Code 108 : ผ่าน Triple 804 ได้ ลุ้นยืน 808

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม 2553
ATT Code : ผ่าน Triple 804 ได้ ลุ้นยืน 808

เช้านี้ SET สามารถผ่าน 804 ครั้งที่ 3 มาได้แล้ว และต่อไปก็ลุ้น Triple Top ที่ 808 ซึ่งเปิดมาช่วงบ่ายก็ไปแตะที่ 808.30 แล้ว ต้องดูว่า ปิดตลาดวันนี้จะสามารถยืนเหนือ 808 ได้หรือไม่ สุดท้าย 808.30 ที่ผ่านมาก็เป็น High ของวัน และก้มีแรงขายไปเป็น Low ของวัน อยู่ที่ 803.66 ก่อนที่จะเด้งขึ้นมานิดนึง ปิดที่ 804.03 จุด +1.46 จุด V. 22,043 ล้าน ทำให้ไม่สามารถยืนเหนือ 808 จุด ได้

โดยที่ปิดตลาดช่วงเช้า ต่างชาติ Net Buy 410 ล้าน แต่สุดท้ายปิดตลาด ต่างชาติมีแรงขายออกมา ทำให้เป็น Net Sell 952 ล้าน แต่ก็ยังดีที่กลับมายืนที่เคยเป็น Double Top ที่ 804 ทำให้วันนี้เป็น Triple Top ที่ 804 ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ก็ยังคงลุ้น Triple Top ที่ 808 เหมือนเดิม

---------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
Intraday

บ่ายแกว่งตัวในกรอบ 803 - 808 ตราบใดไม่ต่ำกว่า 801 เส้น 25 ชม. อังคารหรือพุธนี้ มีโอกาสขึ้น 814 - 817 จุด

MARKET WAVE Analysis
5 กค .53 ( +5.26 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338
แกว่งตัวในกรอบสามเหลี่ยม 795 - 804 จุด
ดัชนีกำลังแกว่งตัวใน กรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะวัน 795 – 804 หรือระหว่างจุดต่ำสุด และจุดสูงสุดของสัปดาห์ที่แล้ว

การปรับตัวลงต่ำกว่า 794 จุด จะถือเป็นการเกิด “สัญญาณขาย” ในเครื่องมือ Point & Figure และ ดัชนีมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงแถว 770 – 775 จุด ต่อไป

ขณะที่การปรับตัวขึ้นเกิน 806 จุด ดัชนีสามารถปรับตัวขึ้นต่อแถว 815 – 818 ใกล้ จุดสูงสุดเดิมของปีนี้ .... แต่ไม่น่าจะผ่านไปได้

----------------------------------------------------------------------------------
High Light
SETTRADE.COM : บทวิเคราะห์ ภาวะตลาด
Morning Call
แม้ปัจจัยต่างประเทศจะไม่เอื้อ แต่เชื่อว่าข่าวดีเฉพาะกิจของเราจะทำให้ SET วันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้น
ปัจจัยขับเคลื่อนตลาดยังมีทั้งบวกและลบคละกัน (mixed)
บวกในกรอบจำกัด
คาดหมายว่า SET Index จะแกว่งตัวแคบ 785-800 จุด

SETTRADE.COM : บทวิเคราะห์ เทคนิค
Technical 05 Jul 10
ระยะสั้นถ้าดัชนียืนเหนือ 805 จุดซื้อเก็งกำไร ต่ำกว่า 795 จุดขาย
Technical Picks
Technical Analysis

SETTRADE.COM : บทวิเคราะห์ หุ้นรายตัว
CPF - ราคาเนื้อสัตว์ที่สูงส่งสัญญาณผลประกอบการที่ดีในไตรมาส 2/53

KELive วิเคราะห์ภาพรวม
SBL_Follow Up (05/07/10)
หยิบเงิน หยิบทอง (05/07/53)
KELIVE Portfolio Model (05/07/53)
SBL_Follow Up (02/07/10)
หยิบเงิน หยิบทอง (02/07/53)

KELive วิเคราะห์รายหุ้น
COMMODITY Update (05/07/10)
กลุ่มสื่อสาร ( เป็นบวก ) กทช อนุมัติร่างหลักเกณฑ์ใบอนุญาต 3.9 จีหลังปรับปรุง คงกำหนดการเปิดประมูลเดือน กย นี้
PSL (18.10 บาท : ซื้อเมื่ออ่อนตัว) คาดกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/53 ที่ 72 ล้านบาท ลดลงถึง 82% qoq จากการบันทึกภาษีกำไรจากการขายเรือย้อนหลัง
PTTEP (143.50 บาท : ซื้อ) คาดไตรมาส 2/53 กำไรเติบโต 35% yoy
Derivatives Today (05/07/10)

