Code 205 : ลุ้นยุบ - ไม่ยุบ

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2553

ATT Code : ลุ้นยุบ - ไม่ยุบ
14.45 น. : การเมือง - ศาล รธน. มีมติ 4:2 ให้ยกคำร้อง เพราะกระบวนการยื่นคำร้องของ กกต. ผิดหลักการ ศาลฯ จึงไม่รับคำร้องไว้พิจารณา (จึงไม่มีการพิจารณายุบพรรค ปชป.)

โบรกฯ ประสานเสียง นลท. ผวาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ คาดกดดันดัชนีฯ สัปดาห์นี้ผันผวน แนวโน้ม SET ฟื้นตัวยาก ชี้ หากดัชนีฯ ต่ำกว่า 1000 จุด ให้ wait&see ให้แนวรับ 980 จุด ต้าน 1000-1010 จุด พร้อมสั่ง เตรียมพร้อมกำหนดจุดในการ cut ไว้ด้วย ฟากทิสโก้ ประเมิน หาก ไม่ยุบ ปชป. หุ้นขึ้นทันที 10 จุด แต่หากโดนยุบ ดิ่งทันที 2 –3 วันประมาณ 30 จุด ก่อนตั้งหลักได้ ด้าน ธปท. เชื่อคดียุบ ปชป.กระทบตลาดเงิน
--------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
29 พย. 53 ( -4.71 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ไม่ต่ำกว่า 983.08 มีโอกาสปรับตัวขึ้น 1010 – 15 จุด
ตราบใดไม่ต่ำกว่า 983.08 จุดต่ำสุดของวันศุกร์ ภาพตลาดในสัปดาห์นี้ พอมีโอกาสปรับตัวกลับขึ้นไปแถว 1010 – 15 จุด ใกล้บริเวณ แนวต้านตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย25 วัน

และ ภาพระยะหนึ่งถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า ดัชนีมีโอกาสที่จะแกว่งตัวในกรอบ980 – 1020 หรือประมาณจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดของสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงต่อในอนาคต โดยเฉพาะการปรับตัวลง ต่ำกว่า 978.52 จุดต่ำสุดของเดือน พย.
ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงต่อยังเป้าหมาย 905 –945 จุด สำหรับภาพในเดือน ธค. ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์

Intraday - ไม่ต่ำกว่า 983 ขึ้น 1010 - 15
THAI
ทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะวัน
ทยอย 49.50 - 50 หรือเมื่อเกิน 51
เป้าหมายสัปดาห์ 55.50 - 56.50
ต่ำกว่า 49.25 ขาย

Stochastic bullish divergence ภาพระยะชั่วโมง
ตราบใดไม่ต่ำกว่า 983.08 จุดต่ำสุดวันศุกร์
ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้น 1010 - 15 จุด แถวเส้น 25 วัน
แต่แนวโน้มหลักยังมีโอกาสเป็นขาลง
โดยเฉพาะเมื่อต่ำกว่า 978.52 จุดต่ำสุดเดือนนี้ .. มีโอกาสลง 905 - 945 ต่อไป

หุ้นเด่น
PTTCH
Stochastic Bullish Divergence ในภาพระยะชั่วโมง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน154.50 จุดสูงสุดวันศุกร์ เวลา 16.00 น.เป้าหมายหนึ่งถึงสอง 156.00 – 158.00( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 152.00 )

PTTEP
Stochastic Bullish Divergence ในภาพระยะชั่วโมง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน168.50 จุดสูงสุดวันศุกร์ เวลา 16.00 น.เป้าหมายหนึ่งถึงสอง 171.00 – 174.00( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 167.00 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
TRUE ไม่น่าเกิน 6 – 6.20
IVL แกว่งตัว 47.50 - 49
PTT ไม่ต่ำกว่า 301 ขึ้น 309 – 314
JAS แกว่งตัว 1.84 – 1.92
PTTCH รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
PTTEP รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
BANPU แกว่งตัว 756 – 768
SYMC แกว่งตัว 10.30 – 11.50
CPF เกิน 24.70 ขึ้น 25 – 25.25
PTTAR ไม่น่าเกิน 37 – 37.50
----------------------------------------------------------------------------------
ลุ้นยุบ-ไม่ยุบ ปชป.วันนี้
โบรกฯ ประสานเสียง นลท. ผวาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ คาดกดดันดัชนีฯ สัปดาห์นี้ผันผวน แนวโน้ม SET ฟื้นตัวยาก ชี้ หากดัชนีฯ ต่ำกว่า 1000 จุด ให้ wait&see ให้แนวรับ 980 จุด ต้าน 1000-1010 จุด พร้อมสั่ง เตรียมพร้อมกำหนดจุดในการ cut ไว้ด้วย ฟากทิสโก้ ประเมิน หาก ไม่ยุบ ปชป. หุ้นขึ้นทันที 10 จุด แต่หากโดนยุบ ดิ่งทันที 2 –3 วันประมาณ 30 จุด ก่อนตั้งหลักได้ ด้าน ธปท. เชื่อคดียุบ ปชป.กระทบตลาดเงิน

