Code 203 : PTTEP-PTT มีแนวโน้มปรับลดเครดิต

วันพฤหัสที่ 25 พฤศจิกายน 2553
ATT Code : PTTEP-PTT มีแนวโน้มปรับลดเครดิต
*PTT:S&P ชี้ข่าวการซื้อหุ้น Stat oil ไม่กระทบอันดับเครดิต PTT บังกะลอร์--25 พ.ย.--รอยเตอร์
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ระบุว่า การประกาศของบมจ.ปตท. หรือ PTT และบมจ.ปตท.
สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) หรือ PTTEP ที่จะเข้าซื้อหุ้น 40% ในแหล่งผลิตน้ำมันดิบของ Statoil ในแคนาดาในวงเงิน 2.28 พันล้านดอลลาร์นั้น ไม่มีผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือทางด้านองค์กรที่ BBB+ ที่มีแนวโน้มเชิงลบของ PTT แต่อย่างใด

*PTTEP:"มูดี้ส์"ประกาศทบทวนอันดับเครดิต PTTEP-PTT โดยมีแนวโน้มปรับลดอันดับ สิงคโปร์--25 พ.ย.--รอยเตอร์
มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศทบทวนโดยมีแนวโน้มปรับลดลงสำหรับอันดับความน่าเชื่อถือในฐานะผู้ออกตราสารหนี้และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีประกันที่ A3 ของบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) และบมจ.ปตท.

*PTTEP:S&P ประกาศเครดิตพินิจเชิงลบต่อ PTTEP กังวลเงินทุนซื้อหุ้น Statoil สิงคโปร์--25 พ.ย.--รอยเตอร์
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ระบุว่า ทางบริษัทได้ประกาศเครดิตพินิจโดยมีแนวโน้มเชิงลบ สำหรับอันดับความน่าเชื่อถือทางด้านองค์กรที่ BBB+ ของบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) หรือ PTTEP

นอกจากนี้ S&P ยังได้ประกาศเครดิตพินิจโดยมีแนวโน้มเชิงลบสำหรับอันดับความน่าเชื่อถือที่ BBB+ ของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีประกันที่ออกโดยบริษัทพีทีทีอีพี ออสเตรเลีย อินเตอร์เนชันแนล ไฟแนนซ์ และได้รับการค้ำประกันจาก PTTEP

S&P เปิดเผยว่า การประกาศเครดิตพินิจสำหรับอันดับความน่าเชื่อถือของ PTTEP มีขึ้น หลังการประกาศของ PTTEP ว่าจะเข้าซื้อหุ้น 40% ในแหล่งผลิตน้ำมันดิบของ Statoil ในแคนาดา ในวงเงิน 2.28 พันล้านดอลลาร์

---------------------------------------------------------------------------------
Short News
TMB - ที่มีข่าวว่าจะมีการประชุมบอร์ดเรื่องการจ่ายเงินปันผลในวันพรุ่งนี้ ไม่น่าจะเป็นความจริง
· จากข่าวนสพ.ข่าวหุ้น ที่ว่า TMB จะมีการประชุมบอร์ดโดยจะมีวาระการจ่ายเงินปันผลด้วยนั้น
· เราได้สอบถามไปยังฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของ TMB ได้ข้อสรุปว่า
· พรุ่งนี้มีประชุมบอร์ดจริง และน่าจะมีการพูดถึงความเป็นไปได้ในการจ่ายเงินปันผล แต่คงยังไม่มีมติออกมาเป็นเรื่องเป็นราวออกมา
· การจ่ายเงินปันผลน่าจะต้องรองบปีออกมาทั้งหมดก่อน จึงจะตัดสินใจได้ (ตัวแปรคือ ต้องมีเงินกองทุน กำไรสะสม และกำไรทั้งปีซึ่งไม่รวมกำไรพิเศษ)
· เราคาดจะจ่าย ~ 0.03-0.04 บาทต่อหุ้น คิดเป็น yield แค่ 1.5% น้อยกว่า KTB ที่มีทั้ง Fundamental และ story ที่น่าสนใจกว่า
· แนะนำ ขาย TMB เข้า KTB เป็นทางเลือกที่ดีกว่า