Manager Online - ตลาดเงิน-ตลาดทุน
เปิดสายตรง 1689 แก้หนี้นอกระบบ คาด ก.ย.นี้ ลงทะเบียนรอบ 2
รื้อค่าฟีบล.ใหม่คิดพ่วงวอลุ่มพอร์ต ลบข้อครหาเอาเปรียบนักลงทุน
พณ.คาดธุรกิจแฟรนไชส์ปี 53 โตได้ 18% สร้างมูลค่าได้กว่า 1.6 แสน ล.
กสิกรฯ คาดแนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์หน้าทรงตัวเหนือระดับ 800 จุด
เอกชนมั่นใจ ศก.ครึ่งปีหลังไปโลด แนะรัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

Sanok.com : ข่าวเศรษฐกิจ
โบรก คาดหุ้นไทย วันนี้แกว่งแดนบวก

----------------------------------------------------------------------------------
ตัวเลขเช้านี้ 5/07/53
ข้อมูลอื่นๆ ......SET ปิดที่ 802.57 จุด +5.26 จุด High 803.23 จุด low 796.93 จุด......แนวรับ 800-794 // 786-780 จุด แนวต้าน 808-812 // 820-830 จุด......PE SET 12.53 เท่า.........สัดส่วนการซื้อขาย ฝรั่งขาย 555.43 ล้าน กองทุนซื้อ 145.59 ล้าน…........โบรกเกอร์ ที่ net buy PHATRA 349, CLSA 195, CS 182, CGS 180 และ MACQ 98………..โบรกเกอร์ที่ net sell KSEC -433, UBS -207, FSS -144, DBSV -133 และ JPM -108........TFEX SET50 ปิดที่ 550.71 จุด +3.25 จุด.......S50U10 ปิดที่ 546.70 จุด +3.80 จุด .... high 547.00 จุด low 538.00 จุด OI 18,065 ….......status futureวานนี้ Foreign net SHORT 1907 - Fund net SHORT 109 - Retail net LONG 2016..........ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJ ปิด -46.05 จุด….ยุโรปปิด -0.5 ถึง +0.5%......ตลาดเอเซียเช้านี้ 9.20 น. NIX +34.30 จุด, HSKI -83.30 จุด, TWSE +30.93 จุด, KOSPI +3.25 จุดและ SHCOMP -24.55 จุด.....ดาวโจนส์ในตลาดล่วงหน้า +9 จุด.....ค่าเงิน - เงินบาท 32.40…เงินเยน 87.93…...COMODITY.... น้ำมัน NYMEX ส่งมอบ ส.ค. ปิดที่ 72.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล -0.81 ดอลล์.....ค่าการกลั่น 6.10 ดอลล์.......ทองคำ COMEX วานนี้ปิดที่ 1207.70 เหรียญ +1.00 ดอลลาร์......BDI ปิดล่าสุดอยู่ที่ 2280 จุด -71 จุด ….. ราคาสังกะสีในตลาด LME ล่วงหน้า 3 เดือนปิดล่าสุดที่ 1760.00 ดอลลาร์ต่อตัน +20.00 ดอลล์
สินค้าเกษตร...ราคาตลาดจริง (หน่วย : บาท/ กก.) ….ข้อมูลจาก WEB Site ของ AFET (www.afet.or.th)
ราคาประมูลยางแผ่นรมควันชั้น 3 (2/07/10) Hatyai A.M. 107.23 บ. -2.70 บ. // FOB.BKK 112.85 บ. -1.25 จุด
ราคาข้าวขาว 5% (2/07/10) 13.45 บ. ไม่เปลี่ยนแปลง
ราคาข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 (2/07/10) 29.15 บ. ไม่เปลี่ยนแปลง