จับตาการเมืองร้อนถล่มตลาดหุ้นไทย แม้การประชุมร่วมของ 2 สภา ผ่านความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 2 ประเด็นที่รัฐบาลเสนอ และเตรียมเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป ซึ่งน่าจะเป็นช่วงต้นปี 2554 แต่ประเด็น คดียุบ / ไม่ยุบ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในวันที่ 29 พ.ย.นี้ ที่นายชวน หลีกภัย จะเป็นผู้แถลงปิดคดีด้วยวาจาด้วยตัวเอง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะนัดฟังคำตัดสินอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าคงไม่นาน และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรเชื่อได้ว่า จะมีแรงกระเพื่อมอันส่งผลสะเทือนเสถียรภาพทางการเมือง และกดดันตลาดหุ้นไทยอย่างช่วยไม่ได้ * โบรกฯ คดียุบ ปชป. กดดันดัชนีฯ สัปดาห์นี้ผันผวน เหตุ นลท.รอลุ้น

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. พัฒนสิน เปิดเผยว่าในสัปดาห์นี้การเคลื่อนไหวของ SET Index มีโอกาสอยู่ในลักษณะผันผวน โดยดัชนีฯ อาจจะปรับขึ้นไปก่อนแล้วหลังนั้นอาจจะมีแรงขายออกมา เพราะนักลงทุนอาจจะรอดูตัวเลขทางเศรษฐกิจที่จะประกาศออกมา ประกอบกับระยะดังกล่าวมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน นอกจากนี้นักลงทุนอาจจะรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับการปิดคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2553 ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนได้

" ตลาดหุ้นอาจจะเคลื่อนไหวในลักษณะผันผวน เพราะในสัปดาห์นี้มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน เพราะเป็นวันพ่อ อีกทั้งมีปัจจัยที่ต้องติดตามหลายประการทั้งตัวเลขเศรษฐกิจ การตัดสินคดียุบพรรค ส่วนปัญหาความขัดแย้งของเกาหลีนั้น เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมฉะนั้นนักลงทุนอาจจะรอดูความชัดเจนก่อน " นายชัย กล่าว

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนหากดัชนีฯ ไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 1,000 จุด และ 1,010 จุด ตามลำดับ แนะนำนักลงทุนให้ทยอยขายตามแนวต้านดังกล่าว นอกจากนี้นักลงทุนควรรอซื้อเมื่อดัชนีฯ อ่อนตัวลงมาที่แนวรับ 963 จุด และ 980 จุด ตามลำดับ * เซียนหุ้น แนะ นลท.รอดูความชัดเจน คดียุบ ปชป. ชี้ หากดัชนีฯ ปรับลงมาก สามารถเข้าซื้อหุ้นได้

นายกมลชัย พลอินทวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ถูกตัดสินให้ยุบพรรคในวันจันทร์นี้ ประเมินว่าจะส่งผลให้ดัชนีฯ ปรับลดลงแต่หากไม่ถูกตัดสินให้ยุบพรรคดัชนีฯ มีโอกาสปรับขึ้น เพราะปัจจัยดังกล่าวมีน้ำหนักต่อการลงทุนและจิตวิทยาการลงทุนมากกว่าปัจจัยอื่นๆ
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนควรรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับการตัดสินคดีดังกล่าวก่อนว่าจะออกมาอย่างไรบ้าง แต่หากดัชนีฯ ปรับลงแรงแนะนำนักลงทุนเลือกซื้อหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี โดยให้แนวรับไว้ที่ 960 จุด และให้แนวรับถัดไปไว้ที่ 980 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,000 จุด และให้แนวต้านถัดไปไว้ที่ 1,012 จุด

