Code 115 : คาดการณ์ยากส์มาก

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม 2553

ATT Code : คาดการณ์ยากส์มาก
สุดยอดแห่งความผันผวนมั๊กๆ เลย เพราะสวิงและออกจะ Side Way ตลอด ต้องเล่นเป็นรายตัวและต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดจริง เพราะตลาดทั่วภูมิภาคก็บวกกันหมด ทำให้ตอนเช้า SET บวกไป 6.98 จุด ที่ 824.33 แต่ช่วงบ่ายก็มีแรงขายทำกำไรออกมา จนมาปิดที่ 819.45จุด + 2.19 จุด ลงจากช่วง Call Market อีก 1 จุดกว่า โดยส่วนมากมีการเก็งกำไรในหุ้นตัวเล็กๆ บางตัวขึ้นแล้วก้ยังขึ้นไปทำ New high ใหม่ บางตัวเมื่อวาน Cilling วันนี้โดนทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใย ดังนั้นก็คงจะเป็นเหมือนที่นักวิเคราะห์ว่า เป็นช่วงแห่งการเก็งกำไรระยะสั้นมากๆ แต่การลงทุนระยะยาวควรจะรอให้ SET ย่อลงมากกว่านี้

ตามที่ MARKET WAVE Analysis ให้ไว้ที่ ไม่เกิน 821 จุด ซึ่งก็หลุดจริงๆ
แนวโน้มระยะสั้นวันพุธนี้ ในกรณีปรับตัวขึ้น ดัชนีไม่น่าจะไปได้เกิน 821 จุด ซึ่งเป็นบริเวณแนวต้านตามธรรมชาติของ เส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงขณะที่ แนวโน้มหลักยังคงอยู่ในช่วงเวลาของการปรับฐาน มีเป้าหมายในการปรับตัวลงหนึ่งถึงสองสัปดาห์บริเวณ 791 – 799 จุด ใกล้แส้นค่าเฉลี่ย 25 วันต่อไป

----------------------------------------------------------------------------------
SETTRADE.COM : บทวิเคราะห์ ภาวะตลาด
Morning Call
ขายหุ้นร้อน ช้อนหุ้นดี อย่าง PTTEP TTA & DTAC
คงเน้นซื้อหุ้นใหญ่ในกลุ่มหุ้นพลังงานและธนาคาร และ Trade on Fact กลุ่มที่ดิน
ภายใต้สภาพแวดล้อมวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น (เร็วกว่าคาด)

SETTRADE.COM : บทวิเคราะห์ เทคนิค
ทดสอบแนวต้าน 828
Technical Picks
ระยะสั้นถ้าดัชนียืนเหนือ 825 จุดซื้อเก็งกำไร ต่ำกว่า 815 จุดขาย
Technical Analysis

SETTRADE.COM : บทวิเคราะห์
ทดสอบแนวต้าน 828
Technical Picks
ระยะสั้นถ้าดัชนียืนเหนือ 825 จุดซื้อเก็งกำไร ต่ำกว่า 815 จุดขาย
Technical Analysis
Daily Traders' note 14 Jul 10


ข่าวไทยรัฐออนไลน์:: ข่าวเศรษฐกิจ
หุ้นมะกันปิดบวก น้ำมันเพิ่ม2.20ดอลล์
สัญญาณชัดขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย! ธปท.-แบงก์เห็นพ้องกดไม่ลงส่วนต่างดอกเบี้ย


Bangkok Biznews : การเงิน - การลงทุน
ส.นักวิเคราะห์เพิ่มเป้าดัชนีSETปีนี้เป็น849
เก็งกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์ รับกนง.ขึ้นดอกเบี้ย
ธอส.ร่วมลงแรงสร้างบ้านเพื่อมนุษยชาติ
นครหลวงไทยออกกองพันธบัตรเกาหลี2ซีรีส์
ลุ้นหุ้นไทยปรับขึ้น ปัจจัยต่างประเทศหนุน

