Code 123 : ต่างชาติกลับมาซื้อเกือบ 3 พันล้าน

วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม 2553

ATT Code : ต่างชาติกลับมาซื้อเกือบ 3 พันล้าน
High Light Support:
FSS: แม้ทางด้านต่างประเทศจะดูดีขึ้น แต่สถานการณ์ภายในประเทศยังกดดัน...
-ผล Stress Test ออกมาดีและดีเกินกว่าที่หลายฝ่ายคาด
-การเมืองในประเทศกลับมาเป็นความเสี่ยงอีกครั้ง
-ไฮไลท์สัปดาห์นี้อยู่ที่วันศุกร์+ผลประกอบการ
-Regional Foreign Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านมาไหลเข้าเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน

SET วันนี้ปิดที่ 853.68 โดยขึ้นไปทำ New High ที่ 854.49 จุด Volume เข้ามาหนาแน่น ที่ 42,522 MB
โดยกลุ่มแบงค์ยังคงเป็นกลุ่มที่นำตลาดอยู่ และก็มีกลุ่มพลังงานที่เริ่มขยับเข้ามาบ้างแล้ว ดังนั้นตัวไหนที่ขึ้นมาสูงแล้วมีกำไรก็ควรที่จะทยอยขายออกไป หรือว่าจะขายทั้งหมดแล้วโยกไปกลุ่มพลังงานที่เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ก็จะทำให้ SET ยังสามารถยืนเหนือ 850 อยู่ได้ โดยที่มีแนวรับที่เส้น 5 วัน อยู่ที่ 840 จุด ซึ่งนักวิเคราะห์ก็เห้นว่าเข้าเขต Over Bought แต่ก็ยังสัญญาณไม่มีแรงขายออกมา แต่ถ้าหลุด 840 รับไม่อยู่ ลงต่อมาที่ 830 ก็เป็นแนวที่ต้องติดตาม ซึ่งถ้า 830 รับไม่ไหว ก็อาจจะพลิกมาเป็น Dead Cross ได้
----------------------------------------------------------------------------------
ตัวเลขเช้านี้ 27/07/53
ข้อมูลอื่นๆ ......SET ปิดที่ 840.24 จุด +7.23 จุด High 842.49 จุด low 837.69 จุด......แนวรับ 835-830 // 825-820 จุด แนวต้าน 842 // 845-850 จุด......PE SET 13.10 เท่า.........สัดส่วนการซื้อขาย ฝรั่งซื้อ 2826.01 ล้าน กองทุนซื้อ 34.56 ล้าน….......โบรกเกอร์ ที่ net buy UBS 1209, CS 702, KSEC 616, BSEC 257 และ PHATRA 194……..โบรกเกอร์ที่ net sell CLSA -561, KEST -371, PST -263, DBSV -195 และ CGS -155.......TFEX SET50 ปิดที่ 570.66 จุด +6.27 จุด.......S50U10 ปิดที่ 562.20 จุด +4.10 จุด .... high 563.80 จุด low 559.20 จุด OI 20,006 ….......status futureวานนี้ Foreign net LONG 680 - Fund net LONG 1720 - Retail net SHORT 2400........ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJ ปิด +100.81 จุด….ยุโรปปิด +0.5 ถึง +1% ......ตลาดเอเซียเช้านี้ 9.10 น. NIX +12.77 จุด , HSKI +85.84 จุด, TWSE -12.70 จุด, KOSPI +2.27 จุดและSHCOMP -17.24 จุด.....ดาวโจนส์ในตลาดล่วงหน้า -6 จุด.......ค่าเงิน - เงินบาท 32.21…เงินเยน 86.93……...COMODITY.... น้ำมัน NYMEX ส่งมอบ ก.ย. ปิดที่ 78.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ไม่เปลี่ยนแปลง.........ค่าการกลั่น 6.10 ดอลล์........ทองคำ COMEX ปิดที่ 1183.10 เหรียญ -4.70 ดอลล์ ......BDI ปิดล่าสุดอยู่ที่ 1841 จุด +15 จุด …...ราคาสังกะสีในตลาด LME ล่วงหน้า 3 เดือนปิดล่าสุดที่ 1954.0 ดอลลาร์ต่อตัน +48.0 ดอลล์
สินค้าเกษตร...ราคาตลาดจริง (หน่วย : บาท/ กก.) ….ข้อมูลจาก WEB Site ของ AFET (www.afet.or.th)
ราคาประมูลยางแผ่นรมควันชั้น 3 (23/07/10) Hatyai A.M. 97.21 บ. +0.42 บ. // FOB.BKK 102.40 บ. -1.50 บ.
ราคาข้าวขาว 5% (23/07/10) 12.55 บ. ไม่เปลี่ยนแปลง
ราคาข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 (23/07/10) 28.65 บ. ไม่เปลี่ยนแปลง

