนที่ 317.50 เยนต่อกิโลกรัม แต่ปรับตัวขึ้นต่อเช้านี้เป็น 319.30 เยนต่อกิโลกรัม - APRIL-DELIVERY RUBBER IN TOKYO CLIMBS AS HIGH AS 343.2 YEN/KG - RUBBER IN TOKYO CLIMBS TO HIGHEST SINCE JULY 2008
2. KSL ราคาน้ำตาลปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดรอบ 9 เดือนต่อเนื่อง +1.13% dod ปิดที่ 29.45/ปอนด์ เพิ่มขี้น 0.33 เซนต์ต่อปอนด์
3.TVO ในไตรมาส 4/53 อุปทานที่น้อยที่ช่วยหนุนผลผลิตข้าวโพดปลายปี - ถั่วเหลืองราคาสูงสุดรอบ14เดือน มีโอกาสขยับจาก 12 เหรียญต่อบุชเชล ไปสูงกว่า 13 เหรียญต่อบุชเชล หนุนประสิทธิภาพการทำกำไร
4.KASET เกาะกระแสน้ำท่วมทั้งในและต่างประเทศ หนุนความต้องการอาหารแห้งเพิ่ม โดยเฉพาะข้าวสาร คาดผลผลิตข้าวไทยจะลดลง20% ในปีหน้า จากเหตุการณ์น้ำท่วม ......
5.LST & UPOIC GS & UBS ปรับเพิ่มน้ำหนักใน soft commodities ขึ้น และให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน เพราะว่าจะเกิดภาวะขาดแคลนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง CPO หรือน้ำมันปาลม์ซึ่งจะขาดแคลนมาก
----------------------------------------------------------------------------------
คลังถกแบงก์ชาติรับมือQE2
คลังนัดแบงก์ชาติถกหามาตรการรับมือ QE2 หวั่นป่วนตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ดันค่าบาทแข็งโป๊ก!! พร้อมนัด BOI หารือกระตุ้นเอกชนขนเงินลงทุนนอก ลดแรงกดดันค่าบาท ด้าน"ศูนย์วิจัยกสิกรไทย"คาดเฟดตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.00-0.25% ตามเดิม พร้อมใช้ QE2 แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในสหรัฐ
ขณะนี้ทั่วโลกกำลังลุ้นระทึกกับมาตรการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะประกาศออกมาอีกระลอก โดยคาดกันว่าหลังการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในวันที่ 2-3 พ.ย.นี้ จะมีการประกาศมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่สอง(QE2)ออกมา ซึ่งสาระสำคัญของมาตรการนี้คือการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจด้วยการไล่ซื้อสินทรัพย์และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐด้วยวงเงินที่คาดเดาได้ยาก
อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นนักวิเคราะห์คาดกันว่าเม็ดเงินที่ใช้ครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และใช้ระยะเวลาดำเนินมาตรการอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งการใช้มาตรการดังกล่าวจะกดดันให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงและสร้างความปันป่วนให้กับตลาดอัตราแลกเปลี่ยนทั่วโลก รวมถึงค่าเงินบาทของไทยที่อาจจะแข็งค่าขึ้นได้อีก ส่งผลให้หน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจของไทยต้องเร่งหามาตรการรับมือ
สำหรับตลาดหุ้นไทยยังคงรอดูความชัดเจนของมาตรการดังกล่าว ขณะที่นักลงทุนต่างชาติทยอยขายหุ้นขนาดใหญ่เพื่อลดความเสี่ยงก่อนที่เฟดจะแถลงความชัดเจน ขณะที่นักวิเคราะห์แนะนำให้ใช้จังหวะนี้เก็บหุ้นบลูชิพเมื่อราคาอ่อนตัว ***** คลังถกแบงก์ชาติรับมือQE2
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจได้มีการหารือถึงปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นคาดการณ์ว่าการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ในวันที่ 2-3 พ.ย.นี้จะมีการออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE)รอบใหม่ ซึ่งจะสร้างแรงกดดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นได้ โดยเรื่องดังกล่าว นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะหารือกับ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ในช่วงบ่ายวันนี้(1 พ.ย.)หรือในวันพรุ่งนี้ เพื่อหามาตรการรับมือต่อไป
"ในเรื่องนี้(QE) ทางรัฐมนตรีคลัง กับ ผู้ว่าธปท. จะหารือเพิ่มเติมบ่ายนี้หรือพรุ่งนี้ ซึ่งคิดว่ายังทัน เพราะว่าอเมริกาจะประกาศนโยบาย ก็ประมาณวันพุธ"นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้เตรียมที่จะหารือกับ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธปท. เพื่อหาแนวทางรับมือมาตรการ QE ที่เฟดจะประชุมในวันที่ 2-3 พ.ย.นี้ ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องและส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนมากขึ้น
พร้อมกันนี้ จะหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI)เพื่อหามาตรการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยหันไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น เพื่อที่จะช่วยลดแรงกดดันในส่วนของค่าเงิน โดยเฉพาะมาตรการเพิ่มความรู้ในด้านการลงทุน รวมทั้งหาแหล่งเงินทุน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ ซึ่งรัฐบาลก็จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด

***** กสิกรไทยคาดเฟดตรึงดอกเบี้ย
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า วันที่ 2-3 พ.ย.นี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คงจะมีมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ไว้ที่ร้อยละ 0.00-0.25 ตามเดิมในการประชุมรอบที่ 7 ของปี พร้อมทั้งแถลงถึงความจำเป็นในการดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing: QEII) เพิ่มเติม (แม้จะด้วยเสียงที่อาจไม่เป็นเอกฉันท์) เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี คาดว่าเฟดน่าจะเลือกดำเนินมาตรการ QEII อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยอาจมีการระบุถึงวงเงินและกรอบระยะเวลาการเข้าซื้อสินทรัพย์ในเบื้องต้น แต่เปิดกว้างสำหรับการดำเนินการเพิ่มเติมในระยะถัดไปหากเห็นว่าจำเป็น ดังเช่นกรณีการดำเนินการ QEI เพื่อสร้างความยืดหยุ่นและไม่ให้การดำเนินการดังกล่าวเกิดผลกระทบทางลบต่อตลาดการเงินในภาพรวม
ทั้งนี้ เนื่องจากการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการดำเนินมาตรการ QEII ของเฟด เป็นสิ่งที่ตลาดเงินและตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วพอสมควร ฉะนั้น ปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางการปรับตัวของตลาดในระยะสั้น คงจะอยู่ที่แถลงการณ์หลังการประชุมซึ่งจะบ่งชี้ถึงมุมมองของเฟดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ตลอดจนขนาดและกรอบระยะเวลาในการดำเนินมาตรการ QEII ว่าจะมีความแตกต่างมากน้อยเพียงใดไปจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ส่วนในระยะถัดไปนั้น พัฒนาการของเครื่องชี้เศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ จะยังคงเป็นตัวแปรที่มีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายของเฟด มุมมองของนักลงทุน รวมถึงแนวโน้มความเคลื่อนไหวของตลาดการเงินโลก ซึ่งคงต้องยอมรับว่า แม้เฟดจะดำเนินมาตรการ QEII แต่ประสิทธิผลที่จะสะท้อนผ่านการฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจสหรัฐฯในเวลาอันรวดเร็ว คงจะคาดหวังได้ค่อนข้างจำกัด
