Code 193 : ยังผันผวนในกรอบแคบ 1,040 - 1,050

วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน 2553
ATT Code : ยังผันผวนในกรอบแคบ 1,040 - 1,050
----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
10 พย. 53 (-2.24 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338.

ต้องไม่ต่ำกว่า 1036 จุด
ตราบใดไม่ต่ำกว่า 1042.23 จุดต่ำสุดของวันอังคารและเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง ดัชนียังพอมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อแถว 1075 – 1077 จุด
... ก่อนที่จะปรับตัวลง 1000 - 15 ต่อไปแต่จากสภาวะ RSI Weekly BearishDivergence & Overbought ตลาดพร้อมปรับฐานได้ทุกเวลา โดยเฉพาะการปรับตัวลงต่ำกว่า 1036 นอกจากจะเป็นการปรับตัวลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงแล้ว ยังจะทำให้เกิด“สัญญาณขาย” ในเครื่องมือ Point & Figureดัชนีสามารถปรับตัวลงต่อแถว 1000 – 15 จุด( หรือต่ำกว่า ? ) ซึ่งเป็นบริเวณแนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน และเป็นการปรับฐานตามอัตราส่วน Fibonacci Ratio38.2% นับจากจุดต่ำสุดของวันที่ 20 กย. ถึงจุดสูงสุดของวันที่ 9 พย.

หุ้นเด่น
TOP
กำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะชั่วโมง ทยอยซื้อแถว 63.00 – 63.50 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 64.25 จุดสูงสุดวันอังคารเป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 65.50 – 66.50( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 63.00 )65.50 – 66.50

STEC
ปรับตัวขึ้นมาแถวเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงพอดีรอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 13.40 จุดสูงสุดวันอังคารและเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 13.70 – 13.90( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 13.10 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
PTTAR ต่ำกว่า 34.25 ลง 32 - 33
PTL ต่ำกว่า 39.75 ลง 36 - 38
PTT ต่ำกว่า 336 ลง 310 – 320
IRPC ต่ำกว่า 4.80 ลง 4.60 – 4.70
TOP รายละเอียดใน ”หุ้นเด่น”
AJ ไม่ต่ำกว่า 33.75 ขึ้น 36.25 – 36.75
IVL แกว่งตัว 43.25 – 44.50
PTTCH ปรับตัวลง 160 - 161
BANPU เกิน 812 ขึ้น 814 – 816
TCAP เกิน 41.25 ขึ้น 41.50 – 42
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS:ตลาดยังมีโอกาสปรับพักตัวลงก่อนได้ ดังนั้นยังน่ารอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว!
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ยังแกว่งตัวผันผวนอยู่ในกรอบ 1040-1050 จุดโดย SET ยังคงมีแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ระดับดัชนี1050 จุด ขณะที่นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศเริ่มชะลอการเข้าซื้อลงอีกครั้ง ซึ่งทำให้แนวโน้มที่ SET จะมีการปรับพักตัวลงในระยะนี้ตามที่ FSSคาดการณ์นั้นมีความเป็นไปได้มากขึ้น โดยในด้านของตลาดหุ้นต่างประเทศก็เริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมาด้วยเช่นกัน หลังนักลงทุนยังไม่ค่อยวางใจนักกับมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินใหม่ของเฟด รวมทั้งการขยับขึ้นมาค่อนข้างแรงของ SETเมื่อสัปดาห์ก่อนก็ทำให้นักลงทุนบางส่วนเลือกที่จะขายทำกำไรเพื่อรับรู้กำไรก่อนด้วย อย่างไรก็ตาม FSS คาดว่าหลังการปรับพักตัวของตลาดรอบนี้จะยังคงมีแรงซื้อทั้งจากนักลงทุนต่างประเทศและสถาบันในประเทศกลับเข้ามารองรับและผลักดันให้ตลาดขยับขึ้นรอบใหม่ได้อยู่ ดังนั้นจังหวะอ่อนตัวลงจึงเลือกหุ้นซื้อได้
