Code 119 : 2 สาเหตุหลักที่ทำให้ SET วิ่งสวนชาวบ้าน แต่บ่ายลง

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม 2553

ATT Code : สาเหตุหลักที่ทำให้ SET วิ่งสวนชาวบ้าน แต่บ่ายลง

TNS : 2 สาเหตุหลักที่ทำให้ SET วิ่งสวนชาวบ้าน คือ
1) การเมืองไทย หลัง DSI สั่งไม่ฟ้อง TPIPL ในคดีเงินบริจาค 258 ลบ.ให้พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทำให้ความเสี่ยงน้อยลงที่จะถูกยุบพรรค & วันนี้ครม.อาจพิจารณายกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพิ่มในบางจังหวัด และ
2) การขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปลายปีหน้าแทน (ซึ่ง Bloomberg คาดกำไรจะโตต่อเนื่องอีก 18.3% vs. +16.8% ปีนี้) แต่ทั้งนี้ยิ่งสูงยิ่งหนาว แนะทยอยขายทำกำไรแถวๆ 840 +/- แล้วรอซื้อใหม่แถวๆ 800 +/- วันนี้จับตามือถือ DTAC ไปต่อ ส่วน TRUE ร้อนได้อีก

FSS - Energy&Petrochemical : ระยะสั้นแนะนำขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี หลังจากราคาปิโตรที่ร่วงลงต่อเนื่อง

เช้าขึ้น
พลังงาน-ธนาคาร ดันหุ้นไทยปิดตลาดเช้า ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.61 จุด

บ่ายลง
ช่วงเช้า SET ทะลุแนวต้าน BB Top 833 ไป high ที่ 836 ก่อนที่ช่วงบ่ายจะมีแรงขายและไหลลงมา low ที่ 820 ก่อนจะปิด -5.99 จุด ที่ 824.41 ตรงเส้นแนวรับ 5 วัน ที่ 824 พอดี ดังนั้น SET วันนี้ก็ขึ้นไปชนแนวต้านและกํมีแรงขายลงมาปิดที่แนวรับพอดี ทำให้ Ossilator ต่างๆ นั้น เริ่มที่จะแสดงให้เห็นว่าอาจจะเป็น Bearish Divergence เช่น STO SRI MACD เริ่มตัดลงแล้ว

---------------------------------------------------------------------------------------------
FSS-Special report : หุ้น Big cap กดดันดัชนี แต่หุ้น Small cap อาจไปต่อได้...ไม่เพิ่ม แต่ปรับพอร์ต
o ความสนใจของตลาดในสัปดาห์นี้อยู่ที่ผลของ Stress Test ของ 91 แบงก์ใน 20 ประเทศในยุโรปในวันศุกร์ ซึ่งมีแนวโน้มว่าแบงก์ส่วนใหญ่อาจสอบผ่านเพราะแบงก์ที่เลือกมาเทสต์ส่วนใหญ่เป็นแบงก์ขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว และก่อนหน้านี้แบงก์ในโปรตุเกสและเยอรมนีรายงานว่าสอบผ่านเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งผลประกอบการ 2Q10 ของกลุ่มแบงก์ในบ้านเรา ซึ่งมีแนวโน้มออกมาดี เราคาดกำไรใน 2Q10 -3.6% Q-Q และ +16.1% Y-Y แบงก์ที่กำไรจะออมาโตทั้ง Q-Q และ Y-Y ได้แก่ KBANK, KTB, TMB, TCAP, BAY แต่เราไม่แนะนำ BAY ส่วน BBL ต้องลุ้นว่าจะนำกำไรไปกลบกับการตั้งสำรองหรือไม่ รวมถึงผลประกอบการของหุ้นในสหรัฐฯ 12 หลักทรัพย์ใน Dow Jones และ 122 หลักทรัพย์ใน S&P500 ที่สำคัญมี Goldman Sachs, Pepsi, Apple ,Yahoo (อังคาร) Morgan Stanley, Coca-Cola, USBancorp (พุธ) นอกนั้นเป็นตัวเลขเกี่ยวกับบ้าน – ยอดขายบ้านเก่า บ้านใหม่ ยอดการก่อสร้าง