กลุ่มมือถือ:Sentiment เชิงลบระยะสั้นจากข่าวกรมสรรพสามิตจะเสนอเก็บภาษีการใช้บริการมือถือ 3%
จากแหล่งข่าว กรมสรรพสามิต จะเสนอก.คลังเก็บภาษีสรรพสามิตจากการใช้บริการมือถือ ในอัตรา 3% จากฐานภาษี 10% ภายในสิ้นปีนี้-มี.ค.11 โดยคาดรายได้เข้ารัฐ 2 หมื่นล้านบาท
ความเห็น: เป็น Sentiment เชิงลบระยะสั้นต่อหุ้นกลุ่มมือถือ แม้โอกาสเกิดจริงไม่น่ามาก ในทางปฏิบัติจะมีการโอนภาระไปให้ผู้บริโภค เพื่อรักษาMargin ของผู้ประกอบการ รวมทั้งปัจจุบันบริการมือถือจัดว่าเป็นสินค้าจำเป็นโดยเฉพาะบริการด้าน Voice ที่มีสัดส่วนรายได้ 85-90% และมีอัตราการเติบโตไม่มากอยู่แล้ว ที่เหลือ 10-15% จากด้าน Non-voice การปรับขึ้นของค่าบริการ อาจมีผลต่อปริมาณการใช้ (MOU) เพียงระยะแรกๆ
คำแนะนำ: คงให้น้ำหนักการลงทุนเพียง “Neutral” กลุ่มมือถือ โดยให้น้ำหนักด้าน Dividend Play โดยคาด ADVANC มากสุดระดับ 10-12%
----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
25 พย. 53 ( -3.50 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

แกว่งตัวในกรอบ 1000 – 10 จุด
ดัชนีกำลังแกว่งตัวในกรอบ 1000 – 10 หรือระหว่างจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดของวันพุธ ใต้แนวต้านตามธรรมชาติเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันและ25 ชั่วโมง

จากนั้น ตลาดยังคงมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงบริเวณ 980 - 985 ใกล้จุดต่ำสุดของสัปดาห์ที่แล้วอีกครั้ง .. และอาจจะแกว่งตัวในกรอบ 980 – 1020 หรือระหว่างจุดต่ำสุดสัปดาห์ที่แล้วถึงจุดสูงสุดของสัปดาห์นี้ อีกสักระยะและการปรับตัวลง ต่ำกว่า 978.52 จุดต่ำสุดสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงต่อ
เดือนหน้าแถว 905 – 965 จุด ใกล้แนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์