----------------------------------------------------------------------------------
FSS: เลือกหุ้นเทรดดิ้งเป็นรายตัว เพื่อเตรียมรอหาจังหวะทำกำไรเมื่อตลาดวิ่งขึ้น...
แนวโน้ม:
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยยังคงเคลื่อนไหวแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ โดยสามารถแกว่งอยู่ในด้านบวกเกือบตลอดทั้งชั่วโมงการซื้อขาย และปิดเป็นบวกได้ที่ระดับเกือบสูงสุดของวันด้วย ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ยังคงมีทั้งที่เปิดบวก/ลบ เล็กน้อย จึงถือว่าไม่ได้กดดันต่อสภาพตลาดหุ้นไทยมากนัก แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะปรับตัวลงต่อ หลังตัวเลขการจ้างงานออกมาน่าผิดหวังทำให้นักลงทุนเริ่มกลับมากังวลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอีกครั้ง และนักลงทุนต่างประเทศจะกลับมามียอดขายสุทธิอีกครั้ง แต่ FSS คาดว่าแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นที่มีข่าวบวกเฉพาะตัว และการเลือกซื้อเพื่อเก็งกำไรในส่วนของผลการดำเนินงานไตรมาส 2/53 ที่จะเริ่มทยอยประกาศในช่วงตั้งแต่กลางเดือนนี้เป็นต้นไป จะยังเป็นแรงส่งให้ SET สามารถแกว่งบวกขึ้นต่อเนื่องได้อยู่ อย่างไรก็ตามตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเป็นต้นไปต้องเริ่มระวังการขายทำกำไรหลังงบฯ ออก (Sell on Fact) และแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการทำ Stress Test ของแบงก์ในยุโรปที่มีสิทธิทำให้ SET เริ่มกลับมาปรับตัวลงจริงจังอีกครั้งได้
กลยุทธ์: ดังนั้นช่วงนี้ยังเลือกหุ้นเข้ารับเป็นรายตัว เพื่อลุ้นเทรดดิ้งขึ้นไปขายทำกำไรเมื่อตลาดแกว่งขึ้นได้อยู่ แต่หลังจาก SET ขยับขึ้นไปใกล้ 820 จุดหรือสูงกว่าขึ้นไปแนะนำให้เปลี่ยนเป็นมองหาจังหวะขายทำกำไรมากกว่าซื้อตามด้วย โดยหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ BBL, KBANK, KK, TMB, TCAP, KH, TTW, PDI, TVO, LST, HANA, PS, QH, BECL, TSTH, ESSO, MAJOR, PTTCH เป็นต้น





ประเด็นสำคัญวันนี้
-ดัชนีมีโอกาสทดสอบ High เดิม
เน้น Domestic plays เรายังคงเชื่อว่าดัชนีจะผ่านแนวต้านสำคัญ 800 จุดไปเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 820 จุดได้แต่ต้องใช้เวลาเพราะกลุ่มพลังงานจะยังกดดันดัชนีต่อไปอีกระยะหนึ่งแม้จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และจีน ดังนั้น หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ (Domestic plays) เป็นทางเลือกที่ดีกว่าและพาดัชนีไปทดสอบ High เดิมได้ กลุ่มที่แนะนำได้แก่กลุ่มแบงก์ เกษตรและอาหาร ค้าปลีก รับเหมา วัสดุก่อสร้าง
-คาดการณ์ผลประกอบการ 2Q10 กลุ่มแบงก์ เราคาดว่ากลุ่มแบงก์จะมีกำไรเพิ่มขึ้น 20% Y-Y แต่ลดลง 3.6% Q-Q ยกเว้นถ้า BBL บันทึกกำไรจากการขาย ACL โดยไม่นำไปหักกับตั้งสำรองค่าใช้จ่ายพนักงาน กำไรของกลุ่มก็จะโต 2.4% Q-Q และ 23% Y-Y กำไรดังกล่าวถือว่าอยู่ในขั้นดี แบงก์ที่กำไรโตดีและราคาหุ้นยัง undervalued มากคือ KBANK และ SCB (ถอด BAY ออกจาก Top pick) ส่วน TCAP น่าซื้อเมื่ออ่อนตัว
-TMB มีข่าวกองทุนยุโรปสนใจซื้อหุ้น TMB จากก.คลัง 26% และมีข่าวว่า ING ขอเข้าพบก.คลังวันนี้ ซึ่งเราเห็นว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ ING จะไม่ซื้อหุ้นในส่วนของก.คลัง แต่อาจหาพันธมิตรอื่นมาซื้อแทน ราคาขายตามข่าว 1.80 บาท ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันเพราะคิดเป็น 1.6 เท่าของ Book value แม้เราจะให้ราคาพื้นฐานเพียง 1.15 บาทแต่ประเด็น M&A เปิดโอกาสในการเก็งกำไรได้โดยแนะนำให้เทรดในกรอบ 1.60 - 1.80 บาท
-กลุ่มสื่อสาร บอร์ดกทช.เห็นชอบประมูลแก้ไขร่าง IM ประมูล 3G ราคาเริ่มต้นเพิ่มเป็น 1.28 หมื่นล้านบาท จากเดิม 1 หมื่นล้านบาท ทำให้ TRUE ซึ่งมีฐานะการเงินด้อยกว่า ดูจะเสียเปรียบ ADVANC และ DTAC แต่ต้องติดตามว่านับจากนี้จนถึงวันที่ 15 – 20 ก.ค.นี้ กทช.จะสามารถจะสรุปร่าง IM ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้จริงหรือไม่ ก่อนที่จะเกิดการประมูล 3G ในเดือน 15 ก.ย. ราคาหุ้นมือถือ โดยเฉพาะ ADVANC และ DTAC ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องรับกระแสประมูล 3G ทำให้มีส่วนลดแคบลงเหลือ 5% จากราคาเป้าหมายไม่รวม 3G เดิมที่ 94 บาทสำหรับ ADVANC และ 41 บาทสำหรับ DTAC จึงแนะนำเพียง “เก็งกำไร”