"วันจันทร์ถ้าตัดสินยุบพรรค ตลาดหุ้นเละ ถ้าไม่ยุบตลาดหุ้นก็ต้องปรับขึ้นแต่หากไม่มีการตัดสินยุบพรรคบรรยากาศคงอึมครึมและนักลงทุนคงชะลอเพื่อรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเป็นปัจจัยที่นักลงทุนให้น้ำหนัก กังวลมากกว่าปัจจัยอื่นๆ ฉะนั้นช่วงนี้นักลงทุนควรรอดูความชัดเจนก่อนแต่หากดัชนีฯ ปรับลงมากก็สามารถเข้าไปซื้อหุ้นได้ " นายกมลชัย กล่าว * โบรกฯ มองแนวโน้ม SET ฟื้นตัวได้ยาก ชี้ หากดัชนีฯ ต่ำกว่า 1000 จุด ให้ wait&see ให้แนวรับ 980 จุด ต้าน 1000-1010 จุด

นายอภิสิทธิ์ ลิมป์ธำรงกุล รองผู้อำนวยฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า แนวโน้มการเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยสัปดาห์นี้ คาดว่าจะอยู่ในลักษณะผันผวนต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลกับปัจจัยลบต่างๆ ที่เข้ามากดดันบรรยากาศการลงทุน โดยเฉพาะปัจจัยหลักสำหรับหุ้นไทย ได้แก่ กรณีการตัดสินยุบพรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 29 พ.ย. นี้ โดยเบื้องต้นประเมินว่าศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินยุบพรรคประชาธิปัตย์ก็อาจจะส่งผลให้ตลาดปรับตัวลดลง โดยกำหนดแนวรับไว้ที่ 980 จุด

แต่อย่างไรก็ตามหากตัดสินไม่ยุบพรรคฯ ก็เชื่อว่าจะทำให้ภาพรวมของตลาดฟื้นตัวดีขึ้นระยะสั้น เนื่องจากยังคงมีปัจจัยลบจากเหตุปะทะในคาบสมุทรเกาหลี รวมไปถึงปัญหาวิกฤตการเงินของประเทศแถบยุโรปที่ยังไม่มีความชัดเจน ทำให้จะเป็นปัจจัยฉุดดัชนีฯ ปรับตัวลดลง

ด้านกลยุทธ์การลงทุน หากดัชนีฯ ต่ำกว่า 1000 จุด ควร wait&see เนื่องจากมองว่าภาพรวมของตลาดฯ มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ยาก โดยประเมินแนวรับ 980 จุด และประเมินแนวต้าน 1000-1010 จุด*โบรกฯคาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าผันผวนต่อ ยังไม่แนะนำให้นักลงทุนในช่วงนี้ แนะ Wait&See

นายรักพงษ์ ไชยศุภรากุล ผู้จัดการ ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.เคจีไอ แนวโน้มดัชนีฯในสัปดาห์นี้คาดว่า ดัชนีฯยังคงมีลักษณะผันผวนต่อเนื่อง เนื่องจาก วันที่ 29 พ.ย. นี้ จะมีการแถลงปิดคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าดัชนีฯจะมีลักษณะผันผวนไปในทิศทางใด เนื่องจากยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะตัดสินภายในวันนั้น หรือเลื่อนการตัดสินออกไป ดังนั้น แนะนำนักลงทุนติดตามความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญว่าจะตัดสินในวันไหน รวมถึงติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งในเกาหลีว่าจะเป็นไปในลักษณะใด

สำหรับกลยุทธ์ในการลงทุนในสัปดาห์นี้ ยังไม่แนะนำให้นักลงทุนในช่วงนี้ควร Wait&See เนื่องจากภาพรวมของตลาด ณ ตอนนี้ยังมีความซับซ้อนอยู่ในหลายๆเรื่อง โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 980 จุด และแนวต้านที่ 1000 จุด* กูรู สั่ง นลท.เตรียมความพร้อม ซื้อหุ้นต้องเผื่อถือไว้หลายวัน และต้องกำหนดจุดในการ cut ไว้ด้วย