หุ้นเด่น
PTL
ปรับตัวทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะชั่วโมงขึ้นมาได้ รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน37.25 จุดสูงสุดวันพุธ เป้าหมายสองสามวัน39.00 - 41.50( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 36.00 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
PTT ไม่น่าเกิน 314 – 316
PTTEP ไม่น่าเกิน 174 – 176
TRUE แกว่งตัว 6.40 – 6.65
PTTAR แกว่งตัว 37 – 38.25
IVL เกิน 50 ขึ้น 50.50 - 51
CPF เกิน 25.25 ขึ้น 25.50 - 26
PTL รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
TOP ต่ำกว่า 65.75 ลง 56 – 60
PTTCH ไม่เกิน 163.50 ลง 150 – 155
KBANK ไม่เกิน 123.50 ลง 118 - 119
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS : ตลาดขึ้นยังรอดูท่าทีก่อนได้ เพราะโอกาสลงต่ำใหม่ยังมีอยู่!!
แนวโน้ม: SET ยังมีแรงซื้อจากบริเวณ 1000 จุดอยู่เป็นวันที่ 2 ทำให้มีโอกาสลุ้นจังหวะดีดกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวเป็นบวกได้ในช่วงนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้สนับสนุนแนวโน้มดังกล่าวด้วย แต่ความกังวลต่อการลุกลามของปัญหาหนี้สินในยุโรป และความวิตกต่อมาตรการคุมเข้มของทางการจีน รวมทั้งความ
ขัดแย้งทางด้านการเมืองในประเทศจากประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีการโหวตรับร่างแก้ไข รธน.กันในวันนี้ น่าจะยังกดดันให้ SET ขยับขึ้นได้ในกรอบ
จำกัด ซึ่ง FSS คาดว่าโอกาสที่ดัชนีจะขยับขึ้นไปสูงกว่า 1020 จุดในระยะนี้มีความเป็นไปได้ไม่มากนัก ในทางกลับกันเรายังมองว่าแนวโน้มที่ SET จะแกว่งตัวลงไปที่จุดต่ำสุดเดิมแถว 980 จุดหรือใกล้เคียงยังมีความเป็นไปได้มากกว่านอกจากนี้ความกังวลเกี่ยวกับปัญหามอนทาราของ PTTEP ก็ยังมีสิทธิที่จะกดดันให้หุ้นในกลุ่ม PTT แกว่งตัวลงต่อได้ ดังนั้นยังน่ารอรับต่ำอยู่เช่นเดิม
กลยุทธ์: รอหาจังหวะเลือกหุ้นรับเมื่อตลาดปรับตัวลง ซึ่งหุ้นที่น่าสนใจได้แก่BANPU, KBANK, KTB, SCB, TASCO, PTL, AMATA, PS, SPALI, AP, CK,VNG, MAJOR, HEMRAJ เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (0) จับตาการลงคะแนนแก้ไขรัฐธรรมนูญวันนี้ มีแนวโน้มว่าสภาจะโหวตให้ผ่านซึ่งจะเป็นข่าวบวกกับตลาด แต่ก็ยังต้องระวังคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ที่จะมี
การแถลงปิดคดี 29 พ.ย. นี้และอาจตัดสินในวันเดียวกันนั้นเลยหรือนัดใหม่ ทำให้การรีบาวนด์ของ SET ยังถูกจำกัด