SETTRADE.COM : SAA Consensus หุ้นที่มีการ update วันนี้
BECL
KEST
SVI


RYT9.com : ข่าวหุ้น-การเงิน
พบบิ๊กล็อตหุ้น BH-F 2.74% เทรด 28 บ./หุ้น คาดต่างชาติทำดีล
BECL ปรับลดเป้ารายได้ปี 53 เหลือโตใกล้ 1% จากเดิม 2-2.5% แต่กำไรดีขึ้น
ส.นักวิเคราะห์ฯ ปรับเพิ่มคาดดัชนี SETปลายปี 53 เป็น 849 จุดจาก 827 จุด
โบรกฯแนะซื้อ AP คาด H2/53 โตกว่า H1/53 จากการเปิดตัว 13 โครงการใหม่

KELive วิเคราะห์ภาพรวม
หยิบเงิน หยิบทอง (14/07/53)

KELive วิเคราะห์รายหุ้น
SMT (9.50 บาท : ซื้อ) มีแนวโน้มเติบโตดีมากด้วยสินค้าใหม่ในกระแสนิยม / ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ

----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
14 กค .53 ( -2.26 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ไม่เกิน 821 จุด
แนวโน้มระยะสั้นวันพุธนี้ ในกรณีปรับตัวขึ้น ดัชนีไม่น่าจะไปได้เกิน 821 จุด ซึ่งเป็นบริเวณแนวต้านตามธรรมชาติของ เส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงขณะที่ แนวโน้มหลักยังคงอยู่ในช่วงเวลาของการปรับฐาน มีเป้าหมายในการปรับตัวลงหนึ่งถึงสองสัปดาห์บริเวณ 791 – 799 จุด ใกล้แส้นค่าเฉลี่ย 25 วันต่อไป

ณ บริเวณ 791 – 799 จุด ตลาดน่าจะดีดตัวกลับขึ้นมาแถว 820 – 825 ใกล้จุดสูงสุดของ
สัปดาห์นี้อีกครั้ง ? ... รอดูโครงสร้างภาพอีกครั้ง


หุ้นเด่น
10 อันดับซื้อขายสูงสุด
SCB รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
TMB ไม่ต่ำกว่า 1.71 ขึ้น 1.76 – 1.78
KBANK ไม่ต่ำกว่า 92.75 ขึ้ร 94 – 94.50
TRUBB มีโอกาสปรับตัว 8.50 – 8.90
SICCO ต่ำกว่า 5.60 ลง 5.40 – 5.50
CPF ปรับตัวลง 19.50 - 20
PTT แกว่งตัว 244 - 251
BJC ไม่เกิน 15.20 ลง 13.50 - 14
KTB ไม่ต่ำกว่า 12.80 ขึ้น 13.20 – 13.40
STA มีโอกาสลง 19.40 – 19.70

SCB
กำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะสัปดาห์ รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 84.50 กรอบบนของสามเหลี่ยม เป้าหมายระยะสัปดาห์ 85.50 – 87.50 ( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 83.50 )

TTCL
ปรับตัวทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะสัปดาห์ขึ้นมาได้ ทยอยซื้อแถว 6.75 – 6.85 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 6.95 จุดสูงสุดวันอังคาร เป้าหมายระยะสัปดาห์ 7.70 – 8.00 ( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 6.65 )
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย


ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-นครหลวงไทยแจกหุ้น!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 13 ก.ค.53 ปิดที่ 817.35 จุด ลดลง 2.26 จุด มีมูลค่า การซื้อขาย 25,967.06 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 521.31 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป ชี้ปัจจัยที่ต้องติดตามคือ การประชุม กนง. ที่คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จากปัจจุบัน 1.25% ซึ่งอาจมีผลกดดันการลงทุนเล็กน้อย เพราะนักลงทุนได้ตอบรับข่าวการคาดการณ์ การปรับขึ้นดอกเบี้ยในครึ่งปีหลัง แต่หากการปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงกว่าที่คาดอาจเป็นปัจจัยกดดันตลาดได้