กลยุทธ์: รอหาจังหวะกลับเข้าซื้อเมื่อตลาดปรับตัวลง โดยหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่PTTEP, PTT, BANPU, SCC, PTTCH, KBANK, SCB, BBL, CPALL, TASCO,PTL, BGH, TUF, LPN, SPALI, PS เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (-) จะเริ่มเห็นมาตรการคุมเงินทุนไหลเข้ามากขึ้น สำนักปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) เตรียมคุมเข้มการกำกับดูแลธุรกิจซื้อขายเงินตราต่างประเทศเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนข้ามพรมแดน ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของ SAFE ในการป้องกันผลกระทบจากกระแสเงินเก็งกำไรในตลาดทุนของจีน
• (+) TOP ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 75 บาท กำไรสุทธิ +115%Q-Q และ+17.2%Y-Y จากค่าการกลั่นดีขึ้น และมีกำไรจาก FX มากกว่าคาด แนวโน้มค่าการกลั่นและราคาอะโรเมติกส์ดีกว่าคาด ราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเพราะQE2 และความต้องการน้ำมันดีเซลจากจีนซึ่งกำลังขาดแคลน ทำให้เราปรับกำไรปี2011 เพิ่ม 22% ทำให้กำไรเติบโตจากปีนี้ถึง 50% และปรับเป้าหมายเป็น 75บาท มี upside 17% แนะนำซื้อ
• (+) CPALL กำไรและจ่ายปันผลใกล้เคียงคาด กำไรสุทธิ -6% Q-Q เพราะlow season และ +18% Y-Y คาดว่าจะชะลอตัวต่อใน 4Q10 จากค่าใช้จ่ายที่สูงในช่วงปลายปี แต่กำไรทั้งปียังเติบโตแข็งแกร่ง +28% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้น22% ในปีหน้า นอกจากนี้ CPALL ประกาศจ่ายปันผลพิเศษ 0.40 บาท/หุ้น Yield1% XD 22 พ.ย. จ่ายเงิน 8 ธ.ค. ราคาหุ้นปรับขึ้นมารับข่าวดีมากแล้ว เราลดคำแนะนำเป็นถือ ราคาเป้าหมาย 48 บาท อ่อนตัวจึงค่อยน่าสนใจ
• (0) QH แย่กว่าคาด SPALI ดีกว่าคาด กำไรของกลุ่มที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ลดลงมาก Q-Q โดยกำไรของ QH -47.0% Q-Q และ -59.5% Y-Y และต่ำกว่าคาดมาก เพราะค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และดอกเบี้ยจ่ายสูงกว่าคาดมากส่วนกำไรของ SPALI -64.6% Q-Q และ -73.1% Y-Y ดีกว่าคาด ในกลุ่มนี้ เราแนะนำ SPALI, LPN, PS
• (0) STA ปรับประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย สะท้อนราคายางเข้าใกล้จุดสูงสุดเดิมในรอบ 50 ปี และมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง เราปรับเป้าหมายขึ้นเป็น36 บาท (ก่อนเพิ่มทุน) การเพิ่มทุนเข้าจดทะเบียนในสิงคโปร์คาดว่าจะอยู่ใน1Q11 และทำให้เป้าหมายของเรา dilute ลงเหลือ 28 บาท แนะนำเพียงถือ
• Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าต่อเนื่องในตลาดหุ้นภูมิภาค แต่ปริมาณการซื้อชะลอตัวลงมาก ทั้งนี้เราเชื่อว่าเนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้าสู่ตลาด ทำให้กลายเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ส่วนผลของ QE2 ก็ยังทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังแข็งแกร่ง รวมถึงราคาทองคำด้วยแม้ค่าเงินยูโรกลับมาอ่อนค่า แต่เป็นเพราะนักลงทุนเชื่อว่าแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์จะยังคงเสื่อมค่าต่อเนื่องนั่นเอง ทำให้ Fund Flow ส่วนใหญ่อาจเข้าไปตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มากกว่าตลาดหุ้น แต่อย่างไรก็ตาม QE2 จะเป็นปัจจัยบวกสำหรับตลาดหุ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย อย่างไรก็ตามเนื่องจากตลาดขาดปัจจัยใหม่เข้าสู่ตลาด ดังนั้นช่วงนี้อาจเกิดแรงขายทำกำไรเป็นระยะๆ โดยเฉพาะหุ้นที่ปรับขึ้นเร็วและแรง ค่าเงินยูโรยังอ่อนค่าจากผลของความกังวลเกี่ยวกับหนี้สาธารณะในยุโรป ค่าเงินบาทวานนี้แข็งค่าต่ำสูงในรอบ 2 ปี 9 เดือน แต่เช้านี้กลับมาอ่อนค่าเล็กน้อย ฉะนั้นตลาดจะผันผวนในกรอบแคบ หุ้นตัวใหญ่มีโอกาสถูกเทขายทำกำไรระยะสั้น และหันมาเล่นหุ้นตัวเล็กมากขึ้น

