Code 124 : ลุ้น 860 แต่อาจจะมีพักฐานบ้าง

วันพุธที่ 28 กรกฎาคม 2553

ATT Code : ลุ้น 860 แต่อาจจะมีพักฐานบ้าง
SET เช้านี้เปิดไปเป็น New High ที่ 859.15 ก่อนที่จะไปแตะ 860 แล้วก็มีแรงขายลงมาบ้าง ลงมาปิดภาคเช้าที่ 854 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ค่อนข้างมากเหมือนเดิมที่ 20,245 ล้านบาท โดยมีการขายกลุ่มแบงค์ออกมาบ้าง และก็กลุ่มพลังงานมาเป็นตัวนำแทน โดยอาจจะลงทุนในกลุ่มที่ยัง Laggard อยู่
ช่วงบ่าย SET ก็ยังมีแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่อง กดดันให้ SET ลงมา 3 จุด จาก 856.87 ลงมาปิดที่ 853.78 จุด แต่ก็ยังบวกอยู่นิดหน่อย 0.10 จุด ยังยืนเหนือเส้น BB Top ที่ 852 ได้อยู่ โดย Volume ลดลงมาจากเมื่อวานนิหหน่อย แต่ก็ยังหนาแน่นอยู่ ที่ 35,000 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มในวันพรุ่งนี้ก็คาดว่าน่าจะ Sideway ออกด้านข้างออกไปอีก มีแนวรับอยู่ที่เส้น 5 วัน ที่ 844 และแนวต้านอยู่ที่ 860 เหทมือนเดิม
ติดตาม Global ที่เมื่อวานลงมาเยอะ วันนี้ก็มีแรงรับกลับมาแล้ว ถ้าพรุ่งนี้สามารถยืนเหนือ 5.90 ได้ ก็มีสิทธิ์ที่จะผ่าน 6 บาทไปได้ KCE ถ้าย่อลงมาก็น่าจะเข้าไปรับได้แถว 8.80 บ.

-----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis

28 กค .53 ( +13.44 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

เกิน 854.49 ขึ้น 860 – 862 จุด
การปรับตัวขึ้น เกิน 854.49 จุดสูงสุดวันอังคาร ดัชนีสามารถขึ้นต่อแถว 860 – 862 จุด ต่อไป

อย่างไรก็ตาม เครื่องมือทางเทคนิคอย่างRSI & Stochastic ยังคงอยู่ใน “เขตซื้อมาก”ในภาพระยะสัปดาห์ ดังนั้นยังคงมีความเสี่ยงที่ตลาดพร้อมปรับตัวได้ทุกเวลา

การปรับตัวลง ต่ำกว่า 847.12 จุดต่ำสุดวันอังคาร จะถือเป็นสัญญาณอย่างแรกของการปรับตัวลง มีเป้าหมายในการปรับฐานระยะสัปดาห์บริเวณ 815 – 825 จุด ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย25 วัน

หุ้นเด่น
KTB
ปรับตัวทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะสัปดาห์ขึ้นมาได้ ทยอยซื้อแถว 13.40 – 13.60 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 13.70 จุดสูงสุดวันอังคาร เป้าหมายสองสามวัน 14.20 – 14.80 ( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 13.20 )
IRPC
ปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง ได้อีกครั้ง ทยอยซื้อแถว 3.88 – 3.92 หรือซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 3.94 จุดสูงสุดวันอังคาร เป้าหมายสองสามวัน 4.06 – 4.12 ( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 3.84 )
BANPU
ปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันได้ อีกครั้ง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 632 จุดสูงสุดวันอังคาร เป้าหมายระยะสัปดาห์ 644 – 650 ( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 622 )

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-แร้งงง!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 27 ก.ค.53 ปิดที่ 853.68 จุด เพิ่มขึ้น 13.44 จุด ทำนิวไฮในรอบ 2 ปี 2 เดือน มีมูลค่าการซื้อขายทะลัก 42,522.17 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,710.82 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด นำโดย SCB ปิดที่ 91 บาท เพิ่มขึ้น 4.75 บาท, PTT ปิดที่ 255 บาท เพิ่มขึ้น 8 บาท, KTB ปิดที่ 13.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท, KBANK ปิดที่ 105 บาท เพิ่มขึ้น 6.50 บาท และ PTTEP ปิดที่ 147.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มตลาด อาจเผชิญแรงขายทำกำไรบ้างในช่วงระหว่างการซื้อขาย แนะกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ ขายทำกำไร ด้านเทคนิคประเมินแนวรับอยู่ที่ 840 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 855-860 จุด

มีบทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะนำ "ซื้อ" หุ้น PTTEP ให้ราคาตามพื้นฐาน 178 บาท ระบุว่ามีมุมมองเป็นบวกกับ PTTEP ในระยะกลาง-ระยะยาว เพราะเชื่อว่าความผันผวนของกำไรสุทธิจะน้อยลง หลังรายได้จากก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น ราคาพื้นฐาน 178 บาท เทียบเท่ากับ P/E ปี 54 ที่ 14 เท่า และ PBV 3.2 เท่า

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบทุกๆ 10% จะมีผลต่อกำไรสุทธิ 70 ล้าน US $ ซึ่งคิดเป็น 7% ของกำไรสุทธิปี 53 (หรือ 0.7 บาท/หุ้น)

นอกจากนี้ยังแนะ "ซื้อ" หุ้น THAI ให้ราคาพื้นฐาน 44.25 บาท โดยได้ปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 และ 54 เพิ่มขึ้น 9.6% และ 7.5% ตามลำดับราคาพื้นฐานปรับเพิ่มขึ้นเป็น 44.25 บาท ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 26% เทียบกับราคาพื้นฐานใหม่ ส่วนคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 53 ก็อยู่ในระดับที่ดีเป็น 6.9% นอกจากนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันก็ยังถูกกว่า เมื่อเทียบกับหุ้นธุรกิจเดียวกันในภูมิภาคแถบนี้

ส่วนหุ้น TOP แนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาพื้นฐาน 52 บาท เห็นว่าวัฏจักรของค่าการกลั่นได้มาถึงประมาณระดับกลาง ซึ่งมีการฟื้นตัวจะช่วยชดเชยส่วนต่างกำไรของสินค้าประเภทปิโตรเคมี โดยสัดส่วนธุรกิจปิโตรเคมีนั้นเป็น 14% ของกำลังการผลิตทั้งหมดของบริษัท และเป็น 28% ของกำไรสุทธิ และราคาหุ้นที่ปรับลงเป็นจังหวะในการเข้าซื้อเพื่อการลงทุน

แถมให้อีกตัว PLE ที่ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะ "ซื้อ" ให้ราคาพื้นฐาน 2.21 บาท!!