----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
23 กค .53 ( +2.08 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

แกว่งตัว 830 - 850
แม้ RSI & Stochastic จะอยู่ใน "เขตซื้อมาก"
แต่ยังไม่มีสัญญาณปรับตัวที่ชัดเจน
ดังนั้น ตลาดน่าจะแกว่งตัวขึ้นๆลงๆ ในกรอบ 830 - 850 ต่อไป

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย

FSS: แม้ทางด้านต่างประเทศจะดูดีขึ้น แต่สถานการณ์ภายในประเทศยังกดดัน...
แนวโน้ม:
ผลการทำ Stress Test ของยุโรปออกมาค่อนข้างดีเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีแบงก์ที่ไม่ผ่านการทดสอบเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่นักลงทุนคาดการณ์กันมาพอสมควรแล้วในช่วงหลัง ทำให้ตลาดหุ้นต่างประเทศสะท้อนในเชิงบวกไม่มากนัก ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่เริ่มดูดีขึ้นอีกครั้ง ประกอบกับผลประกอบการของธุรกิจต่างๆ ในสหรัฐที่ยังดีต่อเนื่องดูจะมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นมากกว่า ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ขยับบวกต่อเนื่องตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้วจนกระทั่งถึงเมื่อคืนนี้ ซึ่งตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียก็สามารถบวกตามขึ้นมาได้ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยหยุด แต่ก็ถือว่ากรอบการขึ้นส่วนใหญ่ยังค่อนข้างจำกัดและมีการแกว่งตัวในระหว่างวันค่อนข้างมาก ทำให้เราคาดว่าการที่ SET ปิดทำการไปเมื่อวานนี้ไม่น่าจะช่วยส่งให้ตลาดหุ้นไทยเช้านี้บวกได้มากกว่าเพื่อนบ้านมากนัก รวมทั้งในช่วงวันหยุดยังมีเหตุการณ์ลอบวางระเบิดหน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ชุมชนพอควร จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ 8 รายและเสียชีวิต 1 ราย แสดงถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงไม่นิ่ง ซึ่งย่อมหมายความว่าการคาดหวังว่าจะมีการยกเลิก พรก.ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่ กทม.เร็วๆ นี้นั้นน่าจะเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น ดังนั้น FSS จึงคาดว่าแนวโน้มที่ SET จะเริ่มปรับพักตัวลงในเร็วๆ นี้ยังมีความเป็นไปได้มากกว่า จึงยังมองกรอบแกว่งของตลาดอยู่ระหว่าง 820-840 จุดโดยประมาณต่อไป และมีโอกาสที่จะหลุดลงไปต่ำกว่าได้ด้วย
กลยุทธ์: ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้ทยอยขายทำกำไรต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นที่ราคาตลาดขยับขึ้นมาแรงมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา จากนั้นเน้นถือเงินสดไว้ก่อน ส่วนหุ้นที่ยังพอมีจังหวะลุ้นขยับขึ้นได้บ้างในช่วงนี้ ได้แก่ ROJNA, MCOT, BEC, SSI, TSTH, TKS, BECL, PDI, MINT และ TICON เป็นต้น ส่วนหุ้นในกลุ่มรับเหมาถือว่าขยับขึ้นมาแรงแล้ว จากนี้ไปต้องเริ่มระวังแรงขายด้วย