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า กรณีตัดสินคดียุบพรรค ดูเหมือนเป็นปัจจัยหลักสำหรับหุ้นไทย เพราะถ้าถึงขั้นยุบพรรค และตัดสิทธิ์ทางการเมืองกัน จะทำให้ขั้วการเมืองอาจเปลี่ยนแปลงได้ การมีนายกฯ คนใหม่ก็หมายถึงอะไรๆ ต้องกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ เมืองไทยไม่ไปไหนสักที ดังนั้นตลาดหุ้นไทยในระยะนี้จึงผันผวนหนักกว่ารอบบ้าน นักลงทุนจำเป็นต้องเตรียมความพร้อม เพราะอย่าลืมว่าปัญหายูโรยังคงกระทบอยู่เหมือนกันตามด้วยเกาหลีที่ยังไม่สงบลง ดังนั้นตลาดหุ้นช่วงนี้มีความไม่แน่นอนสูงมาก การซื้อหุ้นจำเป็นต้องเผื่อถือไว้หลายวัน และต้องกำหนดจุดในการ cut ไว้ด้วย* ทิสโก้ ประเมิน หาก ไม่ยุบ ปชป. หุ้นขึ้นทันที 10 จุด แต่หากโดนยุบ ดิ่งทันที 2 –3 วันประมาณ 30 จุด ก่อนตั้งหลักได้

บทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุว่า แนวโน้ม SET เดือน พ.ย. – ธ.ค. 53 แบ่งเป็น 2 ช่วงคือ ; 26 พ.ย. – 3 ธ.ค. 53 ; คาด SET Sideways 980 – 1,020 จุด รอผลตัดสินของศาลฯ และ 7 ธ.ค. – 30 ธ.ค. 53 ; คาด SET ซิกแซกขึ้น( LTF & RMF Rall ) เป้า 1,060 หรือ 1,090 จุด จับจาดูประเด็นศาล ฯ นัดคู่ความแถลงปิดสำนวนคดียุบพรรค ปชป. 29 พ.ย. 53 คาด ศาล ฯ อาจตัดสินก่อน 3 ธ.ค. 53 คาด SET ผันผวนออกด้านข้าง Sideways กรอบ 980 – 1,020 จุด กรณีมองทางขึ้นสัญญาณซื้อ ( Buy Signal ) จะเกิดเมื่อ SET ขึ้นทะลุ 1,020 จุด ไปต่อเนื่องถึง 30 ธ.ค. เป้า 1,060 หรือ 1,090 จุด

ประเด็นที่ SET จะผันผวนหนักคือ ผลของการตัดสินของศาลจะออกมาสูตรใด คือ สูตร 1 ( เป็นไปตามตลาดคาด ) “ ยกคำร้อง ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ” หุ้นขึ้นทันที 10 จุด สูตร 2 ( ผิดคาด ) “ สั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด ” SET ลงทันที 2 – 3 วันประมาณ 30 จุด ก่อนตั้งหลักได้ แล้วค่อย ๆขึ้นจาก RMF& LTF Effect * ผู้ว่าธปท. เชื่อคดียุบ ปชป.กระทบตลาดเงิน แต่มั่นใจไม่กระทบจีดีพีปีนี้ ยังคาดโตได้7.3-8 %

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงการตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 29 พ.ย. นี้ว่า น่าจะมีผลกระทบต่อตลาดเงิน เนื่องจากคดียุบพรรคจะมีความเกี่ยวข้องกับความต่อเนื่องทางการเมือง ซึ่งขณะนี้ปัจจัยต่างๆ เพียงเล็กน้อยก็อาจมีผลต่อเศรษฐกิจได้

" ต้องติดตามคำตัดสินในคดีนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำตัดสินให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องติดตามว่าพรรคประชาธิปัตย์มีแผนสำรองอย่างไร ได้มีการจัดตั้งพรรคสำรองหรือไม่ กรรมการบริหารที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองมีกี่คน" ผู้ว่า ธปท. กล่าว

อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าผลคำตัดสินคดีดังกล่าวจะไม่กระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัว 7.3-8%*โบรกฯ แนะจับตา เสถียรภาพรัฐบาล-ความคืบหน้าคดียุบพรรค ปชป. อาจส่งผลชี้นำ Sentiment ตลาด

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล.เอเซียพลัส ประเมินเสถียรภาพทางการเมือง ถือว่าเป็นดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของประเทศ และ Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นที่สำคัญอีกประการหนึ่ง โดยปัจจุบันมีปัจจัยเร่งความร้อนแรงที่สำคัญ 2 ประการคือ คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ และความเป็นเอกภาพของรัฐบาล ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ โดยในส่วนของคดียุบพรรคกรณีเงินสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ศาลรัฐธรรมนูญได้สอบพยานฝ่ายผู้ร้อง (อัยการ + กกต.) เรียบร้อยแล้ว และอยู่ในขั้นตอนของการสืบพยานฝ่ายผู้ถูกร้อง (พรรคประชาธิปัตย์) ซึ่งหลังจากนั้นก็จะมีคำตัดสินออกมา ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินให้ยุบพรรคฯ และตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคในชุดที่มีการกระทำความผิด ก็จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยอาจเกิดการสลับขั้วทางการเมืองได้ หากไม่มีการยุบสภาฯ ก่อนหน้าที่ศาลจะมีคำตัดสิน