----------------------------------------------------------------------------------
ตัวเลขเช้านี้ 20/07/53
ข้อมูลอื่นๆ ......SET ปิดที่ 830.40 จุด +2.86 จุด High 834.02 จุด low 826.09 จุด......แนวรับ 826-820 // 812-808 จุด แนวต้าน 836-840 จุด......PE SET 12.97 เท่า.........สัดส่วนการซื้อขาย ฝรั่งขาย 889.48 ล้าน กองทุนขาย 1519.64 ล้าน….......โบรกเกอร์ ที่ net buy BLS 444, TNS 256, FSS 241, BSEC 137 และ ASP 101……..โบรกเกอร์ที่ net sell CLSA -555, CS -322, KGI -295, MACQ -262, PHATRA -171 และ UBS -153........TFEX SET50 ปิดที่ 563.22 จุด +1.70 จุด.......S50U10 ปิดที่ 557.20 จุด +1.10 จุด .... high 560.40 จุด low 552.90 จุด OI 19,930 ….......status futureวานนี้ Foreign net SHORT 96 - Fund net SHORT 1897 - Retail net LONG 1993........ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJ ปิด +56.53 จุด….ยุโรปปิด -0.5 ถึง -1% ......ตลาดเอเซียเช้านี้ 9.20 น. NIX -113.22 จุด , HSKI +64.42 จุด, TWSE -10.38 จุด, KOSPI -6.38 จุดและSHCOMP +25.57 จุด.....ดาวโจนส์ในตลาดล่วงหน้า -9 จุด.......ค่าเงิน - เงินบาท 32.29…เงินเยน 86.92……...COMODITY.... น้ำมัน NYMEX ส่งมอบ ส.ค. ปิดที่ 76.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล +0.53 ดอลล์.........ค่าการกลั่น 4.44 ดอลล์........ทองคำ COMEX ปิดที่ 1181.90 เหรียญ -6.30 ดอลล์ ......BDI ปิดล่าสุดอยู่ที่ 1732 จุด +12 จุด …...ราคาสังกะสีในตลาด LME ล่วงหน้า 3 เดือนปิดล่าสุดที่ 1808.00 ดอลลาร์ต่อตัน -17.0 ดอลล์
สินค้าเกษตร...ราคาตลาดจริง (หน่วย : บาท/ กก.) ….ข้อมูลจาก WEB Site ของ AFET (www.afet.or.th)
ราคาประมูลยางแผ่นรมควันชั้น 3 (19/07/10) Hatyai A.M. 101.63 บ. +0.11 บ. // FOB.BKK 105.90 บ. +0.20 บ.
ราคาข้าวขาว 5% (19/07/10) 12.68 บ. -0.07 บ.
ราคาข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 (19/07/10) 28.68 บ. -0.04 บ.

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น - หุ้น TPIPL-SAMART!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 19 ก.ค.53 ปิดที่ 830.40 จุด เพิ่มขึ้น 2.86 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 30,138.37 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 889.48 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นว่า มีโอกาสขยับขึ้นได้ต่อ หลังดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ที่ยังต้องจับตาคือตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศ เช่น ตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ และการลงนามการปฏิรูประบบการเงินของสหรัฐฯ ส่วนช่วงปลายสัปดาห์นี้ต้องติดตามผลการทดสอบความแข็งแกร่งของสถาบันการเงินของยุโรป

ทั้งนี้ หากตลาดช่วงนี้ไม่ได้มีปัจจัยลบมากระทบมากนัก ดัชนีมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะ 850-860 จุด ซึ่งเป็นจังหวะที่นักลงทุนจะแบ่งขายทำกำไรได้ หรือจะเลือกเทรดดิ้งเก็งกำไรหุ้นรายตัว ประเมินแนวรับดัชนีไว้ที่ 825-820 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 835-840 จุด