• (-) PTTEP ข่าวดีปนร้าย หลังมีข่าวว่ารัฐบาลออสเตรเลียกำลังทบทวนใบอนุญาตของ PTTEP กรณีทำน้ำมันรั่วที่แหล่งมอนทารา กลบข่าวดีที่ไปลงทุนใน Oil Sands และทำให้ราคาหุ้นวานนี้ปรับลงถึง 9 บาทหรือ 5% มีผลต่อ SET 4จุด แม้ว่าบริษัทจะมั่นใจว่าจะไม่ถูกยึดใบอนุญาต แต่เราประเมินกรณีเลวร้ายสุด ถ้าต้องตัดเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จะกระทบกำไร 3 บาท/หุ้น และกระทบราคาเป้าหมายประมาณ 30 บาท/หุ้นจากเป้าหมายปัจจุบัน 195 บาท ทำให้อาจลดลงเหลือ 165 บาท ราคาหุ้นมี downside ไม่มากแล้วเพียง 3% ที่เราแนะนำให้ขายไปก่อนแต่หากขายไม่ทัน ปัจจุบันเราแนะนำ ‘ถือ’ ส่วนผู้ที่ขายไปแล้ว รอความชัดเจนกว่านี้ จึงพิจารณาเข้าลงทุนใหม่
• (+) BIGC การซื้อ Carrefour เป็นประโยชน์ระยะยาวจากจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 106 สาขา พื้นที่เช่าเพิ่มขึ้น อำนาจต่อรอง supplier สูงขึ้น แต่ในปีหน้าจะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูงขึ้น 200 ล้านบาท รวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้คาดว่ากำไรปี 2011 เติบโตได้เพียง 5% แต่หลังจากนั้นคาดกำไรโตก้าวกระโดด 20% ต่อปี เราแนะนำซื้อลงทุน เป้าหมาย 85 บาท
• (+) TTCL ได้งานโรงงานปิโตรเคมีกว่าพันล้านบาท การขายหุ้นของผู้ถือหุ้นคือITD น่าจะเป็นข่าวดีกับ TTCL และอาจเสร็จสิ้นก่อนสิ้นปีนี้ TTCL เป็นหุ้นรับเหมาที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง อัตรากำไรสูงสุดในกลุ่ม เรายังแนะนำซื้อ เป้าหมาย 12 บาท
• (+) IVL และ THAI ยังคงร้อนแรงเพราะจะถูกนำเข้ามาคำนวณ MSCI รอบหน้านี้ โดยใช้ราคาปิด 29 พ.ย. นี้
• Fund Flow วานนี้ไหลออกจากตลาดภูมิภาคเกือบทุกตลาด ยกเว้นเกาหลีใต้ที่ยังเข้าซื้อสุทธิแต่ปริมาณน้อยมาก เราเชื่อว่าการปรับขึ้นของตลาดหุ้นเอเชียในรอบนี้ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเข้าเก็งกำไรของนักลงทุนในแต่ละประเทศเป็นหลักอิทธิพลของกระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติถือว่ามีความสำคัญน้อยลงมาก
หลังจากเฟดประกาศ QE2 กลับกลายเป็นช่วงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติปัจจัยลบจากการที่ไอร์แลนต้องได้รับการช่วยเหลือจาก IMF และ EU ทำให้เกิดความกังวลต่อเนื่องว่าจะขยายวงกว้างหรือไม่ ขณะเดียวกันจีนก็จะต้องการที่จะออกมาตรการสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด ไม่ว่าจะเป็นจีดีพีไตรมาสที่ 3 ระดับ 2.5% ดีกว่าคาด ตัวเลขการขอรับสวัสดิการของคนว่างงานลดลง เป็นเหตุให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นรวมถึงค่าเงินเอเชียและค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามาอยู่ที่ 30 บาท/หุ้นอีกครั้ง ดังนั้นช่วงนี้ต้องเล่นหุ้นตัวเล็กที่มีแนวโน้มธุรกิจสดใส อย่างกลุ่มปิโตรเคมี เป็นต้น

