Code 109 : ผ่าน 808 มา 3 ครั้งแล้ว วันนี้จะยืนไหวมั้ย

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม 2553

ATT Code : ผ่าน 808 มา 3 ครั้งแล้ว วันนี้จะยืนไหวมั้ย
เช้านี้ SET เปิด ที่ 805.25 จุด สามารถยืนเหนือเส้น 5 วัน ที่ 804 ได้ โดยที่ปิดเช้าปรับเพิ่ม 2.63จุด ปิดตลาดที่ 806.66 จุด V.12,204.39 ล้านบาท โดยมีอสังหาฯดันหุ้นไทย ... โดยหลังจากที่เปิดภาคบ่ายที่ 805.51 จุด แล้ว SET ก็ยังสามารถยืนเหนือ 808 จุด ได้อย่างยั่งยืน โดยแตะ 808 เป็นครั้งที่ 4 แล้ว และขึ้นไป High ที่ 811 จุด สอดคล้องกับนักวิเคราะห์ที่คาดว่าอาจจะไปแถว 814-817 ได้ โดยมีตลาดหุ้นเอเซียและ DJ Future ยังอยู่ในแดนบวก ก็ทำให้ Sentiment ของตลาดหุ้นไทยดูดีไปด้วย

หุ หุ....ต้องบอกว่า SET บ้านเราคงอั้นมานาน ผ่าน 808 จุด มา 3 ครั้งแล้ว ซึ่งตอนเช้าก็ยังลุ้นอยู่ว่าจะยืนได้หรือไม่ และต่างชาติก็ NET Sell อยู่ประมาณ 500 ล้าน แต่สุดท้าย พอ Break Triple Top ที่ 808 แล้ว วันนี้ก็ลากซะทะลุเป้าหมายที่คาดไว้ที่ 815 เร็วเหลือเกิน โดยมี พลังงาน อสังหา และ แบงค์ พร้อมใจกันยกตลาดหุ้นไทยไปยืนเหนือ 815 ได้ แถมต่างชาติกลับใจมาซื้อสุทธิ 500 ล้าน และก็เป้าหมายสุดท้าย คือ 820 (High เดิม) ตามที่ได้คาดไว้ใน Code 103 และอาจจะมีไหลขึ้นต่อไปที่แนวต้านของ BB Top ที่ 822ได้อยู่ แต่หลังจากนั้นก็ต้องดูว่าจะ Break ไปได้หรือไม่ หรือจะมีแรงขายทำกำไรและข่าวที่จะมากระทบทำให้หุ้นปรับตัวลงมาได้อีกในครึ่งเดือนหลังของเดือนกรกฎาคมนี้ ตามที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ว่าแนวโน้มหลักยังเป็นขาลงได้อยู่

--------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Aanalysis
6 กค .53 ( +1.46 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ไม่ควรต่ำกว่า 801 จุด เส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง
ตราบใด ไม่ต่ำกว่า 801 จุด ดัชนีพอจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเล็กน้อย แถว 814 – 817 จุด ภายในวันอังคารหรือพุธนี้ หรือประมาณระยะทางนับจากจุดต่ำสุดของวันที่ 25 ถึงจุดสูงสุดของวันที่ 28 มิย.

อย่างไรก็ตามสำหรับภาพเดือน กค. นี้ ตลาดยังคงมีแนวโน้มหลัก ที่จะปรับตัวลงเช่นเดิม โดยเฉพาะการปรับตัวลง ต่ำกว่า 801จุด ซึ่งเป็นบริเวณแนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง ดัชนีจะมีเป้าหมายการปรับตัวลงสำหรับภาพเดือน กค. นี้ บริเวณ 730– 750 จุด ซึ่งเป็นบริเวณแนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์

แกว่งตัว 804 - 808
เกิน 808.44 จุดสุงสุดเช้านี้ ขึ้นต่อได้ 814 - 817 ต่ำกว่า 802 เส้น 25 ชม. ลง 787 - 790 แต่แนวโน้มหลักระยะเดือน ดัชนีเป็น "ขาลง"

กลุ่มอสังหาดูน่าสนใจ QH LH อาจมีโอกาสมาต่อ พุธหรือพฤหัสนี้ ?