นั่นหมายความว่า สภาวะความไม่สมดุลทางเศรษฐกิจโลกที่นำโดยสหรัฐฯ จะยังมีแนวโน้มดำเนินต่อไปอย่างน้อยอีก 6-9 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้กระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศยังมีแนวโน้มเคลื่อนเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียและสร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินในภูมิภาคเอเชียอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง ในขณะเดียวกัน การเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของเฟด ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณเงินเข้าสู่ระบบ ก็อาจนำมาสู่โอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะเกิดความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมากขึ้นในระยะปานกลางถึงระยะยาว อันเป็นผลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามเงินดอลลาร์ฯที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง
ฉะนั้น นานาประเทศ รวมถึงทางการไทย คงจะต้องเผชิญกับโจทย์ที่ท้าทายและสร้างความซับซ้อนให้กับการดำเนินนโยบายในระยะถัดไป เพื่อรักษาสมดุลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของประเทศผ่านการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ย และเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ควบคู่กับนโยบายการคลังที่เหมาะสม ในขณะที่ภาคเอกชนก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องเตรียมแผนการรับมือทั้งในระยะสั้นและยาว ท่ามกลางสภาวะที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความผันผวนของตลาดการเงินโลกในช่วงปีข้างหน้า

***** นักวิเคราะห์คาดอาจมี QE3-QE4 ตามมา
บทวิเคราะห์บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ระบุว่า GDP ไตรมาสที่ 3 ของสหรัฐฯ ขยายตัว 2.0% หลังจากขยายตัว 1.7% ในไตรมาสที่ 2 แต่ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการคาดการณ์ว่า Fed จะประกาศการทำ QE ในการประชุม FOMC วันที่ 2-3 สัปดาห์นี้ การใช้จ่ายส่วนบุคคลขยายตัวในอัตราเร่งสูงขึ้นโดยขยายตัว 2.6% เทียบกับ 2.2% ในไตรมาสที่ 2
ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลงเหลือ 9.7% ลดลงจาก 17.2% ในไตรมาสที่ 2 นอกจากนี้อัตราการว่างงานเดือนตุลาคมที่จะประกาศในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 9.6% หรือ 14.8 ล้านคน จากการสำรวจของ Reuters นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า Fed จะซื้อพันธบัตรในช่วง 80,000-100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน หรือ ประมาณ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการทำ QE ครั้งนี้ นอกจากนี้ยังมีบางส่วนคาดว่า จะมี QE3 และ QE4 ตามมา

***** FSS เชียร์เก็บบิ๊กแคป
บทวิเคราะห์บล.ฟินันเซีย ไซรัส(FSS) ระบุว่า สัปดาห์นี้เลือกซื้อหุ้นตามแนวรับ สัปดาห์นี้หุ้น Big cap. ยังถูกกดดันจากการขายของต่างชาติและดอลลาร์อ่อนค่าจนกว่าการผ่านพ้นการประชุม Fed คืนวันพุธที่ 3 พ.ย.นี้ ซึ่งถือเป็นโอกาสดีในการสะสมหุ้น Big cap. ที่แนวรับ 980 จุด (แนะนำ PTTEP, PTT, BANPU, SCC, PTTCH, KBANK, SCB, BBL) ขณะที่หุ้นขนาดกลาง - เล็กจะยังนำตลาด (แนะนำ CPALL, TASCO, PTL, RCL, MINT, BGH, TUF)

*****กิมเอ็งเตือนระวัง Sell on Fact
บทวิเคราะห์บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ระบุว่า วงเงินช่วยเหลือเศรษฐกิจรอบ 2 ของเฟด(QE2) ซึ่งการประชุมจะมีขึ้นวันที่ 2-3 พ.ย.นี้ โดยตลาดต่างคาดการณ์ถึงวงเงินการอัดฉีดรอบ 2 นี้ US$5 แสนล้าน พร้อมกับระยะเวลาการทยอยอัดฉีด 6 เดือน ทั้งนี้การตอบรับของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่อประเด็นนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ได้ 3 แนวทางดังต่อไปนี้
1.วงเงินต่ำกว่าที่คาด: เชื่อว่าเงินทุนจะไหลกลับเข้าสินทรัพย์ที่ปราศจากความเสี่ยง อย่างพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เงินดอลลาร์แข็งค่าอย่างรวดเร็ว เพราะเชื่อว่าตลาดจะประเมินถึงผลต่อการช่วยเหลือเศรษฐกิจจะเป็นไปอย่างจำกัด
2.วงเงินและระยะเวลาใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด: น่าจะเกิดการขายเพื่อสะท้อนปัจจัยบวกนี้ (Sell on Fact)
3.วงเงิน และเงื่อนไขการอัดฉีดดีกว่าคาด: เงื่อนไขนี้น่าจะทำให้เงินทุนไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างโดดเด่น เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เป็นบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า และราคาทองคำ
อย่างไรก็ตาม KimEng กลับประเมินว่าโอกาสเกิดในกรณีที่ 2 มีมากกว่า 50% ที่จะเกิดขึ้น เพราะไม่ว่าจะเป็นวงเงิน และระยะเวลาค่อนข้างเอื้อต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 นี้ เพราะวัตถุประสงค์หลักของการออกมาตรการครั้งนี้น่าจะเป็นเพียงการประคอง โมเมนตัม ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เท่านั้น แต่หากต้องการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจมากเกินไป แน่นอนว่าเป็นผลดีในระยะสั้นเท่านั้น ระยะกลางถึงยาว อัตราเงินเฟ้อสูง (Hyper Inflation) จะตามมา ซึ่งน่าจะเป็นโจทย์ที่ยากต่อการแก้ไขได้เช่นกัน
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS: ดัชนีดีดขึ้นเหนือ 1000 จุดควรซื้อให้น้อยลง และเริ่มหาจังหวะทำกำไร...
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นไทยสามารถดีดบวกขึ้นมาแถว 1000 จุดได้อีกครั้ง และปิดสูงกว่าเล็กน้อยได้ด้วย โดยคาดว่าเป็นแรงซื้อเก็งกำไรลุ้นผลการประชุมเฟดใน
วันนี้และพรุ่งนี้ซึ่งตลาดยังคงคาดว่าจะมีเม็ดเงินใหม่จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐไหลมายังภูมิภาคเอเชียอยู่ แต่ระหว่างรอผลการประชุมดังกล่าว FSS คาด
ว่า SET จะยังมีลักษณะแกว่งตัวผันผวน เนื่องจากช่วงนี้นักลงทุนต่างประเทศยังคงมียอดขายสุทธิในตลาดหุ้นบ้านเราต่อเนื่อง รวมทั้งสถานการณ์น้ำท่วมที่ลุกลามไปยังพื้นที่ภาคใต้หลังมีพายุเข้าเมื่อคืนนี้อาจเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเริ่มกังวลต่อผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยได้ อย่างไรก็ตามเรายังคาดว่าSET จะอยู่ในลักษณะแกว่งตัวผันผวนแต่เน้นหนักทางด้านขยับขึ้นได้อยู่กลยุทธ์: ดังนั้นตลาดขยับขึ้นจึงควรแบ่งส่วนขายทำกำไรบ้าง ส่วนจังหวะซื้อที่ดียังสามารถรอช่วงตลาดปรับพักตัวลงอีกครั้ง โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ PTTEP,PTT, BANPU, SCC, PTTCH, KBANK, SCB, BBL, CPALL, TASCO, PTL, RCL,MINT, BGH, TUF เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (+) GLOW คาดกำไร 3Q10 จะดีมาก +60% Q-Q และ 80% Y-Yจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน และจะดีต่อเนื่องใน 4Q10 จากกำลังการผลิตใหม่ เราปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 62 บาท แนะนำซื้อ
• (+) KBANK เป็นธนาคารแรกที่ให้เป้าหมายทางการเงินปี 2011 โดยรวมใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ และอาจมี Upside เพิ่มขึ้นจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ยังแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 140 บาท
• (-) LPN ยอดจองลุมพินีพาร์ค ริเวอร์ไซด์ พระราม 3 อยู่ที่ 70% ของทั้งหมด2.3 พันยูนิต น้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะถูกจองทั้งหมด 100% แต่มี
Backlog รองรับรายได้ปี 2010 และ 2011 เท่ากับ 100% และ 94.8% ของคาดการณ์รายได้แล้ว ราคาเป้าหมาย 12.45 บาท ยังแนะนำ ซื้อ
• วันนี้มี DW เข้าใหม่ 3 ตัวคือ PTTE42CA, BBL42CA และ PTTA08CAอายุประมาณ 4-5 เดือน