FSS:แรงซื้อต่างประเทศเริ่มเข้ามาหนักแน่น.. ลุ้น SET บวกต่อ แต่ต้องระมัดระวัง!!
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นต่อเนื่องได้ค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยมีวอลุ่มสนับสนุนพอควรโดยเฉพาะแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศที่เพิ่งกลับเข้ามามียอดซื้อสุทธิอย่างหนักแน่นกว่า 2.5 พันล้านบาทต่อวันในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ยอดซื้อขายของเดือน ก.ค.นี้ นักลงทุนต่างประเทศเริ่มกลับมามียอดเป็นซื้อสุทธิไปแล้วกว่า 4 พันล้านบาท หลังจากเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับผลการทำ Stress Test ของยุโรป ซึ่งแรงซื้อเริ่มกระจายเข้าสู่หุ้นกลุ่มพลังงานที่ก่อนหน้านี้ราคาไม่ค่อยขยับขึ้นอีกด้วย ทำให้ SET ยังมีโอกาสที่จะขยับขึ้นต่อเนื่องให้เทรดดิ้งได้ อย่างไรก็ตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ และผลประกอบการของธุรกิจต่างๆ ในสหรัฐที่ดูดีในช่วงที่ผ่านมานั้น เริ่มไร้ทิศทางมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองของไทยที่ยังคงไม่นิ่ง ทำให้ FSS คาดว่าโอกาสที่ SET ใกล้ที่จะปรับพักตัวลงในเร็วๆ นี้ยังมีความเป็นไปได้อยู่ ดังนั้นการขยับขึ้นของตลาดคาดว่าจะยังมีกรอบการขึ้นที่จำกัด และยังมีแนวโน้มที่จะปรับพักตัวลงไปหา 820 จุดหรือหลุดต่ำกว่าได้ จึงยังต้องเลือกเทรดดิ้งเป็นรายตัว และหาจังหวะทำกำไรเมื่อราคาขยับขึ้นด้วย
กลยุทธ์: ถ้าจะเข้าเทรดดิ้งต่อ จึงแนะนำให้เลือกหุ้นที่ยังขยับขึ้นไม่มาก หรือราคามีการปรับตัวลงมาบ้างในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะมีข่าวสนับสนุนเพื่อความปลอดภัยเช่น หุ้นในกลุ่มรับเหมา(CK,ITD,STEC,SEAFCO) ที่จะมีข่าวการขายซองประมูลรถไฟสายสีแดง หุ้นกลุ่มสื่อสาร(ADVANC,DTAC) จากข่าวการเตรียมประมูล 3G และการจ่ายปันผลงวดระหว่างกาล หุ้นกลุ่มบ้าน(LPN,SIRI,QH,AP) จากราคาหุ้นที่ปรับพักตัวลงพอควร รวมถึงหุ้นที่ยังพอมีจังหวะลุ้นขยับขึ้นได้ต่อ เช่น ROJNA, MCOT, BEC, SSI, TSTH, TKS, BECL,PDI, MINT และ TICON เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
ต่างชาติซื้อสุทธิเป็นหลัก 2 พันล้านบาทติดต่อกันเป็นวันที่ 2
เป็นการกลับมาด้วยปริมาณที่มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เทียบกับเดือน มิ.ย. ทั้งเดือนที่ซื้อ 2.97 พันล้านบาททำให้เม็ดเงินย้ายจากหุ้นขนาดเล็กมาเข้าหุ้น Big cap ในกลุ่มหลักทั้งแบงก์และพลังงานแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานเพราะเป็นกลุ่มเดียวในปีนี้ที่ laggard (-0.1%YTD) แบงก์ยังเป็นกลุ่มที่น่าสนใจและมี upside เฉลี่ย 10% โดย SCB มี upsideมากสุด (เป้าหมาย 112 บาท) ส่วนกลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มที่ laggard ที่สุดในปีนี้(+3%YTD เทียบกับ SET +16%YTD)
OFM ‘ออฟฟิศเมท’ เข้าตลาดวันแรกวันนี้ในตลาด MAI ราคา IPO = 4.90 บาท 20ล้านหุ้น บล.ธนชาตเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
PSL กำไร 2Q10 ลดลงถึง 86% Y-Y เพราะรายได้จากการเดินเรือ -52% Y-Y จากจำนวนเรือที่ลดลงจากการขายออกไปและค่าระวางเรือที่ตกต่ำ ทำให้กำไรงวด 2H10 ลดลง 72% Y-Y อุตสาหกรรมเรือเทกองเป็นขาลงอย่างชัดเจนด้วยภาวะ Oversupply ของเรือในตลาด นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้เป้าหมาย 15 – 20 บาท ยังไม่น่าสนใจ บริษัทที่ประกาศผลประกอบการวันนี้มี PTTEP, SCC เราคาด PTTEP มีกำไรสุทธิ -
5.8% Q-Q, +51.8% Y-Y ส่วน SCC คาดกำไรสุทธิ -8.0% Q-Q, -7.7% Y-Y กำไรถูกฉุดด้วยธุรกิจปิโตรเคมี
Regional Fund Flow ; ยังมีแนวโน้มไหลเข้าต่อเนื่อง - เป็นสัปดาห์ที่ 3ที่กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้า โดยเฉพาะ 2 วันที่ผ่านมามี Flow ไหลเข้ามากกว่าปกติแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียมีมากขึ้นเนื่องจากก่อนหน้านี้มีการปรับขึ้นประมาณการตัวเลขจีดีพีของประเทศในเอเชีย ในขณะเดียวกันผลการทดสอบแบงก์ในยุโรปดีกว่าคาดสะท้อนเสถียรภาพของระบบการเงินในยุโรปยังดีอยู่ แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัวอยู่ นอกจากนี้ ตัวเลขผลประกอบการไตรมาสที่2 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐออกมาดีกว่าคาด แม้ตัวเลขเศรษฐกิจโดยเฉพาะตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงปรับตัวลงและต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ก็ตาม เราเชื่อว่าแนวโน้มกระแสเงินทุนจากต่างชาติจะยังไหลเข้าต่อเนื่อง จากการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากตลาดพันธบัตรเข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น ประกอบกับค่าเงินยูโรและค่าเงินภูมิภาคเอเชียยังคงแข็งค่าต่อเนื่องและกำลังจะทำสถิติใหม่กันอีกครั้ง