ส่วนปัจจัยต่างประเทศ คือการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ และปลายสัปดาห์หน้า ธนาคารในยุโรปจะมีการทดสอบความแข็งแกร่งของธนาคารพาณิชย์ (Stress Test) ซึ่งหากออกมาย่ำแย่ อาจมีผลกระทบต่อการลงทุน

แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ Trading หรือเก็งกำไรระยะสั้น ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 808-800 จุด ส่วนแนวต้านยู่ที่ 821-827 จุด

ขณะที่ราคาหุ้น THAI ปรับตัวขึ้นแรงและมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น โดยสถาบันวิจัยนครหลวงไทย แนะ "ซื้อ" หลังแนวโน้มจำนวนผู้โดยสารไตรมาส 3 สูงขึ้นมาก ส่วนแผนการขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่ถึง 1 พันล้านหุ้นนั้น คาดจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ตามที่กำหนดไว้ และประเมินว่าผลดำเนินงานปี 53 จะมีปัจจัยบวกจากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้เติบโตได้ต่อเนื่อง โดยประเมินราคาที่เหมาะสมปี 53 ที่ 30 บาทต่อหุ้น (ด้วยวิธี P/BV ที่ 0.82 เท่า และไม่รวมการเพิ่มทุน)

และหากใช้สมมติฐานการเพิ่มทุนที่จะเกิดขึ้นช่วงปลายไตรมาส 3 ราคาการเพิ่มทุนประมาณ 30-35 บาท จะส่งผลให้ราคาที่เหมาะสมของ THAI ปี 2553 คาดจะอยู่ในช่วง 33-33.40 บาทต่อหุ้น

นครหลวงไทยยังแนะกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ที่แนะนำ "ซื้อสะสม" หุ้นวัสดุก่อสร้าง โดยเลือก CK เป็นหุ้นเด่น จากปัจจัยที่ ครม.เศรษฐกิจได้อนุมัติโครงการลงทุนขนาดใหญ่เพิ่มเติมอีก 6.6 แสนล้านบาท

ส่วนกลุ่มแบงก์คาดว่า แรงซื้อค่อนข้างสูงจากความคาดหมาย

ว่า กนง.อาจขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นบวกต่อแบงก์ใหญ่ คือ KBANK และ BBL แต่ให้ระวังการขายหลังจากข่าวปรากฎ (Sell on Fact) จากการประกาศงบไตรมาส 2.