• Fund Flow ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาค แต่ปริมาณก็ยังเบาบาง แม้ว่าจะซื้อสุทธิหนักในตลาดหุ้นไต้หวัน ปริมาณการซื้อขายที่ชะลอลงไปก็ยังเป็นเหตุผลเดิมที่นักลงทุนส่วนใหญ่รอผลประชุมเฟดในวันพุธนี้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรืออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบมากน้อยเพียงใด แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากตัวเลขภาคการผลิตและอุตสาหกรรมของจีนและ UK ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเยนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปีอีกครั้งหนึ่ง เรายังมองว่าแนวโน้มกระแสเงินทุนจากต่างชาติยังไม่ถอดใจหรือเทขายหุ้นในตลาดหุ้นเอเชีย แต่อาจจะเป็นขายเพิ่มทำกำไรบางส่วนเท่านั้น เพราะเราเชื่อว่าด้วยเศรษฐกิจจีนและเอเชียที่ยังแข็งแกร่งและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงก็จะยังเป็นตัวดูดเม็ดเงินจากต่างชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นช่วงนี้อาจเน้นเลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดี มีข่าวสนับสนุนจะดีกว่าเพราะ SET วิ่งเกิน1000 จุดแล้ว

ข่าวภายในประเทศ
ดัชนีหุ้นไทยทะลุพันจุด จรัมพรยันบจ.สุดแกร่ง ตอก TDRI หน้าหงาย เข้าตลาดลดคอรัปชั่นประเทศ ดัชนีหุ้นไทยทะลุ 1 พันจุด สูงสุดในรอบ14 ปี “จรัมพร” ยันผู้ลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศเชื่อมั่นศักยภาพ มั่นใจ บจ. ไทยยังแข็งแกร่ง ให้ผลตอบแทนที่ดี พร้อมตอกกลับ TDRI เรื่องธรรมภิบาล บจ. ยืนยันระบบการเปิดเผยข้อมูลและการบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพในระดับแนวหน้า ให้ความสำคัญยกระดับบรรษัทภิบาลของ บจ. หากบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์เข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น จะช่วยลดปัญหาคอรัปชั่นของประเทศ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 2-11-2010)
BBLสินเชื่อปีหน้าโต 5% มูดี้ส์เพิ่มอันดับเครดิต ผู้บริหารธนาคารกรุงเทพ (BBL) ยังมั่นใจว่าปี’54 สินเชื่อจะเติบโตได้ 4-5% ส่วนเอ็นพีแอลปีนี้ลง
เหลือ 4% ขณะที่ก่อนหน้านี้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ “มูดี้ส์” ได้ปรับเพิ่มแนวโน้มเครดิตธนาคารพาณิชย์ไทย 4 แห่ง ทั้ง BBL KTB KBANK
และ SCB (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 2-11-2010)
RATCH ทุ่มงบแสนล้าน ลงทุนโรงไฟฟ้าลาว 2 แห่ง RATCH ทุ่มงบกว่า 1.1 แสนล้านบาท ลงทุนโรงไฟฟ้าลาวเพิ่ม 2 แห่ง มีกำลังผลิตประมาณ
1,500 เมกะวัตต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตร “นพพล” ลั่นตั้งแต่ปี'54 เป็นต้นไปจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นปีละ 20% พร้อมตั้งงบ 6,000 ล้าน
บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 2-11-2010)
AH-SAT-TRU โชว์กำไรทะลัก หุ้นชิ้นส่วนกำไรไตรมาส 3 ปรี๊ดเกิน 100% เหนืออุตสาหกรรม TRU โชว์เทิร์นอะราวด์ งบ Q3 สวยหรู “สมพงษ์”ออกโรงการันตีรายได้ปีนี้โตทะลักขั้นต่ำ 40% SAT จ่อทุบสถิติด้วยยอดขาย 1,600 ล้านบาท กำไรท่วม 200 ล้านบาท ส่วน AH กำไรขั้นต่ำ 100 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 2-11-2010)
PTTCH-PTTAR ครึกครื้นขานรับข่าวควบกิจการ หุ้น PTTCH-PTTAR วิ่งขานรับข่าวควบรวมกิจการ หากใช้วิธี Amalgamation จะให้อัตราส่วนการSWAP หุ้นกับบริษัทใหม่ที่จะตั้งขึ้นโดย 1 หุ้น PTTCH จะแลกหุ้นบริษัทใหม่ได้ 1 หุ้น ส่วน PTTAR 1 หุ้นแลกได้ 0.22 หุ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 2-11-2010)
PREB ฟุ้งปี 54 โตต่อเนื่อง 30% รับงานก่อสร้างพุ่ง 3,800 ล้าน จ่อบุ๊คคอนโด 457 ล้าน "พรีบิลท์" ฟุ้งปีหน้ารายได้รวมในเครือทะลัก 2,747
ล้านบาท เติบโต 30% จากปีนี้ หลังตุนงานก่อสร้างในมือ 3,800 ล้านบาท บุ๊คโอนคอนโดฯ 457 ล้านบาท บวกรายได้ขายวัสดุก่อสร้างพุ่ง 390 ล้าน
บาท พร้อมทุ่มงบซื้อที่ดิน 1,000 ล้านบาท ซื้อที่ดินลุยผุดคอนโดฯตามแนวรถไฟฟ้า และบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ในเมืองและชานเมือง (ที่มา: นสพ.ข่าว
หุ้น 2-11-2010)
PYLON รับงานเสาเข็ม 121 ล้าน CK ทุ่ม 40 ล้านเพิ่มทุนบริษัทลูก PYLON คว้างานเสาเข็มเพิ่ม 6 โครงการ มูลค่า 121.46 ล้านบาท
ดันแบ็กล็อกเพิ่มเป็น 850 ล้านบาท ทยอยรับรู้เป็นรายได้ต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า ส่วนช่วงที่เหลือของปีนี้ซุ่มยื่นประมูลงานใหม่อีก 600 ล้านบาท
คาดได้งาน 30% ด้าน CK ได้งานสร้างทางด่วนมูลค่า 51.06 ล้านบาท ทุ่มงบ 40.5 ล้านบาท เพิ่มทุนให้บริษัทลูกคงสัดส่วนถือหุ้น 81% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 2-11-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยตัวเลขการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมก่อสร้างขยายตัว 0.5% แตะระดับ 8.017 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับระดับ 7.975 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม เพราะได้แรงหนุนจากโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและการก่อสร้างหน่วยงานราชการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 2-11-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยตัวเลขใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด 0.2% ขณะรายได้ส่วนบุคคลลดลง 0.1% กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.ย.ขยับขึ้นเพียง 0.2% น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%เนื่องจากรายได้ส่วนบุคคลเดือนก.ย.ปรับตัวลดลง 0.1% ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงครั้งแรกในรอบ 14 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ารายได้ส่วนบุคคลจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. (ที่มา: อินโฟเควสท์ 2-11-2010)
สหรัฐอเมริกา: สถาบัน ISM เผยดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.ของสหรัฐขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 เดือน สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ(ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 56.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 54.0 จุด หลังจากขยายตัว 54.4 จุดในเดือนก.ย. (ที่มา: อินโฟเควสท์ 2-11-2010)
----------------------------------------------------------------------------------
หุ้นมีข่าว by แม่หมอ (เช้า) 2/11/53
สภาพตลาดวันนี้

SET 1/11/53ปิดที่ 1003.24 จุด +18.78 จุด ฝรั่งขาย751 ล้าน กองทุนซือ้2282ล้าน พอร์ตบลซือ้ 1049ล้าน
หากยืนเหนือแนวต้านแรก1004 จุดได้ ดูแนวต้าน ต่อไปที่1021 จุด แนวรับ 999/995/991 จุด ........
เช้านี้ตลาดตปท.อ่อนตัว ดอลล่าร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย น้ำมันปรับขึ้น ทองลง BDI ติดลบ .........
วันนี้ติดตามผลการเลือกตั้งสหรัฐ -รีพลับลิกันคว้าชัยชนะเลือกตั้งวันนี้ .......
ติดตามเฟดทำ QE 2พรุ่งนี้ หากออกมาดีกว่าคาดน่าจะส่งผลบวกต่อตลาดทั่วโลก - Bloomber Survey พบว่านักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองของสหรัฐฯ (QE2) ประมาณ 5 แสนล้านเหรียญ.........
พายุถล่มหาดใหญ่เช้านี้จมบาดาลไฟดับมืดทั้งเมือง - ฝนตกไม่หยุดหวั่นซ้ำรอยปี 43 รัฐไฟเขียว 10 มาตรการเยียวยา ....
PTTA08CA PTTE42CA BBL42CA เข้าซื้อขายวันนี้.....