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - ทิศทางหุ้น 05/07/53
ภาวะการซื้อขายหุ้น

สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 802.57 จุด ขยับขึ้น 1.12% จาก 793.67 จุด ในสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์ลดลง 34.34% จาก 127,541.74 ล้านบาท มาอยู่ที่ 83,744.86 ล้านบาท

ส่วนแนวโน้มสัปดาห์นี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวในกรอบจำกัด และยังต้องติดตามประเด็นความเคลื่อนไหวของสภาพคล่องในตลาดการเงินโลก ซึ่งรวมถึงการจองซื้อหุ้นของธนาคารเพื่อการเกษตรของจีน ทิศทางของราคาน้ำมันและค่าเงินหยวน ความเคลื่อนไหว ตลาดหุ้นต่างประเทศ ส่วนปัจจัยในประเทศ ได้แก่ การรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย. โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 786 และ 754 จุด แนวต้านจะอยู่ที่ 812 และ 830 จุด ตามลำดับ.


ภาวะตลาดเงินและตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นทรงตัว โดยอัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ประเภทกู้ยืมข้ามคืน (Overnight) หนาแน่นทั้งสัปดาห์ที่ระดับ 1.12% ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนเงินบาทในประเทศ (Onshore) ทรงตัวในกรอบจำกัด อยู่ในระดับ 32.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าเป็นการเข้ารักษาเสถียรภาพของเงินบาทจาก ธปท. เงินเยนแข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ ที่ระดับ

86.94 เยนต่อดอลลาร์ฯ เงินยูโรแกว่งตัวผันผวน เงินยุโรปรับตัวอยู่ที่ระดับ 1.2508 (ตลาดยุโรป) และต่ำสุดในรอบ 8 ปีครึ่ง เมื่อเทียบกับเงินเยน ขณะที่นักลงทุนรอการรายงานตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ในช่วงตลาดนิวยอร์ก.

ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ฟินันเซียแจกหุ้น!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 2 ก.ค.53 ปิดที่ 802.57 จุด บวก 5.26 จุด หลังระหว่างวันแกว่งตัวในกรอบ 796.93-803.23 จุด ขณะที่มีมูลค่าการซื้อขาย 22,007.44 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด นำโดย TMB ปิดที่ 1.49 บาท บวก 0.07 บาท, ADVANC อยู่ที่ 89.50 บาท บวก 2.75 บาท, CPF อยู่ที่ 20.70 บาท บวก 0.40 บาท, PTT อยู่ที่ 246.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง และ IVL อยู่ที่ 22.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

บล.ฟินันเซียไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ความมั่นใจของนักลงทุนต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของโลกเริ่มสั่นคลอน หลังตัวเลขเศรษฐกิจทั้งของจีนและสหรัฐฯดูอ่อนแอลงในระยะหลัง อย่างไรก็ตาม อาจถือเป็นโอกาสดี

สำหรับตลาดหุ้นอื่นๆในเอเชียรวมทั้งไทย ที่จะดูน่าสนใจสำหรับเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติในการที่จะกลับเข้ามาทยอยซื้อหุ้นอีกครั้งได้