--------------------------------------------------------------------------------
SETTRADE.COM : บทวิเคราะห์ ภาวะตลาด
Market Talks
Afternoon Call (6-07-10)
ถ้ายืนเหนือ 805 ให้ซื้อเก็งกำไร
แกว่งตัวในกรอบแคบ
คาด SET ในกรอบแคบ

SETTRADE.COM : บทวิเคราะห์ เทคนิค
SIUM - SEE : KK TRUE
ระยะสั้นถ้าดัชนียืนเหนือ 800 จุดซื้อเก็งกำไร ต่ำกว่า 795 จุดขาย
ถอยรับ...เล่นเด้งสั้น
Set Analysis
Technical Analysis

SETTRADE.COM : บทวิเคราะห์
Afternoon session 6 Jul 10
NVDR
Market Talks
SIUM - SEE : KK TRUE
Afternoon Call (6-07-10)

SETTRADE.COM : บทวิเคราะห์ หุ้นรายตัว
SCB - ซื้อ-แนวโน้มสินเชื่อเติบโตแข็งแกร่ง
CPF - ซื้อ-ผลกระทบน้อยมากการการถูกตัดสิทธิจีเอสพีสำหรับกุ้งปรุงแต่งและแปรรูปจากไทย
BANPU - ซื้อส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ออสเตรเลียเพิ่ม

SETTRADE.COM : SAA Consensus หุ้นที่มีการ update วันนี้
BANPU
GLOBAL
KTB
PTTEP
THAI

RYT9.com : ข่าวหุ้น-การเงิน
ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดวันนี้ปรับตัวขึ้น ขณะหุ้นกลุ่มเหมืองดีดตัว
ภาวะตลาดหุ้นสิงคโปร์: สเตรทส์ไทม์ปิดบวก 24 จุด ตามกระแสตลาดเอเชีย
CK คาดภายในปี 53 เซ็นสัญญาก่อสร้างโครงการไซยะบุรี มูลค่า 7-8 หมื่นลบ.
PRIN คาดยอดรับรู้รายได้ปี 53ทะลุ 5พันลบ.,ตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิ 12-15%
กลุ่ม LH พุ่งแรงรับครึ่งปีหลังโตตามโครงการใหม่เพิ่ม-ราคาต่ำกว่าพื้นฐาน

KELive วิเคราะห์ภาพรวม
หยิบเงิน หยิบทอง (06/07/53)
SBL_PTTCH (06/07/10)
SBL_Follow Up (05/07/10)
หยิบเงิน หยิบทอง (05/07/53)
KELIVE Portfolio Model (05/07/53)

KELive วิเคราะห์รายหุ้น
Property Fund Watch (06/07/53)
HEMRAJ (1.45 บาท ) แนวโน้มสดใสจากกำไรที่จะโตก้าวกระโดดจาก Gheco-One
CIG-W2: ประเมินราคาวอแรนท์
BANPU (614.00 บาท : ซื้อ) ซื้อ Centennial coal ทั้งหมด 100% เพิ่มปริมาณสำรองถ่านหิน 70%
GLOBAL (4.56 บาท : ซื้อ) ปรับประมาณการกำไรสะท้อนแนวโน้มเชิงบวก

--------------------------------------------------------------------------------
FSS:เทคนิค SET ระหว่างวัน (6/07/10)
ตลาดเอเชียเริ่มพลิกกลับมาบวก ส่วนดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็เริ่มบวกแล้ว ขณะที่ SET แม้ว่าจะแกว่งไปบ้างแต่ก็ยังไม่หลุดแนวรับ ดังนั้นยังลุ้นแกว่งขึ้นต่อไปหาเป้าหมาย 820 จุดอยู่..