ข่าวภายในประเทศ
SCB เหนือกว่าทุกประตู อัพไซด์สูงกว่ากสิกรไทย
โบรกเชียร์เป้าใหม่ 120 อัตราทำกำไรพุ่งรับดอกขาขึ้น “ไทยพาณิชย์” ไล่บี้ “กสิกรไทย” ผลสรุปเหนือกว่าทุกด้าน ประสิทธิภาพการทำกำไรเจ๋ง ทั้งผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น หรือ ROE อยู่ที่ 1.8% เหนือกว่ากสิกรไทย 1.2% อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นก็ดีกว่า 15.5% คู่แข่ง 13.6% ขณะที่ราคายังต่ำกว่ามาก มีอัพไซด์ให้เล่นอีกกว่า 31.8% ส่วน KBANK เหลือแค่
12% โบรกเกอร์ประสานเสียงเชียร์ซื้อ คาดได้รับผลดีมากสุดจากนโยบายดอกเบี้ยขาขึ้น เหตุต้นทุนเครดิตต่ำ ราคาเป้าหมายใหม่ 120 บาท จาก เดิม 101 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-07-2010)
SCC ครึ่งปีปันผล 5 บาทรับ Q 2กำไร 7.2 พันล้าน จับตา SCC กำไรสุทธิไตรมาส 2/53 แตะ 7.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% ขานรับโรงโอเลฟินส์ใหม่เดินเครื่องผลิต แถมธุรกิจกระดาษสดใส จากราคา-กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น แต่ครึ่งปีแรกกำไรลดลงเหลือ 1.41 หมื่นล้านบาท ลดลง 16% เผยควักกระเป๋าจ่ายเงินปันผล 5 บาทต่อหุ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-07-2010)
BANPU เป้าเกิน 740 บ. งบ Q2 กำไร 2.6 พันล้านเชียร์ซื้ออัพไซด์เพียบ BANPU ยังร้อนแรง เตรียมรับรู้กำไรจากดีลเข้าซื้อกิจการ centennial มั่นใจดันราคาหุ้นบวกเพิ่ม ขณะที่เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น 10 ส.ค.นี้ ลุ้นประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/53 แตะ 2,600 ล้านบาท จากราคา ถ่านหินที่ปรับตัวสูงและปริมาณผลิตที่เพิ่มขึ้น ด้านโบรกฯเชียร์ “ซื้อ” อ้างราคาหุ้นยังมีอัพไซด์เพียบ ราคาเป้าหมาย 740 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น
28-07-2010)
TTA-PSL แววดีต้องรีบทยอยซื้อสะสม ตัวเลข BDI เริ่มฟื้นตัว ขานรับราคาสินแร่นิวไฮรอบ 3 เดือนราคาสินแร่เหล็กฟื้นรอบ 3 เดือน ส่งสัญญาณจีนลุยออเดอร์เพิ่ม ด้านวงการชี้ ราคาสินแร่ช่วยดัน BDI ตื่นตัวตาม เชื่อมีลุ้นผ่านแนวต้าน 2,000 จุด หนุนหุ้นเรือเทกองทำกำไร ชี้เหมาะทยอยเก็บ TTA-PSL ขานรับการเติบโตในอนาคต ด้าน ม.ล.จันทรจุฑา การันตี พร้อมซื้อเรือใหม่เพิ่มอีกแน่ หลังคว้าลำล่าสุดราคา 1,112 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-07-2010)
กสทฯกลับลำซื้อใจ DTAC-TRUE ข้อเสนออัพเกรด HSPA เป็น 3จี ได้ กสทฯปล่อยไม้เด็ดหวังจูงใจ DTAC-TRUE กลับลำให้พัฒนาคลื่นเดิมเอชเอสพีเอเป็น 3 จีได้ เชื่อเมื่อมีไลเซนส์ใหม่จากกทช. คู่สัมปทานก็ไปอยู่ดี ควรหารายได้ให้เต็มที่ก่อนดีกว่า คาดดีเดย์ให้บริการเชิงพาณิชย์ 29 ก.ค.นี้ ส่วนแนวคิดเลิกสัมปทานลั่นไม่เคยอยู่ในแผนความเสี่ยง เร่งตั้งทีมทำงานศึกษาผลกระทบเสนอไอซีทีแล้ว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-07- 2010)
เรียก 2 บอร์ดถกด่วนสะสางเรื่องไทยคมมึนผลสรุปคนละทาง แหล่งข่าวจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า แม้ผลการตรวจสอบความเสียหาย และความผิดในสัญญาสัมปทานดาวเทียม ที่บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ทำไว้กับไอซีที ออกมาแล้วก็ยังไม่ได้ข้อสรุปและยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะถือว่าคณะกรรมการมาตรา 22 ว่า ด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมการงานประกอบกิจการร่วมกับรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) ได้ส่งสรุปผลการตรวจสอบแล้วตามกรอบเวลาที่กำหนด และมั่นใจว่ารายละเอียดต่างๆ เป็นไปบนพื้นฐานตามข้อเท็จจริง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 28-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ

ยุโรป: ยูโรดีดตัว รับผลประกอบการดอยช์แบงก์-ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนี ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ก.ค.) หลังจากเยอรมนีรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพุ่งขึ้น และธนาคารดอยช์แบงก์และยูบีเอส เอจี ซึ่งเป็น 2 ธนาคารยักษ์ใหญ่ของยุโรป รายงานผลประกอบการที่สดใส อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ร่วงลงอย่างหนักในเดือนก.ค. ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.02% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2997 ดอลลาร์ จากระดับของจันทร์ที่ 1.2994 ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.65% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5585 ดอลลาร์ จากระดับ 1.5484 ดอลลาร์ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-07-2010)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.ร่วง บ่งชี้ผู้บริโภคกังวลแนวโน้มศก.-อัตราว่างงาน สำนักงานคอนเฟอเรนซ์บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.ร่วงลงสู่ระดับ 50.4 จุด จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ54.3 จุด ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 51.0 จุด และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 เดือน สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความวิตกกังวล
เกี่ยวกับอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงและภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-07-2010)
เอเชีย: ธนาคารกลางอินเดียประกาศขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% ธนาคารกลางอินเดียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย repo rate 0.25% เป็น 5.75% ในการประชุมวันนี้ และได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย reverse repo rate 0.50% เป็น 4.5% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นในสัดส่วนที่มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ โดยอัตราดอกเบี้ย repo rate เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางอินเดียปล่อยกู้ระยะสั้นให้กับธนาคารพาณิชย์ ส่วนอัตราดอกเบี้ย reverse repo rate เป็นอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 27-07-2010)
เอเชีย: เกาหลีใต้เผยยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนมิ.ย.พุ่งสูงสุดในรอบ 1 ปี หลังศก.ฟื้นกระตุ้นดีมานด์สินค้า ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า เกาหลีใต้มียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.04 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี จากเดือน พ.ค.ที่ระดับ 3.82 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกช่วยกระตุ้นดีมานด์การนำเข้ารถยนต์และเซมิคอนดัคเตอร์จากเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นมาตรวัดการค้าระหว่างประเทศ ที่รวมถึงสินค้า การบริการ รายได้จากการลงทุน รายได้จากการนำเข้าและ ส่งออก เศรษฐกิจเกาหลีใต้ขยายตัวในอัตรา 1.5% ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งสนับสนุนมุมมองของผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ที่ว่าภูมิภาคเอเชียสามารถ ต้านทานความเสี่ยงต่างๆที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมทั้งวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปได้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น