อีกประเด็นหนึ่งที่ต้องติดตาม ได้แก่ เรื่องของความมีเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะจากการติดตามข่าวในช่วงเวลาที่ผ่านมาพบว่ามีหลายกรณีที่สะท้อนภาพความขัดแย้งในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคการร่วมรัฐบาล เริ่มจากกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็มีมติไม่เห็นด้วย, กรณีรถเมล์ NGV 4,000 คัน ซึ่งกลุ่มพรรคภูมิใจไทย เสนอมาตั้งแต่เริ่มต้นการทำงานของรัฐบาล แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ , การเสนอร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ซึ่งพรรคภูมิใจไทยได้รับการสนับสนุนจากพรรคชาติไทยพัฒนา ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ยังคงท่าที่เดิมคือไม่เห็นด้วยกับร่างดังกล่าว และกรณีล่าสุดได้แก่ การแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นประเด็นความขัดแย้งที่มีการตอบโต้ผ่านสื่อ ที่ค่อนข้างร้อนแรง * ขั้วการเมืองเปลี่ยน หาก ปชป.โดนยุบ แต่หากไม่ยุบ จับตาม็อบแดงป่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินให้ยุบพรรค ปชป. คณะกรรมการบริหารพรรค จะต้องถูกเว้นวรรคทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งหนึ่งในนั้น มีชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีรวมอยู่ด้วย และ หากนายอภิสิทธิ์ ถูกเว้นวรรคทางการเมือง จะส่งผลให้ครม.ทั้งชุดต้องพ้นสภาพทันที ก่อนจะให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ ปรากฏการณ์ดังกล่าว จะมีผลทำให้เกิดภาพการพลิกขั้วทางการเมืองในรัฐบาลชุดปัจจุบันแน่นอน

อย่างไรก็ตาม หาก ปชป.ไม่ถูกยุบพรรค แน่นอนว่า กลุ่มสนับสนุนทางการเมืองทั้ง กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านรัฐบาลแห่งชาติ(นชป.) หรือเสื้อแดง ย่อมมีเงื่อนไขออกมาเคลื่อนไหวแน่นอน ประกอบกับ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 และคัดค้านการพิจารณารับรองบันทึกการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วม(เจบีซี)ไทย-กัมพูชา ที่ได้นัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ ที่แนวโน้มสถานการณ์จะนำไปสู่ความรุนแรงได้ตลอดเวลา

ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า คดียุบพรรคจะเป็นตัวแปรแทรกซ้อนทางการเมืองที่สำคัญที่สุด เพราะหากพรรคประชาธิปัตย์ ถูกยุบพรรค เงื่อนไขต้องไปดูว่า นายอภิสิทธิ์ ต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองหรือไม่ หากนายอภิสิทธิ์ ถูกตัดสิทธิทางการเมือง เราจะเห็นภาพการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่แน่นอน แต่หากนายอภิสิทธิ์ ไม่ถูกตัดสิทธิ์ กลุ่มพรรคประชาธิปัตย์ก็จะมีการรวมตัวกัน และรวมตัวกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมตั้งรัฐบาลใหม่ได้อีกครั้ง