ข่าวภายในประเทศ
CPF ไม่ทำให้ผิดหวังโชว์กำไร 4.2 พันล้าน ธุรกิจต่างประเทศเฟื่องฟู ราคาเป้าหมาย 33.50 บาท CPF กำไรไตรมาส 3/53 ตามนัด 4,200
ล้านบาท ธุรกิจเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้านการส่งออกกุ้งออเดอร์ทะลักถึงปี'54 คาดดันยอดขายเพิ่มจากราคาที่สูงขึ้น และปริมาณมากขึ้น โบรกฯเชื่อ 3 ปีกำไรแตะ 20,000 ล้านบาท พร้อมเชียร์ซื้อราคาเป้าหมาย 33.50 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 10-11-2010)
VNT วิ่งกระฉูดข่าวดีครึ่งหลังกำไรกระโดด! VNT พุ่ง 33.66% ภายใน 3 วันทำการ ราคาปรับตัวสูงสุดแตะ 13.50 บาท โบรกฯฟันธงกำไรครึ่งปี
หลังดีกว่าครึ่งปีแรก กำไรเท่ากับ 660 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เนื่องจากราคาสเปรดอยู่ในระดับที่ดี ส่วนทั้งปี'53 กำไรแตะ 1.17 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น8% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 10-11-2010)
ไอแบงก์เข้าตลาดปี 54 ปีนี้ฟันกำไร 1.1 พันล้าน แบงก์อิสลามเตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ปีหน้า เสนอคลังขายแบบเฉพาะเจาะจง หรือไอพีโอระบุต้องเพิ่มทุนอีก 30% จากปัจจุบัน 9 พันล้านบาท มั่นใจปีนี้กำไรโต 1.1 พันล้านบาท โตจากปี’52 ที่กำไร 350 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 10-11-2010)
CCET-HANA กำไรไตรมาส 3 สวย ได้ดีช่วงไฮซีซั่น HANAกำไรโตเกิน 780 ล้านบาท CCET-HANA กำไรไตรมาส 3 สวยรับไฮซีซั่น CCETยอดขายโต 32,000 ล้านบาท สินค้าขายดีทั้งกลุ่มดันกำไรสุทธิพุ่งทะลุ 600 ล้านบาท หุ้นยังเหลืออัพไซด์แถมราคายังต่ำบุ๊ค 4 บาท ด้าน HANA กำไรโตเกิน 780 ล้านบาท ออเดอร์แน่นจนกำลังการผลิตปรี๊ด 95% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 10-11-2010)
TPC รุกตลาด HVA ประเดิม “TRUZT”ยอดขายตามเป้า นายคเณศ ขาวจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัดมหาชน) เปิดเผยว่า TPC ได้วิจัยพัฒนาวัตถุดิบพีวีซีที่มีคุณสมบัติพิเศษเป็นสินค้าระดับ Premium ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงหรือ HVA (High Value Added) ซึ่งเป็นพีวีซีเกรดใหม่มีคุณสมบัติเฉพาะทางภายใต้แบรนด์ TRUZT ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศและ
ต่างประเทศ เพิ่มโอกาสทางการค้า และรักษาความเป็นผู้นำให้ยั่งยืน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 10-11-2010)
SEAFCO กำไร Q3 โต 47% อานิสงส์กำไรขั้นต้นพุ่งรายได้ปีนี้ 1.6 พันล้าน SEAFCO คาดไตรมาส 3 พลิกกำไร 16 ล้านบาท เติบโต 7% จากไตรมาส 2 ขาดทุนสุทธิ 41 ล้านบาท แต่น้อยกว่าโบรกฯ คาดการณ์ เหตุเป็นช่วงฤดูฝนรับรู้รายได้น้อย แต่ได้อานิสงส์กำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 10.5% ส่วน
ทั้งปีรายได้แตะ 1,600 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 10-11-2010)
SYNEX เจ๋ง Q3 กำไรสุทธิโต15% รับแรงหนุนรายได้พุ่ง 4,204 ล้าน SYNEX ไตรมาส 3 กำไร 85.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.17% จากปีก่อนหนุนผลงานรอบ 9 เดือนโดดเด่น โชว์กำไรสุทธิทะลุ 219.41 ล้านบาท โต 30.04% จากงวดเดียวกันของปีก่อน "สุพันธุ์" ลั่นเป็นผลจากมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้น หลังซัพพลายเออร์ให้ขายสินค้าเพิ่มขึ้น มั่นใจสิ้นปีนี้จะเห็นผลงานโตกระฉูด พร้อมปรับเป้ารายได้ใหม่โต 18-20% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 10-
11-2010)
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.

ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: วิตกปัญหาหนี้ยุโรป ฉุดเงินยูโรร่วงหนักเทียบดอลลาร์ ค่าเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป รวมถึงไอร์แลนด์และโปรตุเกส ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวทำให้นักลงทุนแห่ถือครองดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ยังคงได้รับแรงกดดันจาความกังวลที่ว่ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ที่เฟดประกาศใช้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อาจฉุดค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนตัวลงอีก (ที่มา: อินโฟเควสท์ 10-11-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย.พุ่งขึ้นเกินคาด 1.5% กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.5% แตะระดับ 4.17 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.7% ในขณะที่ยอดขายสินค้าในระดับค้าส่งปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. แตะระดับ 3.53 แสนล้านดอลลาร์ ปัจจัยที่ทำให้สต็อกสินค้าภาคค้าส่งปรับตัวขึ้นเกินคาดมาจากการเพิ่มขึ้นของสต็อกสินค้าประเภทยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องจักร และอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 10-11-2010)
จีน: จีนเผยความเชื่อมั่นผู้ถือบัตรเครดิตร่วงในเดือนต.ค. เหตุเงินเฟ้อ-ขึ้นดอกเบี้ย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ถือบัตรเครดิตในจีนปรับตัวลดลงในเดือนตุลาคม เนื่องจากแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และจากการที่ธนาคารกลางจีนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ถือบัตรเครดิต (BCCI) ซึ่งรวบรวมโดยสำนักข่าวซินหัว และ ไชน่า ยูเนี่ยนเพย์ ซึ่งเป็นสมาคมอุตสาหกรรมบัตรเครดิตในจีน อยู่ที่ระดับ 85.69จุดในเดือนตุลาคม ลดลง 0.63 จุดเมื่อเทียบกับเดือนก่อน และลดลง 1.69 จุดเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (ที่มา: อินโฟเควสท์ 9-11-2010)
จีน: จีนเผยผลผลิตเหล็กดิบลดลงเล็กน้อยในเดือนตุลาคม สมาคมเหล็กและเหล็กกล้าของจีน (CISA) เปิดเผยว่าปริมาณการผลิตเหล็กดิบรายวันของจีนลดลงเล็กน้อยประมาณ 2% ในเดือนตุลาคม แตะที่ระดับ 1.586 ล้านตันต่อวัน เมื่อเทียบกับ 1.618 ล้านตันต่อวัน ในเดือนกันยายน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 9-11-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนต.ค.อ่อนตัวลง สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในกลุ่มพนักงานที่มีตำแหน่งงานที่อ่อนไหวต่อแนวโน้มทางเศรษฐกิจของประเทศ ปรับตัวลดลงในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากผลพวงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่หดตัวลง โดยดัชนี diffusion index (DI) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 40.2 จุด จากระดับ 41.2 จุดในเดือนก.ย. ซึ่งตัวเลขยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุดมาติดต่อกันเป็นเดือนที่ 43 แล้ว (ที่มา: อินโฟเควสท์ 9-11-2010)
เอเชีย: ธนาคารโลกคาดเศรษฐกิจมาเลเซียปีหน้าชะลอตัวแตะ 4.8% จากระดับ 7.4% ปีนี้ ธนาคารโลกคาดเศรษฐกิจมาเลเซียมีแนวโน้มชะลอตัว โดยประเมินว่าเศรษฐกิจของมาเลเซียจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 4.8% ในปี 2554 จากระดับ 7.4% ในปี 2553 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 9-11-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น