ซึ่งในช่วงหลังมานี้ ได้เริ่มเห็นนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นระยะๆบ้างแล้ว ทำให้บริษัทคาดการณ์ว่าการปรับตัวลงของตลาดในช่วงนี้น่าจะเป็นเพียงระยะสั้นๆ และยังมีโอกาสลุ้นรีบาวน์กลับขึ้นไปใกล้ๆจุดสูงสุดแถว 820 จุดได้

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของไทยโดยภาพรวมก็ถือว่ายังดีอยู่ โดยภาคการส่งออกและการลงทุนยังขยายตัวได้ดี ส่วนปัจจัยลบเรื่องเศรษฐกิจโลกและความกังวลกับปัญหาวิกฤติหนี้ยุโรปก็ยังเป็นแรงกดดัน จึงแนะนำให้ทยอยเลือกซื้อหุ้นรายตัว ซึ่งเน้นที่หุ้นที่มีข่าวสนับสนุนเชิงบวกหรือหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับจะปลอดภัยกว่า

จึงแนะนำการลงทุนให้เลือกเข้ารับหุ้นเป็นรายตัวเพื่อเทรดดิ้งขายทำกำไรเมื่อตลาดแกว่งตัวขึ้นอีกรอบ สำหรับหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ DTAC, KK, TMB, BBL, KBANK, KH, TTW, PDI, LST, HANA, QH, BECL, TSTH, ESSO เป็นต้น

สำหรับแนวโน้มตลาดสัปดาห์หน้า นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส ประเมินว่า ดัชนีน่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามากระตุ้นบรรยากาศการลงทุน และให้นักลงทุนติดตามทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศประกอบการลงทุน

แนะกลยุทธ์การลงทุน แนะทยอยสะสมหุ้นกลุ่มพลังงาน อาทิ BANPU เมื่อราคาปรับตัวลงมาระดับ 590-580 บาท ซึ่งถือเป็นระดับที่น่าสนใจ ส่วน PTT แนะให้ทยอยสะสม หากราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาที่ระดับ 243-240 บาท

นอกจากนี้ ยังแนะนำหุ้น BTS เนื่องจากเป็นหุ้น Turn Around ซึ่งหากราคาปรับตัวลงที่ระดับ 0.70-0.80 บาท ถือเป็นระดับที่น่าลุ้น