FSS: ยังลุ้นดัชนีขยับเข้าใกล้ 840 จุดได้ แต่ควรเริ่มเน้นขายมากกว่าซื้อด้วย...
แนวโน้ม: บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเช้านี้ค่อนข้างสดใส หลังดาวโจนส์ปิดบวกได้กว่า 146 จุด จากผลประกอบการของบริษัทอัลโคที่ออกมาดีเกินคาด และหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการแล้วยังมีผลการดำเนินงานของบริษัทอินเทล ที่รายงานออกมาแข็งแกร่งเกินคาดด้วยเช่นกัน ส่งผลให้ตลาดเอเชียเช้านี้เปิดบวกกันถ้วนหน้า รวมถึงตลาดหุ้นจีนที่วานนี้ปรับตัวลงแรงจากคำยืนยันของทางการจีนว่าจะยังใช้มาตรการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์อยู่ แต่ล่าสุดธนาคารกลางจีนดูดซับเม็ดเงินออกจากระบบธนาคารในปริมาณที่น้อยกว่าคาด แสดงถึงแนวโน้มการผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้นของรัฐบาลจีน ทำให้ความกังวลของนักลงทุนผ่อนคลายตามไปด้วย ทำให้ FSS คาดว่าหลังจาก SET ได้ปรับพักตัวลดความร้อนแรงลงมาได้บ้างแล้ว ก็น่าจะสามารถเดินหน้าบวกต่อขึ้นไปสูงกว่า 820 จุดอีกครั้งได้ โดยยังคาดหมายโอกาสที่จะขยับขึ้นไปใกล้ 840 จุดได้เช่นเดิม อย่างไรก็ตามยังต้องระมัดระวังแรงขายจากอิทธิพลของผลการทดสอบภาวะวิกฤติของแบงก์ยุโรป ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีแนวโน้มที่อาจจะออกมาไม่เลวร้ายนัก แต่ก็อาจมีนักลงทุนบางส่วนที่ต้องการลดความเสี่ยงได้ นอกจากนี้ยังมีร่าง กม. ปฏิรูปสถาบันการเงินของสหรัฐฯ ที่จะเสนอให้ สว. โหวตในวันพฤหัสนี้ ที่อาจส่งผลให้นักลงทุนกลับมาวิตกต่อข้อจำกัดในการทำกำไรของกลุ่มแบงก์ในสหรัฐได้อีกครั้ง ดังนั้นตลาดขยับขึ้นจึงต้องหาจังหวะขายทำกำไรด้วย
กลยุทธ์: ยังเลือกเทรดดิ้งเป็นรายหลักทรัพย์ และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อ SET เข้าใกล้ 840 จุดด้วย โดยหุ้นที่ยังน่าสนใจในช่วงนี้ ได้แก่ KBANK, BBL, TUF, GFPT, RCL, HEMRAJ, PS, QH, CPALL, GLOBAL, BANPU, TTW, HANA, DELTA, TMB, CIMBT, SENA เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
§ ครม. แก้ปัญหาไข่แพงโดยเปิดเสรีให้นำเข้าไก่ไข่เพิ่ม 58,100 ตัว
จากปัจจุบันที่ให้นำเข้า 405,721 ตัว อุปทานที่เพิ่มขึ้นไม่กระทบทั้ง CPF และ GFPT เพราะรายได้จากการขายไข่ของ CPF มีสัดส่วนเพียง 3% ของรายได้รวม แต่ขาดทุน ยกเว้นปีนี้ที่มีกำไรเล็กน้อย ส่วน GFPT มีรายได้จากการขายไข่เพียง 1.5% - 2.0% ไม่ได้คาดหวังกำไรแต่ทำเพื่อให้ครบวงจร ราคาหุ้น CPF ปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจน upside เริ่มแคบ แนะนำถือรอขายหลังประกาศงบ 2Q10 GFPT เป็นทางเลือกที่ดีกว่า

§ จับตาการประชุมดอกเบี้ยบ่ายนี้ มีโอกาสที่ดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้น 0.25% ซึ่งจะเป็นผลลบกับกลุ่มอสังหาฯ และแบงก์ที่ทำธุรกิจเช่าซื้อ เช่น KK, TISCO แต่เป็นบวกกับแบงก์ใหญ่ KBANK ได้ประโยชน์มากสุด รองลงมาเป็น KTB, SCB

§ จับตา GDP 2Q10 ของจีนพฤหัสนี้ Bloomberg consensus คาด +10.5%Y-Y ชะลอลงจาก 1Q10 ที่ +11.9% Y-Y แม้จะชะลอ Q-Q แต่ก็ยังขยายตัว double digit และสิงคโปร์จะรายงาน GDP 2Q10 วันนี้ น่าจะเป็นข่าวบวกกับตลาด

§ Stress Test อาจเป็นบวกกับตลาด เยอรมนีเผย 14 แบงก์ที่ทดสอบ Stress test เบื้องต้นพบว่าผ่าน โดย Tier 1 ไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ 6% (หลายแบงก์สูงกว่า 10%) จึงอาจไม่ต้องเพิ่มทุน วันก่อนโปรตุเกสประกาศ 4 แบงก์ใหญ่ผ่าน Test ไม่ต้องเพิ่มทุน

§ กม.ปฏิรูปการเงินของสหรัฐฯ โหวตวันพฤหัสนี้ ร่าง กม. ฉบับ Final ผ่านที่ประชุม สส. แล้ว มีมติเห็นด้วย 237 ต่อ 192 ต่อไปจะเสนอให้ สว. โหวตวันพฤหัสนี้