--------------------------------------------------------------
หุ้นในกระแสข่าว
(หุ้นที่อยู่ในกระแสข่าวรวบรวมมาให้จากบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ และหนังสือพิมพ์ แต่ไม่สามารถคาดการณ์ราคาขึ้นลงได้ โปรดใช้วิจรณญานในการอ่านด้วย )
1.STEC KESTKSEC BLS ให้15/16.2/18.4บาท แนวโน้มงานก่อสร้างในประเทศขยายตัวประเมินกำไรสุทธิใน Q3/53 จะเติบโต 29.2% yoy และ 3.5% qoq เผยข้อมูลในมือพุ่ง 4 หมื่นล้านบาท สูงสุดในรอบ 50 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท คาดทยอยรับรู้ไตรมาส 4 เฉียด 2 พันล้านบาท - RBS ปรับ STEC จาก 15 ขึ้นสู่ 17(Buy) ปรับ 10-12EPS ขึ้น 8-11% ปรับ GM ขึ้นจาก 7.6% สู่ 8.8% หลังชนะประมูลโรงไฟฟ้า 7 แห่งของ Gulf JP มูลค่า 6.4 พัน ลบ. คาดจะชนะอีก 1 สัญญามูลค่า 3 พัน ลบ.ในช่วงปีที่เหลือ คาดมีโอกาสชนะสายสีแดงในการประมูล
2.CPFBLS มอง พื้นฐาน 28.40 บาท -การันตีบาทแข็งไม่กระทบธุรกิจ มั่นใจกำไรปีนี้โต 20% จากการขยายตลาดในอินเดีย ตุรกี และรัสเซีย เติบโตของกำไรใน 3 ปีข้างหน้าถึง 13%เชื่อกำไรไตรมาส 3 ทำนิวไฮ 4,200-4,400 ล้านบาท ดัน 9 เดือนกำไรกว่า 11,000 ล้านบาท - ไทยเอ็นวีดีอาร์ซือ้วานนี้
3.PTTCH ML MS KSEC ให้เป้าหมาย 149/162 /195บาท ขานรับกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 900 ล้านบาทในไตรมาส 3 ส่งผลให้ผลประกอบการไม่แย่มาก คาด Q3 รายได้ 2.08 พันล้านบาท ลดลง 10% ดีขึ้นกว่าเดิมที่ 1.5 พันล้านบาท
4.PTTAR KKแนะนำซื้อ เป้าหมาย 34.50 บาท เนื่องจากคาดบ.มีกำไรไตรมาส 3/53 ที่ 1,041 ลบ. กำไรต่อหุ้น 0.35 บาท ผลประกอบการฟื้นจากขาดทุน 516 ลบ. ในไตรมาส 2/53 Morgan Stanley คาดธุรกิจปิโตรเคมีเข้าสู่ช่วงขาขึ้นรอบ
5.PTTEP .กำไรQ3 โต 100% ทะลุ 1 หมื่นลบ. เหตุบันทึกกำไรพิเศษจากค่าเสียหายไฟไหม้มอนทารา และอัตราแลกเปลี่ยนรวมกันกว่า 2.8 พันลบ. JPM- CITI แนะนำ Buy TP@187 /191 บาท คาดน้ำมัน WTi ขึ้น/ลง $1/BBL กระทบ EPS 1.4%- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ขยายตัวดีกว่าคาด ส่งผลดอลลาร์อ่อน บวกต่อ Commodities
6.TOPเชื่อวัฏจักรค่าการกลั่น และสเปรดอะโรเมติกส์ขาขึ้น -บล.ฟิลลิป ส่องงบไตรมาส 3/2553 กวาดกำไรสุทธิ 2 พันล้านบาท เหตุบุ๊กกำไร FX สูงถึง 1,019 ล้านบาท ซิตี้กรุ๊ปปรับเพิ่มราคาหุ้น เป็น 67 บาท จากเดิม 55 บาท มั่นใจได้รับผลดีจากค่าการกลั่นและสเปรดอะโรเมติกส์ฟื้นตัว
7.PTT UBS/CLให้เป้า363 /400 บาท คาดเดินเครื่องโรงแยกก๊าซ6ได้พย.นี้ ยันเดินหน้าศึกษาแผนควบรวมธุรกิจในเครือคาดสรุปปลายปีนี้หรือต้นปี 54. เดินเครื่องโรงแยกก๊าซ6 ผุดโปรเจ็กต์พีทีทีปาร์ค พลิกเกมหลังซื้อคาร์ฟูร์ล่ม แตกไลน์ขยายธุรกิจโรงไฟฟ้า แผน 5 ปีลงทุน 6 หมื่นล้าน ยันแผนควบบริษัทลูกสรุปปีนี้
8.SCC กำไรสุทธิ Q3/53 ลดลง 10% qoq ตามธุรกิจกระดาษและซิเมนต์ - DB ปรับ จาก 331 ขึ้นสู่ 436(Buy) คาดกำไรโตปี 10-12 8%/24%/24% ธุรกิจซีเมนต์ฟื้นจากอุปสงค์ในประเทศ+ซีเมนต์โตจากการขยายกำลังการผลิต+กระดาษทรงตัว.รับผลบวกผลกระทบจากพายุ และน้ำท่วม - MS ปรับ SCC จาก 270 สู่ 305(Neutral) ปรับ 10-12EPS ขึ้น 7%-16% หลังกำไร 3Q10 ดีกว่าคาดและคาดมาร์จิ้นปิโตเคมีจะฟื้นตัวใน 2H10
9.JAS fund surveyแนะนำ T-Buy จากประเด็นเรื่องการประชุมเจ้าหนี้ - ศาลนัดฟังคำสั่งแผนฟื้นฟูกิจการ TT&T วันที่ 28 ธันวาคม 53ประเมินหากฟื้นฟูกิจการสำเร็จ รับผลบวก - ลุ้นประมูลงานโครงข่าย 3G ของทีโอทีที่จะเปิดประมูลไตรมาส 4/2553 นี้- ติด turnover list รอบนี้
10.BAY RBS /UBS / ML/CITI ให้เป้า 26-27.25 - ปรับเพิ่มกำไร ปี 2553 พุ่งเฉียด 1 หมื่นล้านบาท หลังแนวโน้ม NIM ยังอยู่ระดับ 4.6% สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งระบบที่อยู่เพียง 3.9% ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมยังขยายตัว รับโอนหุ้น KCC จาก อยุธยา แคปปิตอล . - กำไรไตรมาส3เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 2308เป็น2331 ล้าน- ไทยเอ็นวีดีอาร์ซือ้วานนี้
--------------------------------------------------------------
ตัวเลขเช้านี้
SET 1/11/53ปิดที่ 1003.24 จุด +18.78 จุด high 1003.24 low 991.90 up 265 down 112 unchg 129 ........... PE SET 15.69เท่า ...... หุ้นtop5 PTTAR 32 +2.25 PTTEP 179.50 +8.50 PTTCH 147.50 +6.50 PTT 309 +6 TOP 55 +2 ......... สัดส่วนการซื้อขาย .ฝรั่งขาย751 ล้าน กองทุนซือ้2282ล้าน พอร์ตบลซือ้ 1049ล้าน รายย่อยขาย 2581ล้าน...... ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี .ฝรั่ง +56305 ล้าน กองทุน -32753 ล้าน พอร์ตบล+3090 ล้าน รายย่อย-26642 ล้าน ......โบรกเกอร์ TOP5 KEST CGS KGI ASP CS ...... โบรกเกอร์ ที่net buy CS 2061 UBS 464PHATRA 233 ..... โบรกเกอร์ที่ net sell SCBS 837 JPM 581TNS 364 MACQ 273 ..........หุ้นที่มีการshort sell (ล้านบาท) PTTAR68 BBL 30 PTTCH 19 PTTEP 13 SCC 9 ......... TOP NVDRซือ้ (ล้านบาท) CPF 214 BAY 76 KBANK 66...... ขาย (ล้านบาท) BBL 231 SCC 119 LPN 95.......
.TFEX S50 ปิดที่693.08 +15.56 จุด ...... S50Z10 ปิดที่694.90 จุด +19.40 จุด high 695 low 681 avg 687.99 long 5709 short 2957......... ทางเทคนิค แนวรับ 691/687/681 จุด แนวต้าน 699/- จุด ........... GFV10 ปิดที่ 19390 + 280 บาท high 19390 low 19300 avg 19349.81 long 2672 short 981 ....ทางเทคนิค แนวรับ 18860/18810/18750 จุด แนวต้าน 18940/19030/19130 จุด ...... status future Foreign net long 2297 - Fund net long 552 - Retail net short 2849 .........
ตลาดต่างประเทศ DJ ปิด +6.13จุด 11124.62จุด .......... ตลาดยุโรป FTSE +19.46จุด DAX +3.49จุด CAC40 +7.61จุด ........ ตลาดเอเซียNIX -9จุด KOSPI -0 จุด HSKI -49 จุดTWSE -16จุด SHCOMP-16 จุด ..... ตลาดล่วงหน้า DJ -6 จุด .............
ค่าเงิน เงินบาท 29.90 ....... เงินเยน 80.76........ยูโร
COMODITY .... น้ำมัน NYMEXปิด +1.52เหรียญ 82.95 เหรียญ ...... ค่าการกลั่น 3.45เหรียญ ..... US Coal Index : ........ ทองคำCOMEXปิด -7 เหรียญ 1350.60 เหรียญ ...... ตลาดสินค้าเกษตร น้ำตาลแตะจุดสุงสุดรอบ9เดือน - ข้าวดพดปิดลบ - ถั่วเหลืองปรับขึ้น- ราคายางอ่อนตัวลง ....... BDI ปิด -30จุด2648 จุด ......
-------------------------------------------------------------
ข่าวต่างประเทศ
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 6.13 จุด ขณะตลาดจับตาประชุมเฟด-เลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐ
ดอลล์พุ่งขึ้นขณะตลาดจับตาประชุมเฟด
สหรัฐเผยตัวเลขการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย.
สหรัฐเผยตัวเลขใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด 0.2% ขณะรายได้ส่วนบุคคลลดลง 0.1%
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐหนุนดอลล์แข็งค่า ขณะนักลงทุนจับตาประชุมเฟด
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 19.46 จุดรับผลผลิตอุตสาหกรรมสหรัฐ-จีนแข็งแกร่ง
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: เยนแข็งฉุดนิกเกอิร่วง 23 จุดเช้านี้
Bloomber Survey พบว่านักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองของสหรัฐฯ (QE2) ประมาณ 5 แสนล้านเหรียญ
ราคาถ่านหินล่วงหน้าทั้ง 3 ตลาด ปรับขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ได้แก่ Rotterdam +1.44% dod ปิดที่ US$105.45/ตันม Richard Bay +1.66% dod ปิดที่ US$101.15/ตัน และ Newcastle +1.28% dod ปิดที่ US$106.75/ตัน
ราคาน้ำตาลปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดรอบ 9 เดือนต่อเนื่อง +1.13% dod ปิดที่ 29.45/ปอนด์ เพิ่มขี้น 0.33 เซนต์ต่อปอนด์
ราคายางตลาด Future ของญี่ปุ่น ลดลง : ปิดที่ 316.70 เยนต่อกิโลกรัม ลดลงจากวันก่อนที่ 317.50 เยนต่อกิโลกรัม แต่ปรับตัวขึ้นต่อเช้านี้เป็น 319.30 เยนต่อกิโลกรัม

ข่าวการเมือง

พายุถล่มหาดใหญ่จมบาดาลไฟดับมืดทั้งเมือง - ฝนตกไม่หยุดหวั่นซ้ำรอยปี 43 รัฐไฟเขียว 10 มาตรการเยียวยา- "หาดใหญ่" วิกฤต น้ำท่วมเกือบ 2 เมตร นายกเล็ก รับทำอะไรไม่ได้
ศาลปค.ไม่รับพันธมิตรฯฟ้องระงับถกเจบีซี
มติศาลฟ้องมือปล่อยคลิป "จตุพร"ปูดมีคลิปโกงสอบอีก
สุพจน์"สรุปฟัน10 พนักงาน ทอท.บกพร่อง-เอื้อ"ปาร์คกิ้ง"ทุกขั้นตอน
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเริ่มชุมนุมต่อต้านรัฐบาลส่งร่าง MoU เข้าสภาเช้านี้


ข่าวเศรษฐกิจ

ดัชนีทะลุ 1,003 จุดทุบสถิติ 14 ปี กลุ่มปตท.ร้อนซื้อขายทะลักดันหุ้นพุ่ง18จุด
ต่างชาติทิ้งสถาบันไทยช้อน ซื้อดักเงินไหลเข้าจากดอลล์อ่อนหุ้นพลังงาน-ยานยนต์ยังน่าสนใจ
หุ้นพลังงานขึ้นหม้อดันดัชนียืนบวกสูงสุดในรอบ14ปีที่ระดับ1,000จุด ตลท.ปลื้มนักลงทุนไทย-เทศเชื่อมั่นการลงทุนตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนสูง
เงินเฟ้อต.ค.เพิ่ม2.8%พาณิชย์ยันทั้งปี3-3.5%
ธุรกิจประกันฐานะแกร่ง 96%ดำรงเงินกองทุนได้ตามกม.
คลังคืนVATให้อปท. ผ่านระบบ GFMIS นำร่อง3จังหวัดใหญ่ สิ้นปี'54ได้ทั่วประเทศ
ผู้จัดการตลาดหุ้นปรี๊ดแตก โต้ข่าวบริษัทจดทะเบียนทุจริต ยืนยันมีระบบตรวจสอบเข้มข้น
แบงก์ชาติจับตาภาวะแข่งขันการปล่อยสินเชื่อบ้านของแบงก์พาณิชย์ ชี้แม้ตอนนี้ยังไม่เห็นสัญญาณอันตราย อันตราย แต่ในอนาคตมีโอกาสเกิดฟองสบู่ขึ้น
แบงก์ชาติจับตาฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์-ตลาดหุ้น ห่วงกระทบเสถียรภาพเศรษฐกิจ มั่นใจทั้งปีสินเชื่อแบงก์เติบโต 8-9%
ไตรมาส4สินเชื่อโต กลุ่มธุรกิจ-ครัวเรือนรุ่ง เกาะกระแสศก.ฟื้นตัว
กสิกรไทยประเมินน้ำท่วมรุนแรงสุด ฉุดสินเชื่อ 5 พันล้าน
บิ๊กบัวหลวงคาดเศรษฐกิจปีหน้าโต 4-5% ขณะที่สินเชื่อธนาคารจะขยายตัว หนี้เอ็นพีแอลลด
สถาบันคุ้มครองเงินฝากย้ำลงทุนในสินทรัพย์มั่นคงสูง สร้างความมั่นใจผู้ฝากเงิน
รับเหมาวิ่งล็อกต้นทุนวัสดุ 'พรีบิลท์'ชี้ราคาพุ่งหลังน้ำลด ตุนเหล็กยาว1ปีหวังคุมต้นทุน
พลังงาน”เสนอตั้งราคาซื้อไฟโซลาร์13บาท ส่งเสริมติดแผงบนหลังคาบ้าน ลดรับซื้อไฟจากโซลาร์ฟาร์ม
ตลาดมือถือจะโตลดลงอีก เศรษฐกิจไม่แน่นอน-ชิ้นส่วนขาดแคลน
คลัง-ธปท.นัดสุมหัวเล็งคอยรับมือQE2หวั่นกระทบค่าบาท

--------------------------------------------------------------
คอมเมนต์โบรกเกอร์ไทย เทศ

บล.ธนชาต ........ 2/11/53 แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้อาจมีแรงเทขายทำกำไร และทำให้ดัชนีฯ มีความผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังรอดูความชัดเจนในมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ โดยตลาดหุ้นวานนี้ปรับขึ้นเหนือ 1,000 จุดได้ หลังได้รับผลดีจากประเทศจีนประกาศตัวเลขดัชนี PMI ซึ่งอยู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ที่ 54.7 ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวแดนบวก
บล.เอเชีย พลัส.......... 2/11/53 คาดดัชนีฯ วันนี้เคลื่อนไหวไม่ต่างจากวานนี้ แนะนำถือเงินสด พร้อมลดพอร์ตลงทุนให้เหลือ 15 - 20% โดยนักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น เนื่องจากยังมีความเสี่ยงต่อการถูกขายทำกำไร โดยต้องจับตาวงเงินที่ใช้ในมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของเฟด และติดตามศาลรัฐธรรมนูญนัด ส.ส. และ สว.เพื่อฟังคำวินิจฉัยกรณีถือหุ้นในธุรกิจสื่อ และบริษัทฯ ที่ได้รับสัมปทานรัฐ ประเมินแนวรับ 990 จุด และแนวต้าน 1,010 จุด
บล.พัฒนสิน ....... 2/11/53 ประเมินการลงทุนวันนี้ ตลาดฯ อาจผันผวน เนื่องจากทุกครั้งที่ดัชนีฯ ปรับขึ้นทดสอบ 1,000 จุด จะมีความผันผวนเกิดขึ้น ฉะนั้นนักลงทุนต้องระมัดระวัง โดยตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับขึ้นจากแรงในกลุ่มพลังงาน จากคาดการณ์ผลประกอบการน่าจะออกมาดี โดยช่วงนี้นักลงทุนยังจับตาผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต่างๆ หลังจากกลุ่มธนาคารประกาศแล้ว โดยเฉพาะกลุ่ม Real Sector คาดมีแนวรับ 990 - 998 จุด ส่วนแนวต้าน 1,005 - 1,007 จุด
บล.กิมเอ็ง....2/11/53 TPOLY ราคาเป้าหมายสำหรับปี 2554 ที่เท่ากับ 2.90 บาทต่อหุ้นและคงคำแนะนำที่ "ซื้อ"......มีมุมมองที่เป็นบวกต่อ TPOLY ด้วยความแข็งแกร่งของ Backlog และแนวโน้มการได้งานเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งงานที่มีอยู่ในมือเริ่มส่งผลบวกต่อผลประกอบการใน Q3/53 ที่คาดว่า TPOLY จะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 24 ล้านบาทเติบโต 341% yoy และ 39% qoq.....BLS คงแนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว ประเมินราคาเป้าหมายที่ 18.20 บาท ..... กำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/53 โต 27% qoq เป็น 116 ล้านบาท เนื่องจากรายได้งานที่ปรึกษาและบริการลดลงแต่ชดเชยด้วยกำไรจากการลงทุน .....TUF แนะนำ ซื้อ ให้ราคาเหมาะสม 67 บาท...... กำไรต่ำกว่าคาดแต่แนวโน้มยังสดใสจากการรวม MWB ในเดือน พ.ย..... SVI ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมของ SVI จาก 2.80 บาทเป็น 3.24 บาท และปรับเพิ่มคำแนะนำจาก ขาย เป็น ซื้อ.... คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 3 แล้ว / ซื้อ เพีอการเติบโตในปีหน้า ..... STANLY นับว่าเป็นผู้นำใน การผลิตไฟหน้าไฟท้ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ จึงคาดว่าจะได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เติบโตต่อเนื่อง ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ปีหน้า (เม.ย. 54-มี.ค. 55) ยังค่อนข้างต่ำเท่ากับ 9.1 เท่า และมีเงินปันผลตอบแทน 3.9% ประเมินราคาเหมาะสมเท่ากับ 220 บาท บนฐาน P/E ปีหน้าเท่ากับ 11 เท่า นอกจากนี้ STANLY ยังมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ไม่มีภาระหนี้เงินกู้เลย ขณะที่มีเงินสดในมือ 3,539 ล้านบาท จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
หยิบเงินหยิบทองวันนี้ .......... 2/11/53 มุมมองต่อ SET INDEX วันนี้น่าจะเคลื่อนไหวบริเวณ 995 – 1010 จุด พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายระดับ 3.5-4.0 หมื่นล้านบาท ด้วยแรงเก็งกำไรในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีต่อเนื่องจากวานนี้ เพราะแน่นอนว่าเฟดจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ย่อมทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงไม่มากก็น้อย และมาตรการดังกล่าวน่าจะช่วยด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ติดตามการเคลื่อนไหวหุ้น PTTAR / PTTCH รวมถึง KBANK / BAY เพื่อประเมินถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ เพราะเป็นหุ้นที่ NVDR วานนี้สะสมโดดเด่น ....... ทั้งนี้ติดตามการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ คืนนี้ เพราะจะมีผลต่อแนวโน้มนโยบายการคลังของสหรัฐฯ ต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เสี่ยงต่อการชะลอตัวรอบ 2 นี้.......กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: เสนอ “ถือพอร์ตการลงทุนส่วนที่เหลือ” และ “สะสม” PTTAR “ซื้อเก็งกำไร” TPOLY “และเริ่มทยอยขายทำกำไร” หุ้นขนาดกลางและเล็กที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่มากกว่า 10% ......การลงทุนทางเลือก: แนะนำให้นักลงทุน “เปิดสถานะ Long ใน S50Z10 บริเวณ 690 +/- และถือสถานะข้ามวัน” Stop Loss: S50Z10 < 670 จุด ปิด Long และ Wait&See ........ แนะขายทำกำไร JTS-GLOBAL-TASCO เหตุราคาพุ่งแรงให้ผลตอบแทนแล้ว 17-34%......