ส่วนการถือลงทุนมากกว่า 3 เดือน...ยังรอดัชนีลงต่ำกว่า 790 จุดอีกครั้ง ถึงจะเริ่มทยอยเข้ารับเพื่อเพิ่มพอร์ต ถ้าไม่ลง..ก็ถือเท่าที่มีอยู่ประมาณ 20% ของเงินลงทุนไว้เหมือนเดิม>

หุ้นที่น่าสนใจยังเป็นตัวเดิมๆ ได้แก่ BBL, KBANK, KK, TCAP, KH, TTW, PDI, TVO, LST, HANA, TRUE, MCOT, SIRI, PS, QH, BECL, TSTH, ESSO, MAJOR, PTTCH และ AMATA ยังลุ้นขยับหา 9.40-9.60 บ.ได้ ส่วน DTAC รอแถว 38 บ.หรือต่ำกว่า และ TMB รอต่ำกว่า 1.50 บ.ก่อนค่อยดูจังหวะซื้อใหม่!

----------------------------------------------------------------------------------
จีเอฟพีทีขายโรงงานกำไร 110 ล้าน :Source - เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ (Th)
บริษัท จีเอฟพีที (GFPT) ขายโรงงานแปรรูปปรุงสุกที่ใช้แล้วบางส่วนตามบัตรส่งเสริม การลงทุนบีโอไอ และให้เช่าพื้นที่โรงงานผลิตบางส่วนของโรงงานแปรรูปให้กับบริษัท แมคคีย์ ฟู้ด เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย)ในราคารวม 390 ล้านบาท

นายแพทย์อนันต์ ศิริมงคลเกษม ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่าคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้ขายทรัพย์สินดังกล่าว ในราคา 390 ล้านบาท สูงกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 280 ล้านบาท ณ วันที่ 31 มี.ค.2553 ทำให้เกิดกำไรทางบัญชี 110 ล้านบาทสำหรับผลประโยชน์ที่คาดว่าบริษัทจะได้รับ นอกจากผลตอบแทน 390 ล้านบาทแล้ว GFPT จะได้รับผลประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมอื่น ๆ อีก เช่นเมื่อแมคคีย์ ฟู้ดในฐานะผู้ขายหลักในระบบเครือข่ายการสั่งซื้อสินค้าของกลุ่ม McDonald's Asia-Pacific สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ ก็จะสามารถรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นของลูกค้ากลุ่ม McDonald's ได้ ซึ่งน่าจะทำให้ GFPT มียอดขายสินค้าเนื้อไก่สดให้แก่ แมคคีย์ ฟู้ด เพิ่มขึ้นประมาณปีละ 6,000 ตัน นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้นจากการให้บริการตรวจเชื้อจุลินทรีย์ในสินค้าของแมคคีย์ ฟู้ด ที่ผลิตเพิ่มขึ้นจากโรงงาน และ ให้เช่าพื้นที่ห้องเย็นเพื่อใช้เก็บสินค้าเพื่อการส่งออก นอกจากนี้บริษัท ซึ่งร่วมทุนในแมคคีย์ ฟู้ดฯก็จะมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นตามกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นของแมคคีย์ ฟู้ด

สำหรับบริษัทแมคคีย์ ฟุ้ดฯเป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัทฯ กับ บริษัท คีย์สโตน ฟู้ด คอร์ปอเรชั่น (ประเทศอเมริกา) และให้เช่าโรงงานที่จังหวัดสมุทรปราการ นาน 20 ปี

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-หุ้น BANPU!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 ก.ค.53 ปิดที่ 804.03 จุด บวก 1.46 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 22,043.90 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 952.11 ล้านบาท