มาโฟกัสข่าวและหุ้นรายตัว โดยหุ้น TPIPL ทำนิวไฮในรอบ 32 เดือน หลังดีเอสไอสั่งไม่ฟ้องในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ กรณีการจ่ายเงินค่าจ้าง

บริษัททำสื่อโฆษณา 258 ล้านบาท เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ จากกรณีที่ TPIPL ได้จ่ายเงินค่าจ้างแก่บริษัท เมสไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด เพื่อจัดทำสื่อโฆษณาและป้ายประชาสัมพันธ์มูลค่า 258 ล้านบาท ซึ่งเมสไซอะฯได้นำเงินดังกล่าวไปจัดทำสื่อโฆษณาให้กับพรรคประชาธิปัตย์

ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส ระบุว่า กรณีดังกล่าวอาจมีผลทางจิตวิทยา แต่ไม่ได้มีผลต่อปัจจัยพื้นฐาน ทั้งนี้ แนะ "ทยอยขายทำกำไร" สำหรับหุ้น TPIPL หลังราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามากเกินราคาเหมาะสมที่ระดับ 9.22 บาท ขณะที่มีความเสี่ยงสำคัญจากคดีเงินค่าปรับ 6.9 พันล้านบาท

ขณะที่หุ้น SAMART ทำจุดสูงสุดเกือบ 2 ปี หลังโบรกเกอร์มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากโครงการรถ NGV ที่จะเข้า ครม. อีกทั้งยังเป็นหุ้นสื่อสารที่น่าสนใจ ช่วงที่แผนพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมยังไม่ชัดเจน โดย บล.ทรีนีตี้ แนะ "ซื้อ" หุ้น SAMART ให้ราคาเหมาะสม 7.65 บาท มองว่า SAMART มีแนวโน้มจะได้ประโยชน์จากโครงการรถยนต์เอ็นจีวี หาก SAMART ชนะประมูลจะมีมูลค่าเหมาะสมเพิ่มอีก 2-3 บาท

ส่วนกรณีแนวคิดการแปลงสัมปทานรับ 3G ทรีนีตี้ระบุว่า ประเมินได้ยากว่าหุ้นตัวใดจะได้รับประโยชน์สูงสุด เพราะยังไม่มีการระบุถึงรายละเอียดของสูตรการจ่ายเงินชดเชยอายุสัมปทาน ทำให้นักลงทุนอาจหลบไปเลือกหุ้นสื่อสารอื่นอย่าง SAMART.

ไทยรัฐ - "มาบตาพุด"ทำปตท.สผ.หืดจับขุดน้ำมันในไทย
บ่ายหน้าลงทุนต่างประเทศเนื่องจากทั่วโลกมีการใช้พลังงานที่สูง ทำให้ในอนาคตการหาแหล่งน้ำมันในไทยและประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มเติมทำได้ลำบาก....

ปตท.สผ.ชี้แหล่งน้ำมันในไทยเริ่มหายาก เล็งขยายลงทุนต่างประเทศเพิ่มหลังตะลุยลงทุนขุดเจาะมาแล้ว 13 ประเทศ ยอมรับแหล่งน้ำมันในไทยแม้มีศักยภาพแต่เทคโนฯที่ใช้ยังไปไม่ถึง ห่วงปัญหามาบ-ตาพุดทำให้การขุดเจาะน้ำมันในอนาคตต้องลงทุนช้าเกือบ 2 ปี

นายลือชัย วงศ์สิรสวัสดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและบริการธุรกิจ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ปตท.สผ.มีแผนที่จะขยายการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น หลังจากปัจจุบันมีโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกว่า 40 โครง- การใน 13 ประเทศแล้ว เช่น พม่า, เวียดนาม, มาเลเซีย, ออสเตรเลีย, โอมาน, อิหร่าน เนื่องจากทั่วโลกมีการใช้พลังงานที่สูง ทำให้ในอนาคตการหาแหล่งน้ำมันในไทยและประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มเติมทำได้ลำบาก เบื้องต้นจะเน้นในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