§ Fund Flow ต่างชาติยังคงไหลเข้าต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน แต่ปริมาณชะลอตัวและมีขายสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน เรายังเชื่อว่ากระแสเงินทุนเริ่มเคลื่อนย้ายเงินทุนจากตลาดพันธบัตรเข้าสู่ตลาดหุ้นแต่ยังไม่มาก เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปที่ยังไม่ฟื้นไข้แม้จะไม่แย่ไปกว่าเดิม แต่อย่างไรก็ตามการเงิน Overbought ในตลาดพันธบัตรจนทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรลดลงมากเกินไป ในขณะที่เศรษฐกิจโดยรวมไม่ได้ย่ำแย่กว่าที่เคยคิดไว้ก่อนหน้านี้ทำให้นักลงทุนเริ่มหันมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น นอกจากนี้ค่าเงินยูโรและภูมิภาคที่ยังคงแข็งแกร่งจะยังหนุนให้เม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นต่อเนื่อง รวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าด้วย

ข่าวภายในประเทศ
LH แบงก์ซื้อ SICCO ราคาเกินบุ๊ค 6.41บ.กลต.บังคับเทนเดอร์ฯ SSEC ที่ 1.42 บาท LH BANK สนใจซื้อ SICCO ยกล็อต 38.65% จากแบงก์ไทยพาณิชย์ หลังพลาดดีลจากทุนญี่ปุ่น กับเกาหลีใต้เหตุสรุปราคากลางไม่ได้ แถมประวัติในอดีตกลุ่มแลนด์ฯ กับผู้ถือหุ้นใหญ่ SCB มีความสัมพันธ์อันดีมายาวนาน 40 ปี ที่ผ่านมา SCB สนับสนุนสินเชื่อโครงการบ้านในเครือแลนด์ฯ ประเมินราคาซื้อ SICCO อยู่ช่วงระหว่างไม่ต่ำกว่า มูลค่าทางบัญชี (BV) ที่ระดับ 6.41 บาท และสูงสุด 9.61 บาท หรือ 1.5 เท่าบุ๊ค งานนี้ SSEC วิ่งกระฉูด รับผลดีมีผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามาใน SICCO เกณฑ์ ก.ล.ต. บังคับให้ต้องตั้งโต๊ะทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ จากนักลงทุนรายย่อยใกล้เคียงบุ๊คแวลูปัจจุบัน 1.42บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 14-07- 2010)
PERM รายได้ปีนี้โต 30% ลุยเดินหน้าโรงงานใหม่ PERM ปรับเป้ารายได้ทั้งปีเพิ่มเป็น 20-30% จาก 2,348 ล้านบาท เนื่องจากครึ่งหลังมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 120,000 ตัน เป็น 240,000 ตันต่อปี คาด 1-2 เดือนจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/53 อยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นจากไตรมาส 1/53 ที่พลิกเป็นกำไร ปัจจัยบวกจากราคาเหล็กที่ปรับขึ้น บวกกับความต้องการใช้มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง (ที่มา: นสพ. ข่าวหุ้น 14-07-2010)
กองทุนเบรกกรณ์ อย่าจุ้นแอลทีเอฟ นายกสมาคม บลจ.เล็งเข้าเข้าชี้แจง “กรณ์” ก่อนตัดสินใจยกเลิกลดหย่อนภาษี LTF เชื่อการสิทธิทางภาษีสร้างนักลงทุนหน้าใหม่รู้จักตลาดหุ้นมากขึ้น ปัจจุบันสัดส่วน LTF เพิ่มขึ้นกว่า 53% ของจำนวนกองทุนหุ้นทั้งหมด สัดส่วน NAV คิดเป็น 25% จาก 346,028 ล้านบาท หวั่นหากยกเลิกทั้งนักลงทุนและโมเมนตัมการลงทุนในตลาดหุ้นหดตัวแน่ สวนนโยบายรัฐที่ต้องการส่งเสริมตลาดทุน แนะให้ดึงคนมีรายได้เยอะ แต่เลี่ยงภาษีเข้ามาอยู่ในระบบ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 14-07-2010)