ประเด็นสำคัญวันนี้
§ ผล Stress Test ออกมาดีและดีเกินกว่าที่หลายฝ่ายคาด
โดย CEBS ระบุว่ามี 7 แบงก์ใน 91 แบงก์ที่สอบตก ซึ่งได้แก่ 1 แบงก์ในเยอรมนี 1 แบงก์ในกรีซ และ 5 แบงก์ของสเปน โดยทั้ง 7 แบงก์มี Tier 1 ต่ำกว่าเกณฑ์ 6% ทำให้ต้องเพิ่มทุนรวมกัน 3.5 พันล้านยูโร (US$4.5 พันล้านเหรียญ) คิดเป็นเพียง 1 ใน 10 ที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดไว้ จุดอ่อนของการทำ Stress Test ครั้งนี้คือไม่ได้ทดสอบ Liquidity risks และตั้งสมมติฐานว่าไม่มีการหยุดพักชำระหนี้ (No sovereign default risk) แต่เรามองว่า อย่างน้อยก็ทำให้ตลาดสามารถประเมินความเสี่ยงในระยะสั้นได้
§ การเมืองในประเทศกลับมาเป็นความเสี่ยงอีกครั้งจากระเบิดที่เกิดขึ้นที่หน้าห้าง BigC สาขาราชดำริภายหลังประกาศผลการเลือกตั้งซ่อม สส. กทม. เขต 6 ที่ปรากฏว่าพรรคประชาธิปัตย์ชนะ และหากมีการยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน เรากลับไม่ได้มองว่าเป็นข่าวดีแต่อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ความขัดแย้งทางการเมืองกลับมาอีก
§ ไฮไลท์สัปดาห์นี้อยู่ที่วันศุกร์+ผลประกอบการ ศุกร์นี้ ธปท. รายงานเศรษฐกิจเดือน มิ.ย. และสหรัฐฯ รายงาน GDP 2Q10 (คาดการณ์ครั้งแรก) นอกจากนี้ มี บจ. ที่ประกาศผลประกอบการคือ TPC, SCC, PTTEP, DCC, SSI, TUF
§ หลังจากที่เราปรับประมาณการกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีลง ทำให้ EPS growth ของตลาดในปีนี้เติบโต 12% ลดลงจากเดิมที่ +15% แต่ปีหน้าโตเพิ่มขึ้นเป็น +18% จากเดิม +16% เพราะฐานปีนี้เล็กลง เรายังคงเป้า SET 860 จุดสิ้นปีนี้ และ 1,100 จุดสิ้นปีหน้า
§ Regional Foreign Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านมาไหลเข้าเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน และมีปริมาณการไหลเข้ามากขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ที่สำคัญนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยมากกว่าปกติ สาเหตุสำคัญน่าจะมาจากตัวเลขผลประกอบการที่ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด แม้ตัวเลขเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอแต่ก็ไม่ได้น่ากลัวมากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ผลการทดสอบแบงก์ในยุโรปออกมาดี แสดงให้เห็นว่าระบบการเงินในยุโรปไม่น่าจะมีปัญหามากกว่าคาด แม้เศรษฐกิจจะยังไม่ดีขึ้น ส่งให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้นจะทำให้เม็ดเงินไหลจากตลาดพันธบัตรสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น ค่าเงินยูโรยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงค่าเงินในภูมิภาคและค่าเงินบาทก็แข็งค่าด้วยเช่นกัน ดังนั้นแนวโน้ม Fund Flow น่าจะไหลเข้าต่อเนื่องและค่อยเป็นค่อยไป