ทั้งนี้ การขยายการลงทุนในต่างประเทศยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ ปตท.สผ.มีความกังวลมาก เช่น การขาดแคลนเจ้าหน้าที่ในระดับวิศวกรและนักธรณีวิทยา ที่บริษัทขุดเจาะน้ำมันทั่วโลกต้องแย่งซื้อตัวกันโดยแหล่งขุดเจาะแต่ละแห่งจะใช้เจ้าหน้าที่ 200 คน

เบื้องต้นมีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยจ้างคนในพื้นที่มากขึ้น พร้อมสร้างเด็กใหม่ขึ้นมาโดยการให้ทุนการศึกษาปีละ 20-25 ทุน เพื่อรองรับการขยายงานในอนาคต สำหรับการดำเนินการในประเทศไทยพบว่า ในแต่ละปี ปตท.สผ.ต้องมีการขุดหลุมใหม่ในการหาน้ำมันดิบปีละ 200-300 หลุม หรือใช้งบประมาณเกือบ 10,000 ล้านบาท โดยเฉลี่ยการใช้เงินในการขุดเจาะเฉลี่ยหลุมละ 32-33 ล้านบาท

นายลือชัยกล่าวว่า ในอนาคตต้องยอมรับว่าราคาน้ำมันดิบของโลกต้องมีราคาแพงขึ้น เพราะผลจากการหาแหล่งน้ำมันที่ลำบากและมีการขุดเจาะที่ยาก ทำให้ต้นทุนการขุดเจาะในส่วนของแหล่งใหม่ทั่วโลกจะอยู่ที่ 60-70 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ต่างจากต้นทุนการผลิตในประเทศของ ปตท.สผ.ในปัจจุบันเฉลี่ยที่ 5-6 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เนื่องจากดำเนินการขุดเจาะมานานและการหาแหล่งขุดเจาะยังไม่ลำบากเหมือนในอนาคต "เทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันสามารถดึงน้ำมันมาใช้ได้เพียง 20-25% ของปริมาณที่สำรวจพบใต้ดิน โดยเฉพาะแหล่งน้ำมันสิริกิติ์ในโครงการเอสวัน 1 ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันบนบกขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทยที่สำรวจพบ 1,000 ล้านบาร์เรล แต่สามารถนำมาใช้ได้เพียงเกือบ 200 ล้านบาร์เรล ซึ่งในอนาคตคงต้องรอบริษัทชั้นนำของโลกพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในการดึงน้ำมันที่เหลือต่อไป"

นายลือชัยกล่าวว่า ในอนาคตการลงทุนโครงการสำรวจขุดเจาะน้ำมัน ต้องมีการวางแผนดำเนินการล่วงหน้าก่อนเกือบ 2 ปี นานกว่าอดีตที่วางแผนเพียง 9-10 เดือน เนื่องจากปัญหาการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่ผ่านมาทำให้หน่วยงานราชการอนุมัติโครงการยากขึ้น ส่วนขั้นตอนของการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และรายงานผลกระทบต่อสุขภาพ (เอชไอเอ) ปตท.สผ.ไม่ได้วิตกกังวล เพราะที่ผ่านมาในการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันแต่ละครั้ง ปตท.สผ.ก็ได้ทำรายงานอีไอเอซึ่งครอบคลุมถึงการรายงานเอชไอเอด้วย

"ในอดีตขั้นตอนการทำอีไอเอใช้เวลาเพียง 9 เดือน และเคยได้รับเร็วที่สุดเพียง 3 เดือน แต่ในอนาคตคงต้องใช้เวลานานมากแน่นอนก่อนที่จะลงมือขุดเจาะน้ำมัน ส่วนผลพวงจากปัญหามาบตาพุด แม้ ปตท.สผ.จะไม่มีโครงการใดต้องชะลอตามคำสั่งศาลปกครอง แต่อาจทำให้รายได้ส่วนหนึ่งต้องชะงักตามด้วย เพราะโรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งที่ 6 ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยังเปิดไม่ได้ ส่งผลให้ก๊าซธรรมชาติที่ขุดเจาะเจอในอ่าวไทยไม่สามารถนำไปจำหน่ายได้".