DELTA งบไตรมาส 2 ยังแจ่ม! กำไรโตเกิน 894 ล้านบาท ปัญหายุโรปไม่กระเทือน DELTA กำไรไตรมาส 2 ยังแจ่ม โตขั้นต่ำ 894 ล้านบาท ยอดขายทะลุ 7,000 ล้านบาท ต้อนรับออเดอร์งานเข้าแน่น ด้านวงการมั่นใจ ปัญหายุโรปไม่กระเทือน หลังลูกค้ายังสั่งสินค้าต่อเนื่อง แถมตลาดหลักในอเมริกายังไปได้สวย ดันยอดขายทั้งปียังพุ่งทะยานเกิน 3 หมื่นล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 14-07-2010)
CK เล่นเก็งกำไรเป้า 7.32 บาทรับอานิสงส์ภาครัฐกระตุ้นโครงการเมกะโปรเจ็กต์รอบใหม่ CK ยังเล่นเก็งกำไรได้ ราคาเหมาะสม 7.32 บาท รับอานิสงส์ภาครัฐกระตุ้นโครงการเมกะโปรเจ็กต์รอบใหม่ ขณะที่โครงการก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรีคืบหน้า เหลือแค่รอเซ็นสัญญาก่อสร้างปลายปีนี้ หนุนงานในมือเพิ่มกว่า 3 หมื่นล้านบาท ดันผลประกอบการฟื้นตัวเต็มที่ในปี 2554 ลุยเดินหน้าประมูลงานต่อเนื่อง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 14-07- 2010)
MJD-W1 เตรียมเทรด 15 ก.ค.นี้ครึ่งแรกโชว์ยอดขายกว่าพันลบ. “MJD-W1” 350 ล้านหน่วย เตรียมเข้าซื้อขายในตลท. เริ่มวันที่ 15 ก.ค.นี้ กำหนดใช้สิทธิซื้อหุ้นทุกไตรมาส อัตราใช้สิทธิ 1 วอร์แรนต์ ซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 2 บาท “สุริยน” เชื่อเป็นช่องทางช่วยระดมทุนรองรับการขยายงานในอนาคต ครึ่งปีแรกโชว์ยอดขายกว่าพันล้านบาท ครึ่งปีหลังลุยเปิดคอนโดหรู 2-3 โครงการ ประเดิมเปิดทำเลแรกย่านพญาไท “M Phayathai” เปิดจองซื้อวันที่ 16-17 ก.ค.นี้ ณ ห้างสรรพสินค้า สยามพารากอน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 14-07-2010)
“ปูนกลาง”ทุ่ม 600 ล้านลงทุนเพิ่มโครงการนำความร้อนเหลือใช้ผลิตไฟฟ้า ลดต้นทุนไฟฟ้า 40% SCCC เตรียมขยายลงทุนโครงการนำ ความร้อนเหลือใช้จากเตาเผาผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีก 600 ล้านบาท คาดเสร็จกลางปี 2555 ระบุช่วยลดต้นทุนไฟฟ้าลง 40% เผยโครงการนำความร้อน เหลือใช้จากเตาเผามาผลิตไฟฟ้า มูลค่า 1.8 พันล้านบาท เริ่มเดินเครื่องผลิตได้ปลายปีนี้ คาดลดต้นทุนไฟฟ้าปีละ 500 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าว หุ้น 14-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ไทยรัฐ - หุ้นมะกันปิดบวก น้ำมันเพิ่ม2.20ดอลล์
ดัชนีหุ้นสหรัฐฯพุ่งขึ้นกว่า 140 จุด ปิดที่ 10,363.02 จุด ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 2.20 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ระดับ 77.15 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล....