ข่าวภายในประเทศ
กรุงไทยปล่อยกู้ปรี๊ด ขยับตัวเลขเพิ่ม 10% จับตาไตรมาส 3 บุ๊ค‘วายุภักษ์’กว่าพันล้าน “แบงก์กรุงไทย”(KTB) ปล่อยกู้เพลินหลังครึ่งปีแรกโตแล้ว 10% ด้าน “อภิศักดิ์” เผยขยับตัวเลขสินเชื่อปีนี้จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 7% เป็นมากกว่า 10% พร้อมคาดผลกำไรปีนี้ไม่น้อยกว่าปีก่อนหน้าด้านโบรกฯ มอง KTB ไตรมาส 2 ตัวเลขยังงาม คาดฟาดกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 4.3 พันล้านบาท เพิ่มจากไตรมาส 2 ซึ่งอยู่ที่ 3.3 พันล้านบาท เหตุได้บันทึกปันผลจากวายุภักษ์อีกร่วมพันล้านบาท ส่งผลจะมีกำไรในปีนี้ 1.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 17% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-07-2010)
สองแนวทางขาย TMB คลังยันสะท้อนต้นทุน คลังเผย 2 แนวทางขายทหารไทย ทางแรกขายตามราคากระดาน บวกด้วยค่าพรีเมี่ยม หรือขายตามราคาต้นทุนไม่ต่ำกว่า 3 บาท ด้าน “บุญทักษ์” เผยการจ่ายปันผลต้องรอเรื่องเข้าในที่ประชุมบอร์ดและผู้ถือหุ้นก่อน ยันสิ้นปีนี้สินเชื่อพลิกเป็นบวกได้ ส่วนเอ็นพีแอลตัวเลขจะลดเหลือหลักเดียวจาก 10% ในขณะนี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-07-2010)
TTCL เซ็นต์ 5 พันล้านเริ่มบันทึกไตรมาส4เชื่อครึ่งปีหลังสดใส TTCL เล็งเซ็นงานใหม่ 2 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท ไตรมาส 3/53หนุนงานในมือทะลุ 1 หมื่นล้านบาท คาดรับรู้รายได้ส่วนหนึ่งภายในไตรมาส 4/53 ที่เหลือจะรับรู้ปีหน้า “สุวิทย์” การันตีครึ่งปีหลังสดใสและดีกว่าครึ่งปีแรก หากปัญหามาบตาพุดจบเร็ว เนื่องจากมีงานรออยู่ 5-6 โครงการ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท เตรียมปรับเป้ารายได้ทั้งปีใหมเ่ ร็วๆ นี้ (ที่มา:นสพ.ข่าวหุ้น 27-07-2010)
KIAT ปันผลครึ่งปีรับงบ Q2 เริ่ด KIAT การันตีจ่ายปันผลระหว่างกาลแน่นอน ชี้งบไตรมาส 2 ยังสวยหรูต่อไม่หยุด รับรู้รายงานขนส่งสินค้าเพียบพร้อมเดินหน้าลุยประมูลงานภายในประเทศตุนเพิ่ม ด้านวงการเงินชี้ กำไร Q2 ไปได้สวย ดันงบครึ่งปีโตเกิน 60 ล้านบาท เชื่อจ่ายปันผลงวดครึ่งปีขั้นต่ำ 0.20 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-07-2010)
TNDT มั่นใจครึ่งหลังรายได้ฉลุย เศรษฐกิจฟื้นตัว-การเมืองสงบ! TNDT ประเมินผลงานครึ่งหลังฉลุย หลังเดินหน้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง-รับอานิสงส์เศรษฐกิจฟื้น-สถานการณ์ทางการเมืองนิ่ง ย้ำเป้ารายได้ปีนี้ 360 ล้านบาท ด้านกำไรไตรมาส 2/53 อยู่ที่ 8 ล้านบาท รายได้ทรงตัวจากไตรมาส 1/53 เนื่องจากโดนพิษทางการเมือง เศรษฐกิจชะลอตัว การลงทุนหยุดชะงักในมาบตาพุด ส่งผลให้งานทดสอบทางวิศวกรรมครึ่งปีแรกชะลอตัว เดินหน้ารุกงานต่างประเทศต่อเนื่อง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-07-2010)
MAKRO-BIGC ทีเด็ดหุ้นกลุ่มค้าปลีก เชียร์ทยอยซื้อสะสม ไร้ปัญหาช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น หุ้นค้าปลีก-ค้าส่ง MARKO-BIGC-ROBINS ไม่สะเทือนภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ฐานะการเงินแข็งแกร่ง เงินสดสุทธิสูง หนี้สินไม่มี เชื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค โบรกฯแนะเข้าสะสม คาดMAKRO ไตรมาส 2/53 กำไร 450 ล้านบาท โต 56% รับรู้เพิ่ม 7 สาขา เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วน BIGC คาดกำไร Q2/53 แตะ 708ล้านบาท พุ่ง 19.50% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 27-07-2010)


ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ลุ้นไปต่อ!!
นักวิเคราะห์ประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีโอกาสขยับขึ้นได้ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน หลังนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อสุทธิจำนวนมาก ขณะที่แบงก์ชาติปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยหนุนตลาด

ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า หุ้นไทยอาจไปได้แค่ประคองตัวเท่านั้น ขณะที่นักลงทุนบางส่วนจะถือหุ้นเพื่อรอรับเงินปันผลงวดครึ่งปี ส่วนเหตุระเบิดป้ายรถเมล์ย่านราชประสงค์ไม่น่าส่งผลกระทบต่อตลาดมากนัก

ฝ่ายวิจัย บล.ธนชาติ ระบุว่า ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ แต่อาจไปติดแนวต้านที่บริเวณ 860 จุด โดยผลการทดสอบภาวะวิกฤติของสถาบันการเงินยุโรป (Stress test) 91 แห่ง ที่มีเพียง 7 แห่ง ที่ไม่ผ่านการทดสอบนั้น น่าจะมีผลต่อตลาดในทิศทางที่เป็นกลางถึงบวก ซึ่งไม่น่าจะถ่วงการลงทุนในหุ้นไทย ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียน ของกลุ่มเรียลเซ็คเตอร์ หรือภาคการผลิตที่แท้จริงที่จะทยอยออกมาในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะ SCC และ PTTEP จะเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางผลการดำเนินงานของกลุ่มที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่ในช่วง 1-2 วันนี้ เริ่มเห็นการเข้ามาซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ อย่างชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มแบงก์ ซึ่งหุ้นกลุ่มนี้น่าจะยังเป็นหุ้นที่นำตลาดได้ต่อไป หลังมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นจะทำให้การปล่อยสินเชื่อดีขึ้น รวมทั้งหุ้นที่อิงกับการใช้จ่ายและเศรษฐกิจในประเทศก็น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นด้วย ดังนั้น จึงเชื่อว่าหุ้น domestic play จะเป็นตัวนำตลาดต่อไป แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมามากแล้วก็ตาม

ส่วน บล.ไอร่า เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสขยับขึ้นได้เช่นกันจากแนวโน้ม เศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้น รวมถึงการคาดหวังการจ่ายเงินปันผลของหุ้นในกลุ่มเรียลเซ็คเตอร์ รวมถึงปัจจัยในต่างประเทศที่มีทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ด้านเทคนิคให้ แนวต้านดัชนีสัปดาห์นี้ที่บริเวณ 848 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 832-826 จุด

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ บล.บีฟิท มองตลาดหุ้นไทยจะไปได้แค่ประคองตัว โดยตลาดจะผันผวนขึ้นอยู่กับข้อมูลข่าวและการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาเป็นรายวัน แต่นักลงทุนบางส่วนจะยังคงถือหุ้นเพื่อรอปันผลกลางปี ทำให้การปรับตัวลงของดัชนีอาจไม่มากนัก!!