FSS:ยังเน้นเลือกเข้าเทรดดิ้งเป็นรายตัว และตลาดขึ้นต่อควรทยอยขายทำกำไรด้วย
แนวโน้ม: แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐยังออกมาอ่อนแอต่อเนื่อง โดยล่าสุดดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐเดือน ก.ค. ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ เม.ย.09 แต่ตัวเลขผลประกอบการของ บจ.ต่างๆ ในสหรัฐเริ่มกลับมาดูดีขึ้นอีกครั้ง โดยนักลงทุนคาดกันว่าผลการดำเนินงานของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จะประกาศออกมาดีเช่นเดียวกับตัวเลขของ บ.อินเทลเมื่อสัปดาห์ก่อน นอกจากนี้ข้อมูลของธอมสัน รอยเตอร์ยังบ่งชี้ว่าผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทใน S&P 500 จะเพิ่มขึ้นถึง 30.2% จากปีก่อน ช่วยส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐสามารถดีดกลับมาปิดบวกได้สำเร็จ ส่งผลให้ตลาดหุ้นในเอเชียเช้านี้เริ่มมีจังหวะรีบาวด์ขึ้นมาเป็นบวกได้ด้วย ซึ่งช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยจะค่อนข้างแข็งแรงกว่าเพื่อนบ้านพอสมควรอยู่แล้ว ดังนั้น FSS คาดว่าโอกาสที่ SET จะยังสามารถแกว่งบวกต่อเนื่องจึงยังมีความเป็นไปได้อยู่ อย่างไรก็ตามเราคาดว่า SET จะยังขยับขึ้นด้วยการเลือกซื้อเป็นรายหลักทรัพย์ โดยเฉพาะในหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการรายไตรมาสจะออกมาดี หรือมีเงินปันผลงวดครึ่งปี และที่สำคัญราคาตลาดยังขยับขึ้นไม่มากนัก ส่วนหุ้นที่ราคาตลาดขึ้นมาตอบรับไปมากแล้ว อาจจะต้องเริ่มระวังแรงขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศในช่วงนี้เริ่มมีออกมามากขึ้น แสดงถึงความไม่มั่นใจต่อสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกยังมีแรงกดดันอยู่ รวมทั้งอาจจะมีนักลงทุนบางส่วนที่อยากรอดูความชัดเจนของการทดสอบภาวะวิกฤติในหุ้นแบงก์ยุโรปช่วงปลายสัปดาห์นี้ก่อนด้วย
กลยุทธ์: ยังเน้นหาจังหวะขายทำกำไรมากกว่าซื้อตาม ยิ่งถ้า SET เข้าใกล้ 840 จุดยิ่งควรชะลอการเข้าซื้อ ส่วนหุ้นที่ยังลุ้นต่อได้ ได้แก่ ROJNA, TKS, TRC, BECL, GLOW, CPN, DTAC, BCP, TNDT เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