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีปรับเพิ่มขึ้น หลัง อัลกัว บริษัทเหมืองแร่รายใหญ่ และ ซีเอสเอ็กซ์ คอร์ป บริษัทผู้ดำเนินการสร้างถนนในสหรัฐฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ขณะที่ข่าวการขายพันธบัตรของกรีซที่ได้รับการตอบรับดี ก็ช่วยกระตุ้นตลาดและค่าเงินยูโรได้เป็นอย่างดี

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 2.20 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ระดับ 77.15 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 10,363.02 จุด เพิ่มขึ้น 146.75 จุด แนสแดค ปิดที่ 2,242.03 จุด เพิ่มขึ้น 43.67 จุด และเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,095.34 จุด เพิ่มขึ้น 16.59 จุด.

ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป:
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีร่วงลง หลังวิกฤตหนี้ยุโรปกระทบการเติบโตของเศรษฐกิจ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีในเดือนก.ค. ร่วงลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 หลังจากที่วิกฤตหนี้ยุโรปส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนที่ 21.2 จุด จากระดับ 28.7 จุดในเดือนมิ.ย. (ที่มา: อินโฟเควสท์ 13-07-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยยอดขาดดุลการค้าเดือนพ.ค.พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือน หลังดีมานด์สินค้านำเข้าทะยาน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนพ.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 4.8% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือนที่ 4.23 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้กระตุ้นดีมานด์การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงรถยนต์ คอมพิวเตอร์ และเสื้อผ้า (ที่มา: อินโฟเควสท์ 14-
07-2010)
สหรัฐอเมริกา: ผู้นำตลาดค้าปลีกในสหรัฐอเมริกา ยอดค้าปลีกรวมของสหรัฐฯ ในปี 2552 (รวมอาหาร) มีมูลค่า 4,485,728 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือมีมูลค่าลดต่ำลงจากปี 2551 ร้อยละ -7.9 โดยยอดขายรวมของร้านค้าปลีกรายสำคัญ 100 อันดับแรกของสหรัฐฯ ซึ่งมีมูลค่า 1,555,964 ล้านหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนตลาดค้าปลีกรวมของสหรัฐฯ ร้อยละ 38 ห้าง Wal-Mart เป็นผู้นำตลาดค้าปลีกของสหรัฐฯ มียอดจำหน่าย (เฉพาะในประเทศ) คิดเป็นร้อยละ 7.35 ของยอดค้าปลีกรวมของสหรัฐฯ หรือ คิดเป็นร้อยละ 38 ของกลุ่มร้านค้าปลีก Top 100 ของสหรัฐฯ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 13-07-2010)
จีน: อุตสาหกรรมธนาคารจีนเสี่ยงเผชิญหนี้เสียเพิ่มขึ้นรุนแรง หลังยอดปล่อยกู้ปีที่แล้วพุ่งสูง ผลการสำรวจความคิดเห็นของธนาคารพาณิชย์ในประเทศจีนซึ่งจัดทำโดยไชน่า โอเรียนท์ แอสเซท แมเนจเมนท์ คอร์ป พบว่า อุตสาหกรรมการธนาคารของจีนอาจเผชิญความเสี่ยงที่จะมีตัวเลขหนี้เสียเพิ่มขึ้นในอีก 2 -3 ปีข้างหน้านี้ เนื่องจากธนาคารได้ปล่อยวงเงินกู้จำนวนมากในปี 2552 โดยคาดว่าตัวเลขหนี้เสียจะพุ่งขึ้นสูงสุดในปี 2555 โดยส่วนใหญ่จะเป็นเงินกู้ที่ปล่อยให้กับโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 13-07-2010)
เอเชีย: สิงคโปร์เผย GDP ไตรมาส 2 โต 26% ต่อปี หลังอุตสาหกรรมภาคการผลิตขยายตัวแข็งแกร่ง กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์เปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ปีนี้ ขยายตัว 26% ต่อปี หลังจากอุตสาหกรรมภาคการ ผลิตของสิงคโปร์ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ กระทรวงยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีปีนี้ เป็นขยายตัว 13 - 15% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 7 - 9% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 14-07-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น