หุ้น CPF ทำสถิตินิวไฮสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เข้าตลาด ที่ 21.20 บาท บวก 0.50 บาท ขณะที่ บล.เคจีไอ แนะ "ถือ" ประเมินราคาเป้าหมายที่ 21.75 บาท โดยมองว่าราคาเนื้อสัตว์ไตรมาส 2 ปี 53 ยังสูงต่อเนื่อง จากอุปทานที่มีจำกัด อันเป็นผลจากสภาวะอากาศร้อนอบอ้าวและโรคระบาดในปศุสัตว์ โดยคาดว่า CPF จะรายงานผลประกอบการที่ดีเยี่ยมในไตรมาส 2 จากอัตรากำไรที่สูงขึ้นและยอดขายที่อยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ เคจีไอยังปรับกำไรของ CPF ในปี 53 ขึ้น 1.1% เพื่อสะท้อนอัตรากำไรที่ดีในธุรกิจการเกษตร แต่ได้ปรับลดกำไรในปี 54 ลง 1.4% เนื่องจากคาดว่าราคาเนื้อสัตว์ที่ดีในปี 53 จะทำให้อุปทานมีมากขึ้นในปี 54

ส่วนหุ้น BANPU เด้งรับข่าวจะเทกโอเวอร์ "เซนเทนเนียน" เหมืองถ่านหินออสเตรเลีย โดยทุ่มเงินกว่า 2,500 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำให้ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมายในช่วง 705-740 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาซื้อขายในปัจจุบันทั้งสิ้น

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟาร์อีสท์ ระบุว่า มีมุมมองเป็นบวกต่อประเด็นข่าวนี้ ซึ่งการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อ BANPU ในการผลิตที่เพิ่มขึ้นและผลการดำเนินงานในอนาคต ซึ่งจะทำให้มีโอกาสที่จะขยับราคาเป้าหมายใหม่ขึ้น จากปัจจุบันที่แนะ "ซื้อ" และให้ราคาเป้าหมายที่ 705 บาท

ขณะที่ บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า หากซื้อ "เซน-เทนเนียน" สำเร็จ ฝ่ายวิจัยจะปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ BANPU ซึ่งจะทำให้มูลค่าที่เหมาะสมเพิ่มขึ้นอีก 72.59 บาท มาที่ 754.70 บาท นับเป็นประเด็นบวกในระยะยาวสำหรับการลงทุนในหุ้น โดยแม้ราคาทำ คำเสนอซื้อ "เซนเทนเนียน" จะสูงกว่าราคาตลาด แต่เพราะบ้านปูเห็นถึงโอกาสที่จะเข้าไปพัฒนาประสิทธิภาพในการทำกำไรได้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่อยู่เพียง 15%

ซึ่งอัตราการทำกำไรของ BANPU ในปัจจุบันอยู่สูงถึง 35-45% ซึ่งการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ จะส่งผลให้กำลังการผลิตของ BANPU เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จากปัจจุบันที่ 26 ล้านตันต่อปี แต่ระยะสั้นอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะปรับตัวสูงขึ้นเป็น 1.5 เท่า ซึ่งเอเซียพลัสเห็นว่า การก่อหนี้ของ BANPU ไม่น่ากังวล เพราะเป็นการกู้ยืมเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว อีกทั้ง "เซนเทนเนียน" เป็นบริษัทที่มีผลการดำเนินงานเป็นกำไรสุทธิอยู่แล้ว

ขณะที่ล่าสุด BANPU ปิดที่ 614 บาท บวก 12 บาท!!