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ...... 2/11/53 ความเสียหายในเบื้องต้นของสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินไว้ราว 7,700-2.02 หมื่นล้านบาท จากพื้นที่การเกษตรที่เสียหายประมาณ 2.4 ล้านไร่ ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบเช่นกัน ทำให้การผลิตต้องหยุดชะงัก โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลกระทบGDP ในปีนี้ 0.08-0.21% ทำให้การขยายตัวของ GDP ลดลงเหลือ 7.52-7.39% จากเดิมที่คาด 7.6% ........ หุ้นที่น่าสนใจ ณ ราคาปัจจุบัน ได้แก่ SCC, TASCO, DCC ส่วนGLOBAL น่าจะรอซื้อเมื่ออ่อนตัว
บล.ไทยพาณิชย์ ....... 2/11/53 1) ธนาคารกลางสหรัฐจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรต่อไป โดยวงเงินในระยะยาวคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าต่อเนื่อง แต่ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ 2) คาด ธปท.มีโอกาสคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ในปี 2553 แต่มีโอกาสปรับขึ้นเป็น 2.75-3%ในปี 2554 3) คาดประเทศในเอเชียจำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อควบคุมเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ หลังจากมีความชัดเจนของผลการประชุม FOMC และ BOJ ในสัปดาห์นี้ และ 4) ตลาดหุ้นเอเชีย ตลาดหุ้นไทย และสินค้าโภคภัณฑ์ ได้แก่ น้ำมันดิบ ทองคำ ราคาสินค้าเกษตร ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก ........ ให้ระมัดระวังการลงทุนก่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในคืนวันพุธเรื่องจำนวนเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสอง (QE2) ......... SET - คาดตลาดอาจย่อตัวจากแรงขายทำกำไร เล่นสั้นแนะขายทำกำไรก่อนหรือถือลุ้นรอขายปลายสัปดาห์ ..... SET - คาดตลาดอาจย่อตัวจากแรงขายทำกำไร เล่นสั้นแนะขายทำกำไร หรือ ถ้ามีต้นทุนต่ำ (ถือลุ้นผล QE2 คืนวันพุธ) ไปรอขายปลายสัปดาห์
บล.เมอริลลินซ์ ...... 2/11/53 ML maintain buy QH target 3.30 คาดกำไร 3Q53 ลดลง 57% YoY & 44% QoQ คาดที่ 217 ลบ.
บล.เจพีมอร์แกน ....... 2/11/53 JPM maintain overweight KBANK - raise target from135 to 137
บล.ซิตี้กรุ๊ป ....... 2/11/53 CITI maintain BUY LPN target price 13.20 - ยอดขายโครงการพระราม 3 ออกมาต่ำกว่าคาดของผู้บริหารที่คาดว่าจะขายหมด แต่ใกล้เคียงกับคาดที่ 72%
บล.โกลเบล็ก ........ 2/11/53 PTTAR ปรับราคาเป้าหมายจากเดิม 28.30 บาท เป็น 35.30 บาท เพื่อสะท้อนผลประกอบการที่คาดว่าจะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และคาดว่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2554 ยังมีข่าวควบรวมกิจการกับ PTTCH ข่าวควบกิจการหุ้น PTTCH-PTTAR วิ่งขานรับข่าวควบรวมกิจการ หากใช้วิธี Amalgamation จะให้อัตราส่วนการ SWAP หุ้นกับบริษัทใหม่ที่จะตั้งขึ้นโดย 1 หุ้น PTTCH จะแลกหุ้นบริษัทใหม่ได้ 1 หุ้น ส่วน PTTAR 1 หุ้นแลกได้ 0.22 หุ้น แถมกำไรสุทธิไตรมาส 3 เด้ง พลิกกำไร 1,000 ล้าน
บล.ธนชาต ......... 2/11/53 PTTCH แนะนำเก็งกำไร เนื่องจาก Synergy ที่มีโอกาสจะเกิดการควบรวมกับ PTTAR ซึ่งก่อนหน้าจะเป็นการจับคู่ควบรวมระหว่าง PTTAR กับ IRPC โดยช่วงนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและคาดว่าจะได้ข้อสรุปจริงจังในปี 2011 หรืออย่างเร็วภายใน 1Q11 สอดคล้องกับในแง่ Technical ที่ประเมิน Downside Risk ของราคาหุ้น PTTCH ค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะทะลุ 147.50 บาท มีโอกาสขยับเป้าหมายแนวต้านสูงขึ้นไปที่ 154-158 บาท........TOP แนะเก็งกำไร หลัง aromatics spread แตะระดับต่ำสุดไปแล้วในช่วง 2Q10 ด้วย Urumqi 1 ล้านตัน ที่ล่าช้าออกไปยังช่วง 2Q11 บริษัทฯ จึงคาดว่าสิ่งนี้น่าจะช่วยหนุน Sentiment ตลาด (แต่ยังต้องระมัดระวังต่อ spreads ในปี 2011 เนื่องจากจะมีโรงผลิตพาราไซลีนของต่างประเทศ 2 โรงเข้ามายังตลาด) ขณะที่ผู้บริหารฯ ยังคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะยืนอยู่ที่ระดับ 70-85 ดอลลาร์/บาร์เรล ในช่วง 2H10 ทำให้ GRM มีการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ สาเหตุมาจากการคาดการณ์ว่าโรงกลั่นในสหรัฐฯ และยุโรป จะปิดดำเนินงาน
บล.เกียรตินาคิน ........ 2/11/53 BCP ยังคงมองเป็นหุ้นที่ให้ปันผลดี โดยคาดว่า 2H53 บริษัทจะจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 0.5 บาท/หุ้น ในปี 2553 ซึ่ง ให้ Yield 3.3% ขณะที่หุ้นยังมี Upside ประมาณ 11% จากราคาหุ้นที่ประเมินไว้ที่ 17 บาท ทำให้คงคำแนะนำ “ถือ”
บล.กสิกรไทย .......... 2/1/53 SET ยังไม่มีสัญญาณเตือนอันตรายมีโอกาสไปทดสอบ 1,020 และ 1,040 แนวต้านมีที่ 1,012 และ 1,020 แนวรับที่ 998 และ 992 .........TFEX: ถือ Long S50Z10 รอทะลุ 696-699 ขึ้นไป ถ้าผ่านได้แนวต้านต่อไป 724-725 ควรแบ่งทำกำไรที่ 696-699 เพื่อลดความเสี่ยง ........... ตัวเลขการผลิตจีนและสหรัฐฯออกมาดี ลดความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกและดีต่อตลาดหุ้นระยะกลาง อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังชะลอการลงทุนก่อนการประกาศ QE....ตลาดแกว่ง หุ้นกลางเล็กและ defensive outperform ตลาด SMT DCC DRT TASCO SAT CPALL HMPRO GLOBAL TTW EASTW GLOW BAFS BGH MAJOR........ Today's Best Trade: Buy TASCO. Expect strong earnings in 2H10 and stock price trade at PER10 lower than 10x.