ข่าวภายในประเทศ
-THCOM:
ICT สรุป THCOM ยิง iPSTAR ไม่ผิด เตรียมส่งรายละเอียดให้รมว. ICT สรุปวันที่ 7 ก.ค.นี้ ก่อนเสนอครม. มีรายงานข่าวจากกระทรวง ICT แจ้งว่าคณะกรรมการมาตรา 22 ตามพรบ.ร่วมทุนในส่วนของสัญญาดาวเทียมไทยคม ได้สรุปผล แล้วว่า THCOM ไม่มีความผิด และไม่ได้สร้างความเสียหายให้แก่รัฐ เนื่องจากปฏิบัติตามความเห็นชอบของรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่รัฐในสมัยนั้น << ประเด็นที่คณะกรรมการมาตรา 22 พิจารณาระบุว่า การยิงดาวเทียม iPSTAR แทนการยิงดาวเทียมสำรองของไทยคม 3 นั้นได้ผ่านความเห็นชอบจากกระทรวง ICT ในยุค นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นรัฐมนตรีแล้ว ส่วนการปรับลดสัดส่วนถือหุ้นของไทยคม เหลือ 40% จาก 51% โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากครม. เพราะนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการครม.ในช่วงนั้นเห็นว่าไม่ต้องนำ เสนอ ครม. แต่ ICT มีข้อเสนอให้ THCOM ยิงดาวเทียมสำรองและดำเนินการเรื่องสัญญาที่ ไม่ถูกต้องเข้าสู่กระบวนการมาตรา 22 และเสนอครม.ตามขั้นตอน (ที่มา: ไทยโพสต์ 5 ก.ค.10) ความเห็น: ข่าวดังกล่าว ดูเป็น Sentiment เชิง บวกกับ THCOM แต่ต้องติดตามการสรุปของรมว.ICT หลังจากได้รับรายละเอียดทั้งหมดแล้ว นำมาประกอบกับผลการตรวจสอบของคณะกรรมการ คู่ขนานที่ตั้งขึ้น หากความเห็นไม่ตรงกัน ก็จะให้คณะกรรมการทั้ง 2 ชุดประชุมร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปใน 1 สัปดาห์ ซึ่งอาจล่าช้าไปอีกก็ได้ รวมทั้ง การล่าช้าของรายได้จากลูกค้าอินเดีย คงคำแนะนำ “Trading Buy” ราคาเป้าหมาย 6.90 บาท (ปรับลงจากเดิม 9.50 บาท)
-ไอเอ็นจีพบคลังวันนี้จับเข่าคุยซื้อหุ้น TMB หากไม่ไหว ยักษ์กองทุนยุโรปเสียบทันที กองทุนยุโรปสนใจซื้อหุ้นทหารไทยจากคลัง 26% ด้าน ผู้บริหารไอเอ็นจีกรุ๊ป เข้าพบบิ๊กคลังวันนี้ หลังคลังส่งหนังสือเสนอขายหุ้นยกล็อต หากซื้อไม่ไหว ก็พร้อมเปิดเจรจาพันธมิตรรายใหม่ ส่วนเป้า สินเชื่อปีนี้มั่นใจโต 15% กำไรเติบโตต่อเนื่อง เอ็นพีแอลลด เงินกองทุนแกร่ง 14% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 5-07-2010) HANA หุ้นแกร่งสุดรับ Q2 กำไร 597 ล้านรุกขยายกำลังผลิต HANA ยืนพื้นหุ้นแกร่งอิเล็กทรอนิกส์ งวดไตรมาส 2 จ่อโชว์กำไรพุ่งขั้นต่ำ 597 ล้านบาท ออเดอร์งานเข้าแน่นเอี้ยด จ่อคิวขยายกำลังการผลิตรองรับคำสั่งซื้อในอนาคต ดันยอดขายทั้งปีทะลุ 15,000 ล้านบาท ชี้วิกฤต ปัญหาที่ยุโรปไม่ส่งผลกระทบรุนแรงเหมือนในอดีตแล้ว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 5-07-2010)
-กทช.สรุปไลเซนส์ 3G เริ่มต้น 1.28 หมื่นล้าน บอร์ด กทช. ลงมติจากการประชุมวาระพิเศษ รับการปรับปรุงไลเซนส์ 3 จีใหม่แล้ว เคาะราคา 3 จี เริ่มใบละ 12,800 ล้านบาท พร้อมขึ้นเว็บฯวันจันทร์นี้ ยืนยันกำหนดเวลาประมูลภายในเดือน ก.ย.ตามเดิม ลั่นการทำงานมีอิสระเต็มที่ ไม่ต้องรอ ความเห็นจากนายกฯ-คลัง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 5-07-2010) TUF ลุ้นคว้าประมูล MWB Q2 ไฮซีซั่นกำไร 900 ล้าน TUF สัปดาห์นี้ลุ้นผลการประมูลซื้อธุรกิจอาหารทะเลกระป๋องสัญชาติฝรั่งเศส MW Brands (MWB) เชื่อธุรกิจสร้างมูลค่าเพิ่มระยะยาว คาดเพิ่มมูลค่าราคาเป้าหมาย 3-4 บาท จาก 42 บาท พร้อมแนะซื้อ ส่วนแนวโน้มกำไร Q2/53 ยังสดใส คาดกำไร 900 ล้านบาท จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นช่วงไฮซีซั่น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 5-07-2010)
-CK อนาคตแจ่มเป้าหมาย 8.50 บาท ปริมาณงานในมือพุ่งแสนล้าน ลุ้นเขื่อนไซยะบุรีอีกแห่ง CK ราคาไปต่อแนะซื้อเป้าหมาย 8.50 บาท รองรับผลประกอบการที่ดีในอนาคต เชื่อครึ่งปีหลัง 2553 กลับมาเติบโตโดดเด่น จากการรับรู้รายได้จากงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญา 1-2 และงาน ก่อสร้างเขื่อนน้ำงึม 2 ลุ้นทั้งปีปริมาณงานในมือทะลุ 1 แสนล้านบาท รองรับการสร้างรายได้อีก 7 ปีข้างหน้า ขณะที่อยู่ระหว่างรอเซ็นงานเขื่อนไซ ยะบุรี มูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 5-07-2010) TICON รายได้ปีนี้ตามนัด 3 พันลบ. เล็งเพิ่มทุน TFUND มูลค่า 1.8 พันล้านบาทต.ค.นี้ “ไทคอน” ยอมรับงบQ2 ลดลงจาก Q1 เหตุไม่มี รายได้จากการขายโรงงานเข้ามา ส่วนรายได้ปีนี้มั่นใจตามนัด 3,000 ล้านบาท โตกว่า 15% จากปีก่อน เดินหน้าเพิ่มทุนกองทุนอสังหาฯ TFUND มูลค่า 1,800 ล้านบาทในเดือนต.ค.นี้ ขณะที่คาดได้ลูกค้าผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เช่าโรงงานและคลังสินค้าเพิ่มขึ้น หลังฟอร์ดเข้ามาตั้งโรงงานแห่ง ใหม่ในไทย โบรกฯแนะซื้อลงทุน เป้า 11.33 บาท คาดปีนี้จ่ายดิวิเดนด์ยีลด์สูง 8.6% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 5-07-2010)
-MK โชว์พรีเซล 1.2 พันล้านครึ่งปีหลังผุด 3 โครงการใหม่ “มั่นคงฯ” เผย 6 เดือนแรกปีนี้ โชว์ยอดขาย 1,200 ล้านบาท ทั้งปีมั่นใจตามนัด 3,000 ล้านบาท โต 25% จากปีก่อน ขณะที่ครึ่งปีหลังลุยเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 1,020 ล้านบาท โบรกฯคาดกำไรไตรมาส 2 ชะลอตัว แต่ ยังแนะนำซื้อเป้า 4 บาท เหตุราคาหุ้นยังต่ำ จ่ายดิวิเดนด์ยีลด์สูง 9-10% ต่อปี (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 5-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.