---------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS : ยังคาดว่าตลาดจะแกว่งลงต่อเนื่องอีกพักใหญ่...โอกาสรอซื้อต่ำยังมีอยู่!!
แนวโน้ม: ความกังวลต่อปัญหาหนี้สินในยูโรโซนยังคงกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก ส่งผลให้เช้านี้ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ยังคงปิดและเคลื่อนไหวในด้านลบ
เป็นหลัก รวมทั้งปัญหาความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลีก็ยังคงเป็นประเด็นที่ต้อง ติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะที่ในบ้านเราเองวันนี้นักลงทุนส่วนใหญ่คงรอติดตาม
การแถลงปิดคดีเรื่องเงินเลือกตั้งของพรรค ปชป. ซึ่งนำโดยอดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย เพื่อรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีดังกล่าวในวันนี้ทันที หรือจะนัด
วันพิจารณาเป็นวันใดอีกครั้ง ซึ่งผลของคำตัดสินของศาลฯ มีผลต่อเสถียรภาพ ของรัฐบาลชุดปัจจุบันพอควร ทำให้ FSS คาดว่า SET จะยังคงแกว่งตัวผันผวน
และเน้นหนักในทางปรับตัวลงต่อเนื่องอยู่ ซึ่งจังหวะมองซื้อเรายังแนะนำให้รอ ช่วงดัชนีแกว่งลงไปแถว 980 จุดหรือต่ำกว่าก่อนจึงค่อยเลือกหุ้นเข้าซื้อ
กลยุทธ์: ยังแนะนำให้รอหาจังหวะเลือกหุ้นเข้ารับแถว 980 จุดหรือต่ำกว่า โดย ช่วงนี้ถ้าตลาดดีดขึ้นก่อนยังไม่ต้องรีบร้อนเข้าซื้อไล่ราคา สำหรับหุ้นที่น่าสนใจยัง
เน้นที่หุ้นหลักของตลาด ได้แก่ BANPU, KBANK, KTB, SCB, TASCO, PTL, AMATA, PS, SPALI, AP, CK, VNG, MAJOR, HEMRAJ เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (0) ลุ้นศาลตัดสินวันนี้หรือไม่ วันนี้พรรคปชป.จะแถลงปิดคดีนำเงิน 29 ล้านบาทไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ส่วนศาลจะตัดสินบ่ายวันนี้เลยหรือนัดวันหลัง เป็นไปได้ทั้งสิ้น แต่ตลาดคาดว่าตัดสินบ่ายวันนี้ หากศาลตัดสินว่า 1. ผิดและกรรมการบริหารถูกตัดสิทธิ์ (สส. ของปชป. ที่ถูกตัดสิทธิ 5 ปีมี 31 คน จำนวนนี้เป็น รมต. 15 คน)
– ตลาดลงต่อ 970-980 หรือแย่สุด 960 จุด 2. ผิดและตัดสิทธิ์เฉพาะผู้เกี่ยวข้อง (อาจเป็นนายบัญญัติ นายประดิษฐ์ นายนิพนธ์ ส่วนนายกฯ อาจโดนเพราะเซ็นรับรองงบรายจ่าย)
– ตลาดลงต่อแต่ 980 จุดน่าจะรับอยู่ 3. ยกฟ้อง
– ตลาด rebound ไปแนวต้านเดิม 1,010-1,020 จุด แล้วพักฐานต่อเพราะต่างชาติยังขาย แต่หากเลื่อนวันตัดสิน
– ดัชนีจะ sideway หรือซึมลง (970-980จุดน่าจะรับอยู่เช่นกัน) จนกว่าจะชัดเจน
• (0) สัปดาห์นี้ พลังงานอาจรีบาวน์ แต่ระวังแบงก์ ปิโตรเคมีลงต่อ เพราะยังOutperform ถ้าเทียบกับ Energy และระวัง IVL, THAI เพราะการเปลี่ยนแปลงหุ้นที่คำนวณ MSCI ใช้ราคาปิดวันนี้
• (+) 2 โบรกนอกชี้ดัชนีปีหน้า 1,200 จุด CLSA คาดเลือกตั้ง 1Q11 ประเมินSET target 1,200 จุด ขณะที่ Credit Suisse ประเมิน 1,176 จุดปีหน้า
• (+) คาด กนง. คงอัตราดอกเบี้ย 1 ธ.ค. นี้ (ประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้) เป็นบวกทางจิตวิทยากับกลุ่มที่อยู่อาศัย หุ้นที่จ่ายปันผลดีด้วยได้แก่ SPALI(เป้าหมาย 14.80 บาท) LPN (เป้าหมาย 12.45 บาท) AP (เป้าหมาย 8.30 บาท)
• (+) Fitch คงอันดับเรทติ้ง PTT หลัง PTTEP เข้าซื้อ KKD และออสเตรเลียทบทวนใบอนุญาต โดยคงเครดิตระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศไว้ที่ ‘BBB’แนวโน้ม Stable ส่วนเครดิตระยะยาวสกุลเงินในประเทศที่ ‘A-’ แนวโน้ม Negative
• (+) KSL เราปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 18 บาท 4Q10 (สิ้นสุด ต.ค. 2010) จะรายงานเป็นขาดทุน ราคาหุ้นที่อ่อนตัวจึงเป็นโอกาสในการซื้อ
• (+) กลุ่มรับเหมา จับตาประมูลสร้างส่วนต่อขยาย BTS สายสีลม "ตากสิน-บางหว้า" ระยะทาง 5.3 ก.ม. มูลค่า 5,915 ล้านบาท เปิดให้บริการเดือน ธ.ค. 2555แหล่งข่าวในวงการแจ้งว่าใช้วิธีส่งเทียบเชิญรายใหญ่ 5 รายมี ITD, CK, STEC,UNIQ, A.S. Associate Engineering (1964) และมีข่าวว่า CK ถอนตัวแล้วนอกจากนี้ ลุ้นวันนี้ที่ประชุม รฟม. จะพิจารณาเรื่องการประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียวต้นเดือน ธ.ค. นี้หรือไม่
• (0) หุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET50 งวด 1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2011 – เข้าBTS, SSI, ITD, STA, SPALI ออก – BH, BIGC, KSL, MAKRO, SCCC
• Fund Flow เมื่อวันศุกร์ ยังคงไหลเข้าสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์อีกเล็กน้อย สรุปรายสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นเกาหลีใต้และไต้หวัน (แม้ว่าปัญหาในคาบสมุทรเกาหลียังทวีความร้อนแรง) ส่วนตลาดอื่นมีการขายทำกำไร โดยค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมายืนเหนือ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์ก่อน เนื่องจากความกังวลหนี้ในยุโรป หุ้นกลุ่มส่งออกจึงเริ่มกลับมีความน่าสนใจในระยะสั้น