FSS : ยังเลือกหุ้นเข้าเทรดดิ้งเป็นรายตัวได้ โดยเฉพาะเมื่อดัชนีปรับตัวลง...
แนวโน้ม:
หลังจากตลาดหุ้นไทยสามารถแกว่งตัวด้านบวกต่อเนื่องมาได้ 2 วัน ซึ่งถือว่าค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ทั้งในภูมิภาค และทางฝั่งตะวันตก แต่ช่วงบ่ายวานนี้ก็เริ่มเห็นแรงขายทำกำไรมีออกมากดดันบ้างแล้ว ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้นในเอเชียเริ่มมีแรงขายอีกครั้ง หลังนักลงทุนกลับมากังวลต่อแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอีกครั้ง เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐและจีนในระยะหลังเริ่มชะลอตัวลง รวมทั้งความวิตกว่าเศรษฐกิจโลกอาจเกิดภาวะถดถอยซ้ำซ้อน นอกจากนี้ปัจจัยภายในประเทศที่ทาง ศอฉ. เตรียมชงเรื่องเข้า ครม. ในวันนี้ให้ต่ออายุการใช้ พรก.ภาวะฉุกเฉินฯ ต่อเนื่องในทุกพื้นที่ที่ใช้อยู่เดิม ซึ่งถือว่าผิดคาดจากที่ตลาดมองว่าอาจจะมีการยกเลิกในบางพื้นที่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยด้านลบที่เราคาดว่าจะมีอิทธิพลกดดันให้ SET ย้อนกลับมาแกว่งตัวด้านลบได้ในเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม FSS ยังคาดหมายว่าตลาดจะอยู่ในลักษณะแกว่งตัวขึ้นเป็นหลักไปอีกพักหนึ่ง ดังนั้นการแกว่งย้อนลงเป็นลบในช่วงนี้จึงน่าจะเป็นเพียงระยะสั้นๆ ก่อนที่จะกลับมาแกว่งขึ้นเป็นบวกได้อีกครั้ง โดยเรามองกรอบตลาดในระยะนี้ไว้ที่ 794-810 จุดโดยประมาณ และยังคาดว่าสุดท้ายแล้ว SET ยังมีโอกาสที่จะไต่ระดับขึ้นไปถึงจุดสูงสุดเดิมบริเวณ 820 จุด หรือลุ้นสูงกว่าได้อยู่
กลยุทธ์: ดังนั้นช่วงนี้ตลาดปรับลงจึงยังสามารถเลือกหุ้นเข้ารับเป็นรายตัว เพื่อลุ้นรอขายทำกำไรเมื่อตลาดแกว่งขึ้นอีกครั้งได้ โดยหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ BBL, KBANK, KK, TCAP, KH, TTW, PDI, TVO, LST, HANA, PS, QH, BECL, TSTH, ESSO, MAJOR, PTTCH เป็นต้น ขณะที่ TMB และ DTAC ที่เคยแนะนำไปก่อนหน้านี้ ราคาได้ขยับขึ้นมาสูงมากแล้วควรเริ่มระวังแรงขายกดกลับไว้ด้วย


ประเด็นสำคัญวันนี้
§ BANPU : เทคโอเวอร์เหมืองออสเตรเลียได้มากกว่าเสีย โดยมูลค่าเพิ่มที่จะเกิดขึ้นหากเทคโอเวอร์ประสบความสำเร็จ คือ
1) BANPU จะมีปริมาณสำรองถ่านหินเพิ่มขึ้น 116% (420 ล้านตัน) เป็น 780 ล้านตัน
2) กำลังผลิตถ่านหินเพิ่มขึ้น 65% (15-16 ล้านตัน/ปี) เป็น 38 ล้านตัน/ปี
3) Synergy ทั้งด้านการผลิตและการตลาดระหว่างเหมืองทั้งในอินโดนีเชีย จีนและออสเตรเลีย รวมถึงเป็นการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนอีกด้วย