ข่าวภายในประเทศ
TTCL คว้างานพันลบ. ยุ่นพบอิตัลไทยวันนี้เปิด แผน 5 ปีรายได้เฉลี่ยปีละ 3 หมื่นล้าน โตโย-ไทย (TTCL) ได้งานก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีมูลค่ากว่าพันล้านบาท ลงนามต้นเดือนหน้า และเตรียมประมูลอีก 15 โครงการ ทั้งในและนอกประเทศ ส่วนวันนี้ (25 พ.ย.) ผู้บริหาร “ชิโยดะ” จากประเทศญี่ปุ่นเข้าประชุมร่วมโตโย-ไทย อิตาเลียนไทย หลังเข้าถือหุ้นใหญ่ TTCL กว่า 10% ส่วนแผนงาน 5 ปี ตั้งเป้ามีรายได้ปีละ 3 หมื่นล้านบาท(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-11-2010)
PTTEP แจงปัญหามอนทารา มั่นใจไม่ถูกริบคืนสัมปทาน ปตท.สผ. ชี้แจงผลสอบสวนเหตุการณ์มอนทารา บริษัทได้ตั้งกรรมการวางแผนครอบคลุมทุกด้าน เพื่อแก้ปัญหาอยู่แล้ว พร้อมประสานงานกับรัฐบาลออสเตรเลียมาโดยตลอด ระบุที่ผ่านมาไม่ได้ติดปัญหาอะไร เชื่อไม่นำไปสู่การเรียกคืนสัมปทานดังกล่าว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-11-2010)
KIAT ลั่นปีนี้โต 30%ไตรมาส 4 ยังสดใสส่งซิกปันผลเพิ่มขึ้น KIAT ปีนี้โชว์ผลงานโดดเด่น กำไร 9 เดือนกระฉูด 43.64% สูงกว่าปีก่อนทั้งปีที่
ทำได้ 137 ล้านบาท ส่วนไตรมาสสุดท้ายโตต่อเนื่อง สั่งปรับเป้ารายได้-กำไรปีนี้ เป็นขยายตัว 30% จากเดิมกำหนดไว้ 10-15% ส่งสัญญาณมีลุ้นปันผลงามกว่าปีก่อนตามกำไรโตขึ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-11-2010)
SGP ซื้อธุรกิจ LPG มาเลย์ปี 54 ยอดขายกระฉูด 40% SGP เล็งเข้าประมูลธุรกิจ LPG มาเลเซีย ไตรมาส 1/54 เป็นโครงการขนาดใหญ่กว่าที่เคยเข้าซื้อ รู้ผลไตรมาส 2/54 เผยเตรียมแนวทางหาเงินลงทุนจากการออกหุ้นกู้ 3,000 ล้านบาทและกู้เงิน เผยปีหน้ายอดขายเติบโต 40% จากปีนี้15%
เนื่องจากรายได้ต่างประเทศเข้ามาเสริมเพียบ เตรียมซื้อเรือใหม่ขนาด 4.5 หมื่นตัน มูลค่า 16 ล้านเหรียญ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-11-2010)
SC ยันงบกำไร Q4 ดีกว่าQ3 ยอดขายพุ่ง 4.5 พันล้าน รายได้ปีนี้โตตามเป้า 25% "SC" ยันงบ Q4 ดีกว่า Q3 เหตุบุ๊คโอนคอนโดฯเซ็นทริคซีน
รัชวิภากว่า 80% จากมูลค่าทั้งหมด 1,900 ล้านบาท ดันรายได้ปีนี้โตตามเป้า 20-25% จากปีก่อน โชว์แบ็กล็อก 2,000 ล้านบาท ยอดขายพุ่ง4,500
ล้านบาท ทั้งปีลั่นตามเป้า 5,700 ล้านบาท หลัง Q4 เปิดเพิ่ม 7 โครงการ 6,000 ล้านบาท ล่าสุดเปิดคฤหาสน์หรู 60-100 ล้านบาท "กรานาด้า ปิ่น
เกล้า มูลค่า 2,000 ล้านบาท ส่วนปีหน้าเปิด 10 โครงการมูลค่าหมื่นล้านบาท พร้อมทุ่มงบซื้อที่ดิน 3,000 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-11-2010)
TTW รับสนใจถือหุ้นเขื่อนน้ำงึม 2 ลงทุน 5 ปี 2 หมื่นล้าน ลดสัดส่วนรายได้จากน้ำ 60% TTW ส่งซิกสนใจเข้าถือหุ้นโครงการน้ำงึม 2 ในลาว
เนื่องจากเป็นโครงการพลังงานสะอาดสอดคล้องกับแผนธุรกิจ เผยตั้งงบลงทุน 5 ปี (2554-58) 2 หมื่นล้านบาท ลุยลงทุนธุรกิจพลังงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 35% และธุรกิจน้ำเป็น 65% มั่นใจภายใน 5 ปีรายได้แตะ 7.6-7.7 พันล้านบาท ผลประกอบการไตรมาส 4รายได้สดใสย้ำเป้าทั้งปีแตะ 4.4 พันล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 25-11-2010)
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: ยูโรอ่อนเทียบดอลล์-เยนที่ตลาดโตเกียว เหตุวิตกคาบสมุทรเกาหลี-หนี้ยุโรป เงินยูโรเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินเยนในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียววันนี้ เนื่องจากวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศยูโรโซน ประกอบกับสถานการณ์ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีที่ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสกุลเงินยูโร (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-11-2010)