ข่าวภายในประเทศ
เปิดโผ7หุ้น CG ดีเลิศผลตอบแทนเกิน100% SNC-HEMRAJ-SATนำทีม CPF-PTTCH กำไรทะลัก! เปิดโผ 70 บริษัท CG ดีเลิศซ่อนของดีไว้เพียบให้ผลตอบแทนจากราคาหุ้นเฉลี่ยสูงกว่าตลาด พบ 7 บริษัทมหัศจรรย์ผลตอบแทนสูงกว่า 100% และอีก 27 บริษัทสูงกว่า 40% SNC ตัวเล็กก้ามโตนำทีม ตามด้วย HEMRAJ-SAT-ROBINS-DRT ขณะที่หุ้นไก่บิน CPF ไม่ยอมน้อยหน้าใคร ส่วน PTTCH ดีวันดีคืนรับธุรกิจปิโตรเคมีขาขึ้น (ที่มา:นสพ.ข่าวหุ้น 29-11-2010)
DCC กำไรสดใสลุ้นปันผล70สต.เชื่อ Q1 ทำนิวไฮ DCC ลุ้นปันผลไตรมาส 4 ที่ 0.70-0.80 บาท รับผลประกอบการดีต่อเนื่อง สิ้นปีมีกำไรไม่ต่ำกว่า1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อน เชื่อไตรมาส 1/54 กำไรสูงสุดรอบใหม่ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาล และการซ่อมแซมจากภาวะน้ำท่วม เพิ่ม
กำลังการผลิตต่อเนื่อง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-11-2010)
AOT งานเข้ามติบอร์ดส่อปัญหาอีก คงสัญญาล็อกซเล่ย์ 10 ปี อาจละเว้นปฏิบัติหน้าที่ AOT งานเข้าอีก วงในคมนาคมเปิดแผลบอร์ดชุด “ปิยะพันธ์” เพิ่งเห็นชอบคงสัญญาล็อกซเล่ย์ 10 ปี เผย อาจเป็นมติที่ไม่ถูกต้องเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะบอร์ดชุด “วุฒิพันธ์” เคยไฟเขียวให้ลดเวลาเหลือ 5 ปีไปแล้ว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-11-2010)
PREB ย้ำรายได้ปีนี้ 2,035 ล้านQ4 จ่อบุ๊ค 400 ล้านงานก่อสร้าง “พรีบิลท์” ยันรายได้ปีนี้ตามเป้า 2,035 ล้านบาท หลังคาดงบ Q4 ดีตามแผนจ่อบุ๊ครายได้ก่อสร้างกว่า 400 ล้านบาท แต่ถึงสิ้นปีนี้ยังไม่มีแผนประมูลงานเพิ่ม เหตุยอดงานคงค้างในมือเพียบกว่า 3,800 ล้านบาท ขณะที่ลูกค้า 2
ราย “ซีเกท-แอมเวย์” เลื่อนประมูลงานก่อสร้างโรงงานไปเป็นปีหน้า จากเดิมที่จะเปิดประมูลภายในปีนี้ ส่วนปีหน้าตั้งรายได้โต 30% พุ่งแตะ 2,747
ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-11-2010)
CPF กับ “ขยะแลกไข่ไก่สดซี.พี.ปี3”จากความสำเร็จ 61 ชุมชนก้าวสู่ 120 ชุมชน นายอภัยชนม์ วัชรสินธุ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เปิดเผยว่า ซีพีเอฟเดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อสังคม “โครงการขยะแห้งแลกไข่ไก่สดซี.พี.” อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากจุดเริ่มต้นเมื่อปีแรก พ.ศ.2551 มีชุมชนในเครือข่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพียง 10 ชุมชน เมื่อเข้าสู่ปีที่ 2 พ.ศ.2553 ขยายไปยังชุมชนใกล้เคียงอีกเป็น 25 ชุมชน และล่าสุดปี 2553 นี้ ซีพีเอฟได้ขยายความสำเร็จของโครงการ สู่ชุมชนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลรวม 61 ชุมชนโดยสนับสนุนไข่ไก่รวม 1,100,000 ฟอง มูลค่ารวม 3,000,000 บาท เพื่อใช้ในโครงการ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 29-11-2010)
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยผู้บริโภคใช้จ่ายช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าเพิ่มขึ้น 6.4% สมาคมผู้ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐ (NRF) เปิดเผยว่าจำนวนประชาชนที่ออกมาใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าเมื่อสุดสัปดาห์ปีนี้ มีมากกว่าปีที่แล้ว โดยส่วนใหญ่ออกมาเลือกซื้อของขวัญลดราคาสำหรับช่วงเทศกาล รายงานของ NRF ระบุว่า จำนวนประชาชนที่ออกมาซื้อสินค้าในร้านค้าปลีกสหรัฐเพิ่มขึ้น 8.7% แตะ 212 ล้านคนในวันแบล็คฟรายเดย์ หรือวันศุกร์ที่ 26 พ.ย.ซึ่งถือเป็นวันเริ่มต้นของฤดูการจับจ่าย และมียอดการใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อคนที่ 365.34 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 29-11-2010)