ทิศทางหุ้น 26/07/53

ภาวะการซื้อขายหุ้น
สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 840.24 จุด ขยับขึ้น 1.53% จาก 827.54 จุด ในสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้น 32.57% จาก 135,236.73 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 179,279.88 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้นจาก 27,047.35 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 35,855.98 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 2,140.31 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,349.56 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 3,200.51 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิที่ 289.35 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 244.90 จุด ขยับขึ้น 3.77% จาก 236.01 จุด ในสัปดาห์ก่อนหน้า

สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์นี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ปัจจัยชี้นำคงจะอยู่ที่การตอบรับของตลาดต่อผลการทดสอบภาวะวิกฤติของธนาคารในยุโรป อย่างไรก็ดี แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชียที่ชัดเจนกว่าภูมิภาคอื่น น่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทย หากมีการปรับฐานเกิดขึ้น นอกจากนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน ทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลอดจนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ และเศรษฐกิจชั้นนำอื่น ส่วนปัจจัยในประเทศ ได้แก่ การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนของ ธปท. และผลประกอบการไตรมาส 2/2553 ของบริษัทจดทะเบียน ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 836 และ 825 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 850 และ 860 จุด ตามลำดับ

ภาวะตลาดเงินและตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นทรงตัวต่อเนื่องใกล้ระดับ 1.50% ท่ามกลางภาวะที่ตลาดเงินไม่มีปัจจัยใหม่ๆมากระทบ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ ประเภทกู้ยืมข้ามคืน (Overnight) มีระดับหนาแน่นตลอดสัปดาห์ที่ 1.37% เงินบาทในประเทศ (Onshore) เคลื่อนไหวในกรอบที่จำกัดและยังคงไม่มีปัจจัยใหม่ๆมากระตุ้นตลาด ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่าในช่วงต้นสัปดาห์ตามทิศทางของสกุลเงินในภูมิภาค หลังจากที่สัญญาณความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและเทขายสกุลเงินเอเชียออกมา เงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์เช่นเดียวกับสกุลเงินอื่นๆในภูมิภาค โดยได้รับ

แรงหนุนจากสัญญาณเชิงบวกของข้อมูลเศรษฐกิจในฝั่งยุโรป ทั้งนี้ เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาปิดตลาดปลายสัปดาห์ที่ระดับ 32.22 บาทต่อดอลลาร์ฯ.

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ไทยรัฐ - หุ้นสหรัฐฯบวก 100จุด 'น้ำมัน'ยังคงที่
ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,525.43 จุด พุ่งขึ้น 100.81 จุด ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ปิดที่ระดับ 78.98 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล.....

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 26 ก.ค.โดยข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ยอดขายบ้านใหม่ในเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 300,000 หลัง/ปี ส่งผลดีต่อตลาดบ้านที่กำลังเริ่มฟื้นตัว ขณะที่เฟดเอกซ์ บริษัทด้านการขนส่งยักษ์ใหญ่ ก็คาดการณ์ว่า ผลกำไรในไตรมาส 2 ของปีนี้จะออกมาน่าพอใจ

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ปิดที่ระดับ 78.98 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อวันศุกร์ ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,525.43 จุด พุ่งขึ้น 100.81 จุด หรือ 0.97% ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 2,296.43 จุด ขยับขึ้น 26.96 จุด หรือ 1.19% ดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,115.01 จุด เพิ่มขึ้น 12.35 จุด หรือ 1.12%

ตลาดหุ้นสำคัญของยุโรป ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดที่ 5,351.12 จุด เพิ่มขึ้น 38.50 จุด หรือ 0.72% ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 6,194.21 จุด เพิ่มขึ้น 27.87 จุด หรือ 0.45% และดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ 3,636.18 จุด เพิ่มขึ้น 29.13 จุด หรือ 0.81% ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ ปิดที่ 77.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดที่ 1,183 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ลดลง 4.70 ดอลลาร์สหรัฐ จากเมื่อวันศุกร์.