แต่ระยะสั้นยังมีความเสี่ยงว่าดีลนี้ไม่ประสบความสำเร็จ รวมทั้งต้องใช้เงินสดลงทุนเป็นจำนวนมากอาจทำให้ต้องเพิ่มทุน เนื่องจาก
1) ดีลนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลออสเตรเลียเสียก่อนจึงจะสามารถทำคำเสนอซื้อได้
2) การระดมเงินสด BANPU ต้องใช้เงินสดกว่า 2.5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท @ FX A$1 =28 บาท) ซึ่งเงินสดในมือที่มีอยู่ประมาณ 2.34 หมื่นล้านบาท ที่เหลือจะเป็นเงินกู้ระยะสั้นในช่วงต้น ซึ่งเราเชื่อว่าบริษัทจะสามารถกู้เงินได้เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีหนี้สินต่อทุนรวมอยู่ที่ 0.9 เท่า หากกู้เพิ่มอีก 5 หมื่นลบ. จะทำให้ D/E เพิ่มขึ้นเป็น 1.7 เท่า ในปีนี้ ซึ่งน่าจะรับได้หาก D/E จะสูงในปีแรกๆ ของการซื้อกิจการ แต่จะลดลงในปีถัดมาหลังรับรู้รายได้เต็มปีจะเหลือ 1.2 เท่า ดังนั้นทำให้คาดว่าบริษัทอาจไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน
3) แต่อย่างไรก็ตามราคาซื้อหุ้น Centanial ที่ 6.20 ดอลลาร์ออสเตรเลีย สูงกว่าราคาตลาดของหุ้น Centenial วันศุกร์กว่า 40% แต่เป็นราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งคิดเป็นราคาซื้อที่ EV/ปริมาณสำรองถ่านหิน อยู่ที่ 7.2 ดอลลาร์/ตัน ใกล้เคียงกับที่ซื้อขายกันในธุรกิจนี้ในออสเตรเลียล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 6-9 ดอลลาร์/ตัน และต่ำกว่า 12.5 ดอลลาร์/ตันของ BANPU เรายังแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 750 บาท (อิง DCF@WACC 9.8%) ซึ่งยังไม่รวมมูลค่าของ Centennial
§ รถไฟฟ้าสายสีแดงคืบหน้า : การรถไฟแห่งประเทศไทยเตรียมขายเอกสารประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิตมูลค่า 4.5 หมื่นล้านบาทในวันที่ 12 ก.ค.นี้ หลังจากไจก้าซึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้ตอบกลับผลตรวจทีโออาร์ในสัปดาห์นี้ โดยจะเปิดขายเอกสาร 2 สัปดาห์ คาดว่าจะส่งผลบวกทางจิตวิทยาต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างอีกครั้ง สามารถเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นได้