สหรัฐอเมริกา: FED หั่นคาดการณ์การขยายตัว GDP ปี 54 ของสหรัฐลงเหลือ 3.0-3.6% ระบุอัตราว่างงานยังสูง ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 2-3 พ.ย. โดยรายงานระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในปี 2554 ลงสู่ระดับ 3.0 -3.6% จากเดิมที่คาดการณ์เมื่อเดือนมิ.ย.ว่า จะขยายตัว 3.5 -4.2% นอกจากนี้ เฟดได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของจีดีพีปี 2553 ลงสู่ระดับ 2.4 - 2.5% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 3.0 -3.5% ส่วนในปี 2555 นั้น เฟดคาดว่าอัตราการขยายตัวของจีดีพีจะอยู่ที่ 3.6 - 4.5% ซึ่งใกล้เคียงกับที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.5 - 4.5% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-11-2010)
จีน: สื่อจีนคาดรัฐบาลจีนเล็งเพิ่มเป้าหมายดัชนี CPI ปี 54 เป็น 4% หนังสือพิมพ์ไชน่า บิสิเนส นิวส์รายงานในวันนี้ว่า รัฐบาลจีนอาจปรับเพิ่มเป้าหมายอัตราการขยายตัวของดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) สำหรับปี 2554 ขึ้นเป็น 4% ในการประชุมคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกลางในช่วงปลายปีนี้ จากระดับเป้าหมายในปีนี้ที่ 3% ไชน่า บิสิเนส นิวส์ คาดว่า รัฐบาลกลางของจีนอาจใช้นโยบายการเงินแบบรอบคอบในปี 2553 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงไปจากที่ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในช่วง 2 ปีที่แล้ว (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-11-2010)
จีน: สื่อเผยรัฐบาลจีนอาจสั่ง 7 แบงก์พาณิชย์ยักษ์ใหญ่เพิ่มเพดานสำรองสภาพคล่อง หนังสือพิมพ์เซี่ยงไฮ้ ซิเคียวริตีส์ นิวส์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในวันนี้ว่า รัฐบาลจีนอาจมีคำสั่งให้สถาบันการเงินรายใหญ่ 7 แห่งที่มีความสำคัญต่อระบบการเงินของจีน เพิ่มเพดานการสำรองสภาพคล่องในอัตราที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารรายใหญ่ทั้ง 7 แห่งที่คาดว่าจะต้องเพิ่มเพดานการสำรองเงินฝากได้แก่ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า(ICBC), ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ (CCB), อะกริคัลเจอรัล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ABC), แบงก์ ออฟ ไชน่า (BoC), แบงก์ ออฟ คอมมูนิเคชันส์(BOCOM), ไชน่า เมอร์ชานท์ แบงก์ และไชน่า ซิติก แบงก์ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-11-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยยอดขายในห้างสรรพสินค้าเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 ปี 8 เดือน สมาคมห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ยอดขายในห้างสรรพสินค้าเดือนตุลาคมของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบปีต่อปี ทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี 8 เดือน เนื่องจากยอดขายเครื่องนุ่งห่มในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและเสื้อผ้ากันหนาวที่สูงขึ้น โดยรายงานของสมาคมระบุว่า ยอดขายในห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นมีมูลค่าทั้งสิ้น 5.1213 แสนล้านเยน ในเดือนตุลาคม โดยเครื่องนุ่งห่มมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี 4 เดือน เนื่องจากเสื้อผ้าสำหรับฤดูใบไม้ร่วงและเสื้อกันหนาวมียอดขายสูงขึ้นหลังจากที่อุณหภูมิได้ลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงหลังของเดือน รวมทั้งการจัดแคมเปญการส่งเสริมการขายและการนำสินค้าไปวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้ามากขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-11-2010)
เอเชีย: สมาพันธุเหล็กญี่ปุ่นคาดผลผลิตเหล็กดิบดีดตัวขึ้นแตะ 110 ล้านตันในปีงบ 2553 สมาพันธ์เหล็กและเหล็กกล้าญี่ปุ่นเปิดเผยว่าผลผลิตเหล็กดิบของญี่ปุ่นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับประมาณ 110 ล้านตันในปีงบประมาณปัจจุบัน เนื่องจากการส่งออกที่แข็งแกร่งไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชีย หลังจากที่ผลผลิตเหล็กดิบอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 100 ล้านตันในปีงบประมาณ 2552 ขณะที่เกิดวิกฤตการเงินโลก(ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-11-2010)

----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น