บล.เคจีไอ ........ 2/11/53 VNG ให้ราคาเป้าหมาย 9 บาท เป็นผู้นำในตลาดไม้ทดแทนธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่สุดในเอเชีย -กำไรสุทธิปี 2553 จะกลับมาเติบโตโดดเด่นเป็น 1.05 พันล้านบาท -จ่ายปันผลสม่ำเสมอที่ 6.9% ต่อปี - ผู้บริหารมั่นใจว่าผลประกอบการในส่วนของรายได้ปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ประมาณ 20-25% ที่มีรายได้จำนวน 7,411 ล้านบาท ซึ่งมาจากการที่บริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็น 100% หลังมีคำสั่งซื้อในแถบเอเชียและตะวันออกกลางที่ขยายตัวทำให้ยอดการผลิตแผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง (MDF) และ Particle Board ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก และปัจจุบันบริษัทมียอดส่งออกสินค้าไปจำหน่ายยังต่างประเทศจำนวน 70% ที่เหลือขายในประเทศ
บล.พัฒนสิน ....... 2/11/53 คาดดัชนีฯ ปรับฐาน แนวต้าน1008/1013จุด แนวรับ992/986จุดวันนี้ แนะนำ SAMTEL(ประมูลงานทศท.) AH (Earnings Play) ........ (+) หุ้นไทยปิดสูงสุดในรอบ 14 ปี และยืนเหนือระดับ 1 พันจุดได้เป็นครั้งแรก (+) การเลือกตั้งกลางเทอมและเม็ดงินอัดฉีดQE2 สหรัฐฯ คาดส่งผลบวกต่อการแรลลี่ของ ตลาดหุ้น และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (-) ผิดหวังตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ ไม่บวกแรงอย่างที่คาด และหลังจากสัปดาห์นี้ไปแล้ว อาจไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆหนุนตลาด (+) ผลเลือกตั้งสหรัฐฯกลางเทอมคาดพรรคฝ่ายค้านครองเสียงข้างมากในสภาล่าง +) จีนรายงานPMIเดือนตค.สูงสุดรอบ6เดือน54.7(Vs53.8กย) -) ธปท.เตรียมออกมาตรการคุมฟองสบู่ในประเทศ( -) พันธมิตรนัดชุมนุมหน้าสภาฯไม่เห็นชอบต่อการเจรจาเรื่องเขตชายแดนไทย-เขมร
บล.ฟิลลิป ........ 2/11/53 แนะนำ "ซื้อ" TSC ให้ราคาเป้าหมาย 12.20 บาท คาดกำไรไตรมาส 3/2553 ที่ 81.70 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 76.05% จากปีก่อน ด้วยปริมาณการผลิตรถยนต์ในไตรมาส 3 ที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่วนยอดขายในไตรมาส 3 คาดอยู่ที่ 710.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.56% จากปีก่อนทั้งนี้ยังปรับขึ้นประมาณผลประกอบการปี 2553 มาเป็นกำไร 306.98 ล้านบาท จากเดิมที่ 245.60 ล้านบาท ตามคาดการณ์ยอดขายที่ 2,698 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 54.06% จากปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 21.23%
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ........ 2/11/53 BLS แนะนำ "ซื้อ"ราคาพื้นฐาน 21.10 บาทBLS ประกาศกำไรสุทธิใน 3Q53 เพิ่มขึ้น 27%QoQ รายได้ค่านายหน้าใน 3Q53 เพิ่มขึ้น 59% จากมูลค่าการซื้อขายต่อวันที่เพิ่มขึ้น 57%QoQ ใน 3Q53 และอัตราค่าคอมมิสชั่นที่เพิ่มขึ้นเป็น 0.20% ใน 3Q53 จาก 0.19% ใน 2Q53 แต่ส่วนแบ่งการตลาดลดลงเหลือ 4.15% ลดลงจาก 4.77% ใน 2Q10 ซึ่งใน 3Q53 นั้นสัดส่วนของลูกค้ารายย่อยเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ลูกค้าสถาบันต่างประเทศลดล
บล.ยูไนเต็ด ......... 2/11/53 PSL น่าลงทุน แม้ Q3/53 รายได้เหือดจากปีก่อน จากการขายเรือออกไป แต่ดูดีเมื่อเทียบ Q2/53 รายได้เพิ่ม ต้นทุนลด คงมุมมองแจ๋วสำหรับ Q4/53 หลังทำสัญญาระยะยาวปีนี้แล้วกว่า 97% ปัจจุบันสั่งต่อเรือไปแล้วรวม 21 ลำ ทยอยรับตั้งแต่ปี 53 - 56 กอปรกับนโยบายขยายกองเรือรวมเป็น 60 ลำ ชี้ช่วยดันผลประกอบการไหลบวกยาว ยังคงประมาณการกำไรปี 53 ระดับพันล้าน แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี 54 ที่ 29.40 บาท
บล.บัวหลวง........2/11/53 ถึงรอบ STEC พื้นฐาน 18.70 บาท จาก 1) STEC ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการขยายตัวอุตสาหกรรมก่อสร้างมากที่สุด 2) แต่ต้นปีเซ็นสัญญาไปแล้ว 11.4 พันลบ. และจะเซ็นสัญญาโครงการที่เสนอราคาต่ำสุดอีก 16.4 พันลบ.ในเร็วๆ นี้ ซึ่งทำให้งานรอรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น 41.2 พันลบ. สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สำหรับปีนี้บ.มองน่าจะเซ็นได้อีกอย่างน้อย 25 พันลบ. 3) ราคาวัสดุก่อสร้างหลักยังคงทรงตัว และ 4) PBV Band ปัจจุบันเหนือค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 2.1 เท่าก็จริง แต่ใน Bull Cycle ของการลงทุนในแต่ละรอบนั้นงานประมูลที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องสามารถส่งผลให้ราคาหุ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวเท่าตัว
คู่หูคู่หุ้น.........2/11/53 PTTCH พื้นฐานปรับเพิ่ม 195 บาทจาก 161 บาท คาดว่าจะมีการประกาศราคาหุ้น IPO ของ Petronas Chemical Group ในวันที่ 12 พ.ย 53 ขณะที่ Bloomberg รายงานว่า IPO น่าจะอยู่ที่ประมาณ 4.5-5.2 ริงกิตต่อหุ้น หรือเท่ากับ PER 12.-16 เท่าในปี 54 ทั้งนี้ Petronas Chemical Group ตั้งเป้าเพิ่มทุน 3.7-4.2 พันลบ.ถือเป็นมูลค่าที่สูงสุดของตลาดมาเลเซีย เนื่องจากIPO มีสัดส่วน 30% ของทุนชำระบ. หรือเท่ากับ Market Cap ประมาณ 1.23-1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเทียบกับ PTTCH ที่ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงปรับเพิ่มเป้าหมาย ทางเทคนิคต้านสำคัญ 150 บาท ถ้าผ่านได้ถัดไป 154 บาท
นายเรียนรู้.......2/11/53 ITD เป้าหมาย 5.20 / 5.65 บาท จากมูลค่าเงินลงทุน NTPC ณสิ้นงวด 2Q/53 ที่ 1,959 ลบ. และมูลค่าขาย 3,300 ลบ. คาดว่า ITD จะบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุน 940 ลบ. หากรวมรายการพิเศษจะทำให้ผลประกอบการในปี 53F จะพลิกกลับเป็นกำไร 538 ลบ. และ ITD เผยล่าสุดได้งานก่อสร้างของกรมชลประทาน มูลค่า 1.73 พันลบ. และข่าวที่ ITD จะขายหุ้น TTCL ให้กับบ.ชิโยดะ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบ.ของญี่ปุ่น มากกว่าที่จะขายให้กับกองทุน เพื่อให้บ.ได้รับประโยชน์สูงสุดคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนนี้
เด็กแนว..........2/11/53 BCP ส่วนของกำไรจากโรงกลั่นอยู่ในเกณฑ์ดี พื้นฐาน 19 บาท เงินปันผล 3% มีค่าพี/อี ต่ำสุดของหุ้นทั้งตลาดคือ 4.05 เท่า และมี PBV ต่ำเพียง 0.69 เท่า ที่สำคัญให้ Yield ย้อนหลัง 11.69% กราฟสวยเป็นสัญญาซื้อ ต้านสั้น 16.40 บาท ลูก BCP-W1 มีลุ้น 3.50 บาท.................PTTCH ประเด็นควบรวม เบื้องต้น 5 PTTAR จะแลกได้ 1 PTTCH ลองดู PTTAR ปิด 32 บาท จับคูณด้วย 5 ก็จะกลายเป็น 160 บาท ขณะที่ PTTCH อยู่ที่ 147.50 บาท ต่ำกว่า PTTAR ดังนั้นถ้าการแลกหุ้นเกิดขึ้น ก็เท่ากับ PTTCH มีราคาต่ำกว่าการเล่นแบบพลิกแพลงจะต้องขาย PTTAR ออกมา แล้วกลับไปรับ PTTCH จะหุ้นที่ถูกว่าในเชิงนี้.........หุ้นแอบชอบ UEC เก็งเรื่องยอดการสั่งซื้อเครื่องจักร หรือการผลิตเครื่องจักรใช้อุตสาหกรรมจึงมีสูงขึ้น แนวโน้มครึ่งหลังและปีหน้าจะดีขึ้น กราฟโค้งตัวแบบกระทะหงาย ต้าน 3.50 บาท
กระซิบหน้าจอ........2/11/53 ซื้อ SCC ต้าน 332 บาท แนวโน้มธุรกิจปิโปรเคมียังมีแนวโน้มที่ดี แม้ว่าจะมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานระยองโอเลฟินส์ แต่ได้กำลังการผลิตใหม่มาชดเชย นอกจากนี้ส่วนต่างระหว่าง HDPENaphtha กระเตื้องขึ้นจาก 3Q/53 เนื่องจากความต้องการเม็ดพลาสติกในโลกยังดีอยู่ และโรงงานรายเล็กที่มีต้นทุนการผลิตสูงได้ลดกำลังการผลิตลง........ซื้อ DELTA ต้าน 35 บาท จากที่มีการปรับกลยุทธ์ทางการขาย โดยเน้นขายสินค้าที่มีรับรู้อัตรากำไรที่สูงและเน้นกลุ่มลูกค้าในแถบยุโรปเป็นหลัก สินค้าที่เป้นกุญแจสำคัญในการเพิ่มขึ้นของกำไรคือเครื่องแปลงพลังงานแสงอาทิตย์โดยมีตลาดรองรับในแถบยุโรป
บล.ทิสโก้........2/11/53 ซื้อ MINT เป้าหมาย 16 บาท เนื่องจากคาดว่ากำไรในไตรมาส 3/53 อยู่ที่ 130 ลบ. เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 62% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากธุรกิจโรงแรมและอาหารดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงโปรโมชั่นและรูปแบบ Thai Express ซึ่งเป็นแบรนด์อาหารจานด่วนในสิงคโปรค์ นอกจากนี้ MINT อาจจะบันทึกกำไรจากการขาย St. Regis Residence 2 ยูนิตในไตรมาส 4/53 แต่อีก 4 ยูนิตเลื่อนไปปี 54 ถ้าประสบความสำเร็จจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 50 ลบ.