§ ประชุม ครม.วันนี้ จับตาการเพิ่มพื้นที่ยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน แต่ไม่มีวาระเรื่องมาบตาพุด
§ 3G ผลการประชุม ครม.วานนี้ มีมติให้ยกเลิกสัมปทานมือถือ 2G เปลี่ยนเป็นการให้ License อายุ 15 ปีแทน โดยตั้งคณะทำงานให้ศึกษาให้เสร็จภายใน 30 วันก่อนเปิดประมูล 3G อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลเสนอให้ ถ้าเอกชนและ กทช.ไม่เห็นด้วย ทุกอย่างก็จบ และมีข่าวว่านายกฯ อยากให้ยืดการประมูล 3G ไปก่อน สำหรับเราให้น้ำหนักกับ 3G มากกว่า ส่วนการเปลี่ยนสัมปทาน 2G มาเป็น License นั้นเชื่อว่าเอกชนจะเสมอตัวเพราะ Upfront fee ที่เอกชนต้องจ่ายจะเท่ากับโอกาสธุรกิจที่เหลือของสัมปทาน แต่การแปรสัมปทานเช่นนี้ทำให้โอกาสที่ 3G จะเลื่อนมีสูงขึ้น เราจึงมองค่อนข้างลบกับการแทรกแซงของรัฐ อย่างไรก็ตาม DTAC ยังเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q10 เย็นนี้ได้ ประกอบกับราคาหุ้นปัจจุบันก็ยังต่ำกว่ามูลค่าของ 2G
§ TCAP รายงานกำไรดีตามคาด โดยเพิ่มขึ้น 2% Q-Q และ 84% Y-Y ในไตรมาสนี้รวม SCIB เข้ามา 1 เดือน และผลกระทบทางบัญชีทำให้ Book value ลดลง 1 บาทจาก 26 บาทเป็น 25 บาท แต่ทำให้ ROE เพิ่มขึ้นเป็น 16% annualized เรายังคงชอบ TCAP ประเมินราคาเป้าหมาย 34 บาท แต่ราคาหุ้นปัจจุบันมี upside เพียง 8% แนะนำถือหรือซื้อเมื่ออ่อนตัว
§ Foreign Fund Flow วานนี้เบาบางมาก เนื่องจาก Risk และ Safety อยู่ในระดับดุลยภาพ Earnings Season ซึ่งมีทั้งดีกว่าคาดและต่ำกว่าคาด ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังชะลอตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้นักลงทุนเฝ้ารอผลการทดสอบฐานะของแบงก์ในยุโรปที่คาดว่าจะออกมาในสุดสัปดาห์นี้ ในขณะที่ค่าเงินยูโรและค่าเงินบาทยังคงแข็งแกร่ง ฉะนั้นเราจึงแนวโน้ม Fund Flow น่าจะยังทรงตัวและเบาบางในช่วงนี้ไปก่อนจนกว่าจะมีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบตลาด

ข่าวภายในประเทศ
DTAC ผ่าหมากล้ม3จี กทช.ลั่นไม่เอี่ยวด้วย DTAC คิดการใหญ่ถึงขั้นล้มประมูลไลเซ่นส์ 3จี จี้ทบทวนเปิดประมูล ควรรอให้คลังเดินหน้าเลิกสัมปทานให้เสร็จก่อน ช้ำใจหลังกทช.เข้มกฎคืนคลื่น ระบุเป็นความเสี่ยงที่รับไม่ได้ หากต้องเอาคลื่น 1800 และ 850 เมกะเฮริตช์ไปยังกสทฯ ฟากคู่แข่ง AIS-TRUE เห็นต่างสุดขั้ว ยันสัมปทานเดิม 2จีไม่เกี่ยว 3จี อย่าดึงมาปนกัน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-07-2010)
IVL กำไร 1.7 พันล้านเป้าหมายลิ่ว 23 บาท ทีเด็ดหุ้นปิโตรเคมี รับผู้ผลิต PET ที่หนึ่งของโลก IVL ลั่นผลประกอบการไตรมาส 2/53 ไม่ต่ำกว่าไตรมาสแรก วงในระบุตัวเลขกำไรสุทธิ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% ถือว่าโดดเด่นสุดกลุ่มปิโตรเคมี อานิสงส์กำลังการผลิตใหม่เพิ่ม บวกราคาผลิตภัณฑ์อยู่ระดับแข็งแกร่ง แม้ปิโตรเคมีตัวอื่นอ่อนค่าลง เตรียมงบลงทุน 2,000 ล้านบาท เพื่อซื้อกิจการ โบรกฯแนะนำซื้อลงทุนให้ราคาเป้าหมาย 23 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-07-2010)
LOXLEY ปันผลรอบ 3 ปี ยีลด์ 8% บิ๊ก LOXLEY เตรียมล้างขาดทุนสะสม โชว์รายได้ 1 หมื่นล้านบาท ปีนี้กำไรพุ่ง 500 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 40% พร้อมจ่ายปันผล 0.12-0.15 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น Dividend yield 6.25-8% ครั้งแรกในรอบ 3 ปี ส่วนกำไรสะสมพุ่งเกือบพันล้านบาท ราคาพื้นฐานปีนี้ 3.50 บาท พีอี 15 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม พร้อมขยับช่องทางหารายได้เพิ่ม หวังปูพรมเจาะกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุม เพิ่มจุดเติมเงิน ล่าสุดจับมือพาร์ทเนอร์ร้านไอที ขายยูเอสบี ดองเกิลเพิ่ม ลูกค้าล่าสุดมีแล้วหมื่นราย (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-07-2010)
SIRI เพิ่มเป้ารายได้ 2 หมื่นลบ. เล็งปรับราคาบ้าน 5-10% ส.ค.นี้-ดบ.พุ่งไม่กระทบกำลังซื้อ "แสนสิริ” ปรับเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้แตะ 2 หมื่น ล้านบาท โต 15-17% จากเป้าเดิม 1.8 หมื่นล้านบาท เหตุคาดยอดขายปีนี้เกิน 2.2 หมื่นล้านบาท หลังครึ่งแรกโชว์ยอดขาย 1 หมื่นล้านบาท ครึ่งหลังลุยเปิด 21 โครงการ 3.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่เดือนส.ค.นี้เล็งขึ้นราคาขายบ้านอีก 5-10% หลังแนวโน้มราคาวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น ส่วนดอกเบี้ยขาขึ้นเชื่อไม่กระทบกำลังซื้อของลูกค้า เหตุดีมานด์ยังสูง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-07-2010)
RATCH ซื้อยันฮีโซล่า ผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์เชื่อเดินเครื่องต.ค.นี้ นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่าบริษัท ราชบุรีพลังงาน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นทั้งจำนวน ได้เข้าร่วมลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยการเข้าซื้อหุ้นสัดส่วน 60% บริษัท ยันฮี โซล่า เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการ และได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นและสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นในวันที่ 19 ก.ค.53 ที่ผ่านมา (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-07-2010)
CSL ส่งซิกครึ่งปีแรกรายได้ไปได้สวย โชว์ตัวเลขลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 200 ราย CSL แย้มครึ่งปีหลังไปได้สวย ฐานลูกค้าองค์กรขยายตัวดีต่อเนื่อง เดินหน้าหาลูกค้าใหม่เพิ่ม 100-200 ราย ตั้งเป้ารายได้-กำไรทั้งปี น่าจะทำได้ดีกว่าปีก่อนที่ทำได้ 2,614 ล้านบาท โบรกฯคาดแนมโน้มรายได้ไตรมาส 2/53 ใกล้เคียงไตรมาส 1/53 ที่ทำได้ 652 ล้านบาท กำไรสุทธิ 86 ล้านบาท แนะนำถือเพื่อรอเงินปันผล คาดจ่ายระหว่างกาลที่
0.20 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-07-2010)