ไทยรัฐ - หุ้นสหรัฐร่วงตัวเลขจ้างงานน้อยกว่าคาด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลดลงทุกตลาด นักลงทุนผิดหวังตัวเลขการจ้างงานน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะราคาน้ำมันปรับลดลง ปิดที่ 72.14 ดอลลาร์สหรัฐ...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 2 ก.ค​.ตามเวลาท้องถิ่นว่า หุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ทุกตลาด เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังตัวเลขการจ้างงานที่น้อยกว่าที่คาดไว้ ทำให้ดาวโจนส์ ปรับลดลง 46.05 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 9,686.48 จุด แนสแดค ปิดที่ 2,091.79 จุด ปรับลดลง 9.57 จุด หรือ 0.46% เอสแอนด์​พี ปิดที่ 1,022.58 จุด ปรับลดลง 4.79 จุด หรือ 0.47%

ส่วนราคาน้ำมันดิบตลาดล่วงหน้านิวยอร์ก หรือ ไนเม็ก​ซ์ ปิดที่ 72.14 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปรับลดลง 81 เซนต์

FSS
ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ดูอ่อนแอ ยังคงกดดันให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาดาวโจนส์ปิดลดต่ำลงอีก 46.05 จุดก่อนที่จะติดวันหยุดในวันนี้(5 ก.ค.) จากตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาน่าผิดหวัง โดยลดลงในเดือน มิ.ย. ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในปีนี้ และลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.ปีก่อนด้วย

ตลาดหุ้นในย่านเอเชียเช้านี้ยังมีบวก/ลบ สลับกันในกรอบจำกัด แม้จะมีแรงกดดันจากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐที่อ่อนแอ แต่การปรับตัวลงมาพอควรในสัปดาห์ก่อนทำให้ยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง

สัปดาห์ที่ผ่านมากระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์ โดยเฉพาะวันศุกร์ที่ผ่านมาขายสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาคมากกว่าวันอื่น ทั้งนี้น่าจะเป็นผลจากความกังวลเกี่ยวกับการชำระคืนหนี้ของธนาคารยุโรป ทำให้สภาพคล่องตึงตัวระยะสั้น ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐและจีนที่ปรับตัวลงกลายเป็นปัจจัยลบต่อตลาดค่อนข้างมาก

แนวโน้มสัปดาห์นี้คิดว่ากระแสทุนจากต่างชาติน่าจะยังเป็นไหลออก เนื่องจากตลาดยังเต็มไปด้วยปัจจัยลบ ค่าเงินยูโรต่อดอลลาร์ค่อนข้างนิ่ง รวมถึงราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์นิ่งเช่นกัน ส่วนค่าเงินบาทอ่อนตัวเล็กน้อย ดังนั้นการลงทุนของนักลงทุต่างชาติยังไม่มีผลต่อตลาดหุ้นบ้านเราเท่าไรนัก