ข่าวภายในประเทศ
BANPU ทุ่ม 7 หมื่นล้าน! ฮุบเหมืองถ่านหินออสซี่ :
ราคา 700 บาทน้อยไป เหลืออัพไซด์กว่า 20% BANPU ทุ่มเงินกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท เทกโอเวอร์เหมือง Centennial ในออสเตรเลีย ตั้งโต๊ะรับซื้ออีก 80% ราคาสูงลิ่ว 6.20 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อหุ้น พรีเมี่ยมกว่า 40% ขยายฐานธุรกิจถ่านหินในออสเตรเลีย โบรกฯเชียร์มูลค่าหุ้นเพิ่มอีก 72.59 บาท เป้าหมายเกิน 720 บาท อัพไซด์กว่า 20% เชื่อปีหน้าผลประกอบการ โดดเด่นเกือบเท่าตัว(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 6-07-2010)
PF ตั้งกองอสังหาฯ 2 พันล้าน PF รุกหนักครึ่งปีหลังโหมเปิดใหม่ 15 โครงการ มูลค่ากว่า 17,000 ล้านบาท “ชายนิด” มั่นใจดันยอดขายปีนี้เข้าเป้า 12,000 ล้านบาท และดันรายได้ตามนัด 10,000 ล้านบาท เติบโต 50% จากปีก่อน พร้อมเร่งพัฒนาหอพักปล่อยเช่านักศึกษาใกล้กับมหาวิทยาลัย เพื่อรองรับการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 2,000 ล้านบาท เล็งเสนอขายปลายปี'54(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 6-07-2010)
คลังขาย TMB เกิน 3 บ. เทียบเคส SCIB-ACL คลังขายหุ้นแบงก์ TMB ไม่ต่ำกว่า 3 บาท หลังยกเคส “สินเอเซีย” (ACL) และ SCIB ที่ขายแบบมีกำไรทั้ง 2 แห่ง ทั้งที่ราคาในกระดานต่ำกว่าราคาที่ต้องการขาย จับตาพลิกมีกำไรปีนี้ 2 พันล้านบาท ปันผลกลางปีหน้า เทรดพาร์ใหม่ 0.95 บาทวันนี้ ส่วนวานนี้ ไอเอ็นจีกรุ๊ป ได้เข้าพบ “สถิตย์” ปลัดคลังหารือแผนซื้อหุ้น TMB แล้ว(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 6-07-2010)
SENA ปลื้มลูกค้าถูกใจแคมเปญจองปั๊บรับทองยอดขายทะลัก 300 ลบ. “SENA” ปลื้มแคมเปญ "จองปั๊บรับทอง" โดนใจ ผลตอบรับดี แม้มีผลกระทบจากสถานการณ์ไม่ปกติบ้าง ทำยอดจองซื้อบ้านและคอนโดฯได้เกือบ 300 ล้าน คาดจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ ผู้บริหารชี้นอกจากสินค้ามีคุณภาพ ดีไซน์ใช้สอยพื้นที่ได้อย่างเต็มที่ อยู่ในทำเลที่ดีและราคาดึงดูดแล้ว ยังมีโปรโมชั่นที่น่าสนใจอีกด้วย ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญที่เร่งกระตุ้นการตัดสินใจลูกค้า ขณะที่ครึ่งปีหลังวางเป้าหมายเปิดอีก 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 3,500 ล้านบาท(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 6-07-2010)
SCC หวังเทกธุรกิจกระดาษฟิลิปปินส์ เม็ดเงินกว่า 800 ล้านบาท เชื่อรายได้ปีนี้โตกว่า 10% SCC มั่นใจยอดขายปี 2553 ทะลุเป้าหมายเติบโตมากกว่า 10% เนื่องจากธุรกิจกระดาษและธุรกิจวัสดุก่อสร้างเติบโตได้ดี ทั้งในแง่ของปริมาณและราคา ส่วนหนึ่งมาจากกำลังผลิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจกระดาษ เผยเจรจาเทกโอเวอร์ธุรกิจกล่องกระดาษฟิลิปปินส์มูลค่า 300-800 ล้านบาท เจรจาและหาข้อสรุปการลงทุนในโครงการปิ โตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่ประเทศเวียดนาม(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 6-07-2010)
BIGC ผุดบิ๊กซีจูเนียร์สาขาสระบุรี Q2 โตต่อเนื่องกำลังซื้อเริ่มฟื้นตัว BIGC เปิดสาขาใหม่ บิ๊กซีจูเนียร์ สระบุรี แห่งแรกของประเทศ เพิ่มความสะดวกในการจับจ่ายสินค้า สร้างงาน และกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนให้เติบโต โบรกฯแนะซื้อสะสม ราคาเป้าหมาย 60.30 บาท มองแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2/53 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง หลังเศรษฐกิจดี ดันกำลังซื้อผู้บริโภคฟื้นตัว พร้อมได้ปัจจัยบวกจากการขึ้นเงินเดือนข้าราชการปี 2554 (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 6-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ

ยุโรป: ยอดค้าปลีกยูโรโซนเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% เหตุปชช.ในหลายประเทศเพิ่มการจับจ่าย สำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร 16 ประเทศ ปรับตัวขึ้น 0.2% จากเดือนเม.ย. เนื่องจากประชาชนในหลายประเทศเริ่มใช้เงินจับจ่ายซื้อสินค้ากันมากขึ้น สำหรับยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ในกลุ่มอียูทั้ง 27 ประเทศ ปรับตัวขึ้น 0.4% จากเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น
0.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (ที่มา: อินโฟเควสท์ 05-07-2010)
สหรัฐอเมริกา: บีพีควักแล้ว3พันล้าน$อาจขายหุ้น บรรดาผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบีพีเรียงหน้าปฏิเสธ หลังสื่อเมืองผู้ดีตีข่าวบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ ของอังกฤษเร่งหาพันธมิตรร่วมทุนจากตะวันออกกลางหรือเอเชีย ขณะยอดค่าใช้จ่ายล่าสุดในการกำจัดน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกทะลุเกินกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว ข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์หลายฉบับของอังกฤษพากันนำเสนอข่าวว่า บริษัทบริติชปิโตรเลีย (บีพี) กำลังมองหาพันธมิตรร่วมทุนจากบรรดากองทุนบริหารเงินสำรองภาครัฐของประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางหรือเอเชีย เพื่อระดมทุนมา รองรับค่าใช้จ่ายมโหฬารที่บริษัทต้องจ่ายชดเชยหายนภัยน้ำมันรั่วครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ และทำให้บริษัทไม่ต้องกังวลกับการถูกเทกโอเวอร์ ข่าวดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นของบีพีซื้อขายที่ตลาดลอนดอนช่วงเช้าวันจันทร์ เพิ่มขึ้น 2.4% อยู่ที่ 329.65 เพนนี อย่างไรก็ดีต่อมาผู้ถือหุ้นบางรายใน 10 อันดับแรกซึ่งไม่ยอมเปิดเผยชื่อ ได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวการหาพันธมิตรดังกล่าว โดยบอกว่ายังไม่จำเป็นในช่วงเวลานี้ "เราคิดว่าใครบางคนกำลังพยายามทำให้บริษัทตกใจกลัวและแตกตื่นทำบางอย่างที่ทำให้ได้ค่าธรรมเนียมก้อนโตจากการขายหุ้นใหม่ในบีพี พวกผู้ถือ
หุ้นอยากจะตอบว่า 'ไม่ละ ขอบคุณ' และเราจะบอกกับบริษัทแบบนี้" (ที่มา: ไทยโพสต์ 06-07-2010)
จีน: จีนเผยยอดนำเข้าถ่านหินช่วง 5 เดือนแรกพุ่ง 114% จากความต้องการในภาคอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนเปิดเผยว่า การนำเข้าถ่านหินของจีนในช่วงเดือนม.ค. - พ.ค. ทะยานขึ้น 114.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 69.98 ล้านตัน เนื่องจากความต้องการที่แข็งแกร่งจากภาคอุตสาหกรรม (ที่มา: อินโฟเควสท์ 05-07-2010)
จีน: ผู้เชี่ยวชาญเชื่อดัชนี CPI จีนยังเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำในครึ่งปีหลัง ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนมีแนวโน้มเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และอัตราการขยายตัวของ CPI ตลอดทั้งปีจะยังคงเคลื่อนไหวภายใต้เพดาน 3% แม้ดัชนีอาจไต่ขึ้นแตะระดับสูงสุดในเดือนกรกฎาคม (ที่มา: อินโฟเควสท์ 05-07-2010)


FSS: เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ เนื่องจากเป็นวันหยุด ชดเชยวันชาติของสหรัฐ ขณะที่ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปิดทำการวานนี้ด้วยการปรับตัวลดลงเล็กน้อย ก่อนที่เช้านี้จะยังไหลลงต่อเนื่องเป็นลบกว่า 70 จุด ตามตลาดหุ้นยุโรป จากความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจอาจเกิดการถดถอยซ้ำซ้อนหลังจากมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคที่น่าผิดหวังในช่วงที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงเนื่องจากความกังวลต่อตัวเลขเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐ และจีนที่ชะลอตัวลง อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

วานนี้ Foreign Fund Flow ยังไหลออกเป็นวันที่ 8 ติดต่อกัน แต่ปริมาณเบาบางมาก เนื่องจากยังไม่มีปัจจัย
ใหม่เข้าสู่ตลาด ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป ยังน่าเป็นห่วง

แนวโน้มวันนี้คาดว่า Fund Flow น่าจะเบาบาง เพราะ ค่าเงินยูโร และค่าเงินภูมิภาคเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐค่อนข้างนิ่ง ค่าเงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อย รวมถึงตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ยังได้รับแรงกดดันจากจีนที่แตะเบรกเศรษฐกิจ

ราคาน้ำมัน NYMEX เมื่อวานนี้ติดช่วงวันหยุด ส่วนเช้านี้ สัญญาส่งมอบเดือน ส.ค. ปรับตัวลง 0.82 ดอลลาร์ มาอยู่ ที่ 71.32 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาทองคำส่งมอบเดือน ส.ค. ที่ตลาด COMEX เช้านี้อยู่ที่ 1,204.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 3.40 ดอลลาร์

BDI ปิดที่ 2216 จุด ลบอีก 64 จุด

----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น