จีน: นักวิเคราะห์คาดธนาคารกลางจีนจะขึ้นดอกเบี้ยรวม 1% ใน 3 ไตรมาสข้างหน้า นายเจิง หงฉิง นักวิเคราะห์จากเอเวอร์ไบรท์ แบงค์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมอีก 1.00% ใน 3 ไตรมาสข้างหน้า ด้วยความพยายามที่จะควบคุมเงินเฟ้อและสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน นายเจิงคาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ของจีนจะเพิ่มขึ้น 3.89% ในช่วงปี 2554 และคาดว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 ดัชนีซีพีไอจะเพิ่มขึ้นกว่า 4% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 26-11-2010)
จีน: จีนคาดผลผลิตเหล็กดิบเพิ่มแตะ 624 ล้านตันในปีนี้ หลัว ปิงเฉิง รองนายกสมาคมเหล็กและเหล็กกล้าจีน คาดว่า ยอดการผลิตเหล็กดิบของจีนอาจแตะระดับ 624 ล้านตัน ในปีนี้ เพิ่มขึ้น 8.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่การนำเข้าเหล็กดิบของจีนในเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม คาดว่าจะมีปริมาณอยู่ที่ 3.2 ล้านตัน และยอดการนำเข้าทั้งปี 2553 อาจแตะ 18.20 ล้านตัน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 26-11-2010)
เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค.หดตัวลงครั้งแรกในรอบปีนี้ หลังมาตรการกระตุ้นศก.หมดอายุ กระทรวงการค้าญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่ายอดค้าปลีกเดือนต.ค.หดตัวลง 0.2% จากปีที่แล้ว ทำสถิติหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบปีนี้ หลังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่นหมดอายุลง นอกจากนี้ การหดตัวลงของยอดค้าปลีกยังมีสาเหตุมาจากการที่รัฐบาลประกาศขึ้นภาษีบุหรี่ รายงานยอดค้าปลีกที่หดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบปีนี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคกำลังลดการใช้จ่าย หลังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลหมดอายุลง และยังบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัวมากพอที่จะกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศให้เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 29-11-2010)
เอเชีย: สิงคโปร์เผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.พุ่งสูงขึ้น 31.0% ต่อปี ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมการผลิตของสิงคโปร์ในเดือนต.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 31.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี และขยายตัวขึ้น 2.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่สูงขึ้นนั้น ได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายตัวด้านการผลิตในกลุ่มธุรกิจการแพทย์ชีวภาพที่ระดับ 107.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี รวมถึงผลผลิตในกลุ่มธุรกิจเวชภัณฑ์ที่ทะยานขึ้น 121.4% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 26-11-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น