FSS: ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: ผลการทดสอบภาวะวิกฤตธนาคารยุโรปชี้ มีธนาคารเพียง 7 แห่งที่ไม่ผ่านการทดสอบ คณะกรรมการกำกับดูแลภาคการธนาคารของสหภาพยุโรป (CEBS) ได้เปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ธนาคาร 91 แห่งในยุโรปเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) โดยระบุว่ามีธนาคารเพียง 7 ที่ไม่ผ่านการทดสอบ ซึ่งได้แก่ธนาคารไฮโป เรียลเอสเตท โฮลดิ้ง ของเยอรมนี ธนาคารเอทีอีของกรีซ ส่วนธนาคารอีก 5 แห่งเป็นของ
สเปน ได้แก่ ธนาคาร Diada, Unnim, Espiga, Banca Civica และ Cajasur ซึ่งการทดสอบ stress test เป็นความร่วมมือระหว่าง CEBS และธนาคารกลางยุโรป (ECB) แถลงการณ์ของ CEBS ระบุว่า ธนาคารทั้ง 7 แห่งไม่สามารถผ่านการทดสอบการเพิ่มความแข็งแกร่งของเงินกองทุนขั้นที่1 (Tier 1 capital) ซึ่งเป็นตัววัดความแข็งแกร่งทางการเงิน โดยธนาคารทั้ง 7 แห่งมีอัตราส่วนทุนต่อสินทรัพย์ต่ำกว่าระดับอ้างอิงขั้นต่ำของ CEBSที่ 6% จึงทำให้ธนาคารเหล่านี้ต้องระดมทุนเป็นเงินรวมกันมูลค่า 3.5 พันล้านยูโร หรือ 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเสริมสร้างสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่ง และเพื่อกอบกู้ความเชื่อมั่นของนักลงทุน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 24-07-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.พุ่งขึ้นเกินคาด 23.6% แต่ราคาบ้านปรับตัวลดลง กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่ายอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 23.6% สู่ระดับ 330,000 ยูนิตต่อปี จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 267,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 30 ปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 320,000 ยูนิตต่อปี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 27-07-2010)
เอเชีย: กระทรวงคลังญี่ปุ่นปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจเดือนเม.ย.-มิ.ย.หลังยอดการซื้อรถขยายตัว กระทรวงคลังญี่ปุ่นปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจเดือนเม.ย.-มิ.ย.ติดต่อกัน 2 ไตรมาส หลังจากที่ยอดการซื้อรถและสินค้าหรูหราขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับระบุว่าเศรษฐกิจยังคงอยู่สถานการณ์ที่เรียกได้ว่ายากลำบาก แต่ก็ยังฟื้นตัวอย่างช้าๆโดยเฉพาะในภาคของการผลิต สำนักข่าวเกียวโดรายงานผลการสำรวจรายไตรมาสที่รวบรวมโดยสำนักงานระดับภูมิภาคทั่วประเทศของกระทรวงคลังว่า การผลิตฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากดีมานด์ในเอเชียที่สูงขึ้น รวมทั้งผลผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการผลิตอุปกรณ์ใช้สอยภายในบ้านและมือถือขยายตัวขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 26-07-2010)
เอเชีย: ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสิงคโปร์เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 26.1% คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์เผยผลผลิตภาคการผลิตของสิงคโปร์ในเดือนมิ.ย.ขยายตัวขึ้น 26.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยผลผลิตภาคการผลิตขยายตัวทุกภาคส่วน ยกเว้นภาควิศวกรรมขนส่ง (ที่มา:อินโฟเควสท์ 26-07-2010)
เอเชีย: แบงค์ชาติเกาหลีใต้เผยเศรษฐกิจไตรมาส2 ขยายตัว1.5% หลังส่งออกสดใส ธนาคารกลางเกาหลีใต้เผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีไตรมาส 2 ของเกาหลีใต้ขยายตัว 1.5% จากระดับไตรมาส 1 หลังจากที่ได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่สดใสและดีมานด์ภายในประเทศที่ปรับตัวขึ้น นับเป็นสถิติที่ช่วยสนับสนุนมุมมองเรื่องการฟื้นตัวอย่างมั่นคงของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 26-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น