TMT มั่นใจตัวเลขไตรมาส 2 แจ่ม ราคาเหล็กเริ่มฟื้นตัว เป้าทั้งปีเติบโตกว่า15% TMT มั่นใจรายได้ไตรมาส 2/53 ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1/53 ที่ 1,728 ล้านบาท หลังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง ดีมานด์เริ่มกลับมา หนุนให้รายได้ทั้งปีโต 10-15% จาก 5,663 ล้านบาทตามเป้าที่ตั้งไว้ คาดจีนยกเลิกคืนภาษีส่งออกเหล็ก หนุนราคามีเสถียรภาพ-ลดการแข่งขัน เชื่อรับอานิสงส์เต็มๆ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป:
ยูโรสแตทเผยผลผลิตในอุตสาหกรรมก่อสร้างของกลุ่มยูโรโซนหดตัวลง 1% เดือนพ.ค. สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ผลผลิตในอุตสาหกรรมก่อสร้างของประเทศในกลุ่มยูโรโซน หรือ 16 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร หดตัวลง 1.0% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และหากเทียบเป็นรายปี ตัวเลขดังกล่าวร่วงลง 6.3% นอกจากนี้ ยูโรสแตทเปิดเผยว่า ผลผลิตในอุตสาหกรรมก่อสร้างของ
27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ปรับตัวลง 0.6% ใน เดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และหดตัวลง 2.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ โรมาเนีย มีผลผลิตในอุตสาหกรรมก่อสร้างที่หดตัวลงรุนแรงที่สุดคือ 6.6% ขณะที่ผลผลิตในอุตสาหกรรมก่อสร้างของสาธารณรัฐเชคพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 7.2% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-07-2010)
สหรัฐอเมริกา: ผลสำรวจชี้บริษัทในสหรัฐเล็งจ้างพนักงาน-เพิ่มการใช้จ่ายมากขึ้นในอนาคต ผลสำรวจชี้บริษัทสหรัฐหลายแห่งมีแผนจ้างพนักงานและเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อซื้ออุปกรณ์ใหม่ๆ มากขึ้นในช่วง 6 - 12 เดือนนี้ แม้ว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการชะลอตัวก็ตาม ผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ที่จัดทำโดยสมาคม National Association of Business Economics (NABE) ระบุว่าสัดส่วนของภาคธุรกิจที่คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนต่อจากนี้พุ่งสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 25 จุด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 21 จุดในเดือนเม.ย. นอกจากนี้ กลุ่มผู้ตอบสอบที่คาดว่าจะบริษัทต่างๆ จะเพิ่มการใช้จ่ายเงินทุนนั้นมีสัดส่วนสูงกว่ากลุ่มที่คาดว่าจะลดลงอยู่ 25 จุด (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-07-2010)
เอเชีย: IMF เล็งเพิ่มการปล่อยกู้อีก $2.50 แสนล้านในที่ประชุม G20 มุ่งรับมือวิกฤตการเงิน เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเกาหลีใต้เปิดเผยว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กำลังมองหาช่องทางที่จะเพิ่มปริมาณการปล่อยเงินกู้เป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันที่ระดับ 7.50 แสนล้านดอลลาร์ ในการประชุมสุดยอด G20 ที่ประเทศเกาหลีใต้ในเดือนพ.ย.นี้ โดยมีเป้าหมายที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการเงินทั่วโลก เพื่อให้สามารถรับมือกับวิกฤตการณ์การเงินได้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-07-2010)
เอเชีย: พอสโคเตรียมสร้างโรงงานเหล็กในจีน หวังป้อนวัตถุดิบให้อุตสาหกรรมยานยนต์ พอสโค ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของเกาหลีใต้เผยว่า บริษัทได้ทำข้อตกลงกับมณฑลจีหลินของจีน เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในอุตสาหกรรมเหล็ก ยานยนต์ การก่อสร้าง และอื่นๆ ซึ่งภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ทางบริษัทจะมีส่วนร่วมในการก่อสร้างโรงงานเหล็กและการพัฒนาวัตถุดิบ รวมทั้งจัดหาผลิตภัณฑ์เหล็กที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และรถไฟ นอกจากนี้ บริษัทยังจะร่วมมือกับมณฑลจีหลินในการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพด้วย (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-07-2010)
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น