บล.ฟิลลิป.....2/11/53 ซื้อ RS เป้าหมาย 2.68 บาท จากคาดการณ์กำไรไตรมาส 3/53 ที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ในไตรมาส 4/53 ที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ยังคงส่งผลดีต่อธุรกิจหลายๆ ส่วน ทั้งคอนเสิร์ตและวีซีดีคอนเสิร์ต รายได้ดาวน์โหลดเพลงที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นค่าบริการ และงานโชว์ในช่วงปลายปี ซึ่งโชว์บิชมี Backlog ในมือ 150 ลบ.ที่จะรับรู้ไตรมาส 4/53 รวมทั้งเม็ดเงินโฆษณาที่ยังเติบโตอยู่ .........TSC เคเบิลยานยนต์ขายดี ออเดอร์ทะลักกำไรพุ่งเงียบ คาดไตรมาส 3 ยอดขายพุ่งแรงจากปีก่อน แบไต๋จับมือพันธมิตรลุย แนะนำซื้อ ให้เป้าหมาย 12.20 บาท
บล.เอเชียพลัส......2/11/53 ซื้อ SPALI เป้าหมาย 19.06 บาท แม้ภาพรวมในไตรมาส 3/53 จะชะลอตัว โดย Presale ที่ระดับ 2.08 พันลบ. ลดลงจากระดับ 2.64 พันลบ. ทำให้ยอดโอนส่วนใหญ่จะเลื่อนออกไปไตรมาส 4/53 ในไตรมาส 3/53 มียอดสูงถึง 1.94 หมื่นลบ. โดยที่ Backlog ดังกล่าวคาดว่าจะบันทึกรายได้ในไตรมาส 4/53 ไม่น้อยกว่า 5 พันลบ.
บล.ฟินันเซีย ไซรัส........2/11/53 SITHAI เขย่าการค้าโลก บุ๊กค่าสินไหมลุยงานยักษ์ เดือนนี้ได้รับเงินค่าสินไหมประกันภัยอีก 400 ลบ. หนุนผลงานทั้งปีโตกระฉูด กำไรไตรมาส 3 ได้แน่ 144 ลบ. แนะนนำซื้อ เป้าหมาย 12 บาท
บล.เคจีไอ........2/11/53 CK ยิ้มแก้มปริส้มหล่นใส่ 2 เด้ง เซ็นสีน้ำเงิน - สร้างเขื่อนอีสานจ่อคิวเพียบ หลังรัฐบาลอนุมัติงบ 2 หมื่นลบ.ฟื้นฟุโครงสร้างพื้นฐานหลังน้ำท่วม แย้มไตรมาส 3 สวยหรู หลังรับรู้รายได้สายสีม่วงเต็มประตู พร้อมประชุมบอร์ดประกาศงบก่อน 10 พ.ยนี้ แนะนำซื้อ เป้าหมาย 13.16 บาท
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส.......2/11/53 AMATA เปิดกระเป๋ารับทรัพย์อื้อ อานิสงค์ลูกค้าหนุนทำกำไรเพียบ โตเกือบ 30% จากไตรมาสก่อน หลังกวาดยอดขาย 171 ไร่ นักวิเคราะห์ฟันธงไตรมาส 4/53 งบหรูไม่แพ้กัน ลุ้นทำสถิติสูงสุดของปีนี้ ลั่นปีนี้ขายที่ดิน 1,500 ไร่ชัวร์ ส่งซิกเร็วๆ นี้ปิดดีลลูกค้าต่างประเทศอีกหลายราย แนะนำซื้อ เป้าหมาย 20.03 บาท
บาดตาเซียน.......2/11/53 STEC ผ่าน 14 บาทได้ ก็ห้ามต่ำ 14 บาทแนวโน้มดีๆ ก็จะมา แนวโน้มไปได้ถึง 21 +/- โดยเงื่อนไขต้องไม่ต่ำกว่า 14 บาท กลยุทธ์ ผ่านระดับ 14 บาทได้นั้น Follow Buy
Fund Survey........ 2/11/53 : Solar Cell พลังงานสะอาดที่กำลังเติบโตก้าวกระโดด เก็งกำไร AKR, SOLAR, Buy GUNKUL จากข่าวกระทรวงพลังงานเตรียมส่งเสริมการผลิต Solar Cell บนหลังคาหนุนค่า FIT ที่ 12-13 บาท ต่อหน่วยน่าจะส่งผลให้ AKR (อยู่ระหว่างการประเมินมูลค่า), GUNKUL (Buy, TP@9.7, Small Cap Basket), SOALR มีการเก็งกำไรเข้ามาหนาแน่นเนื่องจากคาดการณ์อุปสงค์ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากนโยบายนี้

--------------------------------------------------------------
หุ้นมีข่าวเชิงบวก
กลุ่มพลังงาน
PTTAR KKแนะนำซื้อ เป้าหมาย 34.50 บาท เนื่องจากคาดบ.มีกำไรไตรมาส 3/53 ที่ 1,041 ลบ. กำไรต่อหุ้น 0.35 บาท ผลประกอบการฟื้นจากขาดทุน 516 ลบ. ในไตรมาส 2/53 Morgan Stanley คาดธุรกิจปิโตรเคมีเข้าสู่ช่วงขาขึ้นรอบใหญ่
TOPเชื่อวัฏจักรค่าการกลั่น และสเปรดอะโรเมติกส์ขาขึ้น -บล.ฟิลลิป ส่องงบไตรมาส 3/2553 กวาดกำไรสุทธิ 2 พันล้านบาท เหตุบุ๊กกำไร FX สูงถึง 1,019 ล้านบาท ซิตี้กรุ๊ปปรับเพิ่มราคาหุ้น เป็น 67 บาท จากเดิม 55 บาท มั่นใจได้รับผลดีจากค่าการกลั่นและสเปรดอะโรเมติกส์ฟื้นตัว
BANPU EM Flows ซื้อหนักถ่านหิน คาดเป็นปัจจัยเชิงบวก KSEC /BLS ให้เป้า821/848 รับอานิสงส์ซื้อกิจการ CYE ในออสเตรเลียสำเร็จ หนุนปริมาณการขายเพิ่มสูงขึ้น ไตรมาส3/53กำไรกระฉูดกำไรโตเป็นประวัติการณ์จากการบุ๊กกำไรการขายหุ้น ITM ประมาณ 10,920 ล้านบาท
IVL รอADD เข้า MSCI น่าจะประกาศช่วงกลางเดือน พ.ย. - ทิสโก้ยังแนะนำให้ถือลงทุนหลังมีข่าวไฟไหม้หม้อไอน้ำในบริษัทย่อยเสียหาย 1 เครื่อง ทำให้ราคาหุ้นร่วงสวนตลาด จาก 38.5 บาท อยู่ที่ 32.75 บาทเพราะมีการประกันภัยไว้ และสามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้ตามปกติ
PTTEP .กำไรQ3 โต 100% ทะลุ 1 หมื่นลบ. เหตุบันทึกกำไรพิเศษจากค่าเสียหายไฟไหม้มอนทารา และอัตราแลกเปลี่ยนรวมกันกว่า 2.8 พันลบ. JPM- CITI แนะนำ Buy TP@187 /191 บาท คาดน้ำมัน WTi ขึ้น/ลง $1/BBL กระทบ EPS 1.4%- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ขยายตัวดีกว่าคาด ส่งผลดอลลาร์อ่อน บวกต่อ Commodities

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น