ราคาน้ำมัน NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ปรับตัวลง 0.81 ดอลลาร์หรือคิดเป็น 1.11% มาปิดตลาดที่ 72.14
ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขการจ้างงานอ่อนแอลง ทำให้นักลงทุนกังวลว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงราคาทองคำส่งมอบเดือน ส.ค. ที่ตลาด COMEX ปิดบวก 1.00 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,207.70 ดอลลาร์/ออนซ์ BDI ปิดที่ 2280 จุด ลบอีก 71 จุด

FSS : ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ขณะอัตราว่างงานลดลงแตะ 9.5% กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) ในเดือนมิถุนายน ปรับตัวลดลง 125,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะลดลง 110,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานของสหรัฐปรับตัวลดลง
จาก 9.7% ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 9.5% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 03-07-2010)
สหรัฐอเมริกา: โอบามาไฟเขียว6.4หมื่นล้าน หนุนพลังงานแสงอาทิตย์ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ประกาศอนุมัติเงินกู้กว่า 6.4 หมื่นล้านบาท ให้บริษัทด้านพลังงานแสงอาทิตย์ ตามแผนพลังงานสีเขียว และกระตุ้นการจ้างงาน สำนักข่าวบีบีซีรายงานเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ประกาศอนุมัติเงินกู้ ราว 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( ราว 6.4 หมื่นล้านบาท ) ให้กับบริษัทด้านพลังงานแสงอาทิตย์ 2 แห่ง ตามแผนกระตุ้นการจ้างงาน และพลังงานสีเขียว โดยผู้นำสหรัฐฯ หวังว่าการทุ่มงบประมาณดังกล่าว จะช่วยเพิ่มการจ้างงานกว่า 5,000 อัตรา (ที่มา: ไทยรัฐ 04-07-2010)
จีน: จีนปรับเพิ่ม GDP ปี 2552 เป็นขยายตัว 9.1% จากเดิม 8.7% บ่งชี้ศก.ฟื้นตัวดีเกินคาด สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนปรับทบทวนการ ขยายตัวของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำปี 2552 ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 9.1% จากก่อนหน้านี้ที่ 8.7% โดยมูลค่าการขยายตัวของจีดีพี พุ่งขึ้นแตะที่ 34.05 ล้านล้านหยวน หรือ 5.296 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ การปรับทบทวนจีดีพีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีนสามารถฟื้นตัว จากวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้ดีเหนือความคาดหมาย (ที่มา: อินโฟเควสท์ 02-07-2010)
เอเชีย: ธนาคารกลางอินเดียประกาศขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 หวังสกัดเงินเฟ้อ ธนาคารกลางอินเดียตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนอกหมายกำหนดการเมื่อวานนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่กำลังขยายตัวเร็วขึ้น จนอาจกดดันความต้องการภายในประเทศแบงค์ชาติอินเดียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (reverse repurchase rate) เป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ เป็น 4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 จากเดิมที่ระดับ 3.75% และขึ้นดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (repurchase rate) เป็น 5.5% จาก 5.25% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 03-07- 2010)
จีน : จีนแผ่นดินใหญ่-ไต้หวัน เปิดเส้นทางเดินเรือโดยตรงใหม่อีกเส้นทาง จีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวันเปิดเส้นทางเดินเรือโดยตรงระหว่างกันใหม่อีกหนึ่งเส้นทางอย่างเป็นทางการในวันนี้ หลังจากที่เรือเดินทางกลับจากไต้หวันสู่จีนอย่างปลอดภัย โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมาเรือโดยสารชื่อ "Coscostar" ได้บรรทุกผู้โดยสารกว่า 500 คน เดินทางเป็นระยะทาง 302 กิโลเมตร ไปยังท่าเรือ Keelung ของไต้หวัน และ
เดินทางกลับถึงท่าเรือ Damaiyu ในเขตหยูฮวน เมืองไท่โจว ทางภาคตะวันออกของมณฑลเจ้อเจียงของจีนในวันนี้ ส่งผลให้ท่าเรือแห่งนี้เป็น ท่าเรือแห่งที่ 2 บนผืนแผ่นดินจีนที่รองรับเส้นทางเดินเรือโดยตรงระหว่างจีนกับไต้หวัน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 04-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น