Cose 114 : จับตาเรื่องการยุบพรรค ปชป บ่ายนี้

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม 2553

ATT Code : จับตาเรื่องการยุบพรรค ปชป บ่ายนี้
ช่วงบ่ายมีแรงขายออกมาพอสมควร เนื่องจาก
1. ตลาดหุ้นจีนทรุดลงเกือบ 2% หลังคณะกรรมาธิการกฏระเบียบการธนาคารของจีนยืนยันให้ธนาคารต่างๆ ดำเนินการเข้มงวดต่อมาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ซื้อบ้านหลายหลังต่อไป...
2. มูดี้ส์ หั่นเครดิตโปรตุเกสลง 2 ขั้นสู่ระดับ A1 โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ (ข่าวบิสนิวส์ 10347) ส่งผลยูโรร่วง..ดอลลาร์แข็ง 0.2-0.4%

แต่ตลาดจะปิดเหนือ 816 ได้หรือไม่ เพราะตลาดยุโรปเปิดมาบวก 1% กว่าแล้ว สุดท้าย SET ปิดที่ 817.35 จุด -2.26 จุด ก็ถือว่ากลับมายืนเหนือเส้น 5 วัน ที่ 816 ได้อย่างฉิวเฉียด จากที่ลงไป Low ที่ 813 คงได้อนิสงค์จากตลาดยุโรปที่ยังยืนในแดนบวกอยู่

Post Today - คดียุบประชาธิปัตย์ กับดักถ่วงรัฐบาล
กรณีเงินบริจาคพรรคการเมือง 258 ล้านบาท จากบริษัททีพีไอ โพลีน ที่เดิมเคยมีปัญหาเรื่องสำนวนระหว่างการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนนูญพิจารณา ล่าสุดคณะกรรมการร่วมระหว่างอัยการสูงสุดและ กกต. ได้รวบรวมพยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ 8 ประเด็น เตรียมส่งฟ้องวันที่ 13 ก.ค.นี้

จับอาการความกังวลของประชาธิปัตย์เที่ยวนี้ จนมอบหมายนายหัวชวนเป็นหัวหอกนำทัพสู้คดียุบพรรคเที่ยวนี้ หวังอาศัยต้นทุนอดีตนายกฯ ภาพความซื่อสัตย์มาเป็นต้นทุน อีกด้านหนึ่งยังเสริมทัพด้วย “บัณฑิต ศิริพันธ์” ทนายความที่มีฝีมือดีผลงานเป็นที่ประจักษ์

นอกจากนี้ ยังพยายามคัดสรรทีมงานฝีมือดีเข้ามาเสริมทีมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเอกสารหลักฐานที่มีเป็นจำนวนมาก และจะมากขึ้นหลังจากคดีในส่วน 258 ล้านบาท กำลังจะยื่นเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเร็วๆ นี้

อย่างไรก็ตาม ขณะที่กระบวนการเดินหน้ายุบพรรคประชาธิปัตย์กำลังเดินหน้า ความหวาดวิตกจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่มีเดิมพันเป็นอนาคตทางการเมือง ท่ามกลางความพยายามปลุกกระแสมวลชนมากดดันการพิจารณาคดี

ดังนั้น คดีพิจารณา “ยุบพรรคประชาธิปัตย์” ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาว่า “ยุบ” หรือ “ไม่ยุบ” แต่ระหว่างที่กระบวนการพิจารณากำลังเดินหน้า ก็ส่งผลกระทบต่อรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าทางตรงและทางอ้อม

ที่สำคัญ กระบวนการพิจารณายุบพรรคทั้งสองส่วนได้กลายเป็น “กับดัก” ให้รัฐบาลไม่สามารถเดินหน้าบริหารบ้านเมืองได้อย่างเต็มที่ แม้จะมอบหมายให้ทีมงานด้านกฎหมาย ภายใต้การนำของนายหัวชวน แต่ในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทำให้นายกฯ ต้องแบ่งเวลาไปชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ

ชัดเจนว่าในกรณีหากประชาธิปัตย์ถูกยุบ โอกาสที่จะได้เป็นแกนนำมาจัดตั้งรัฐบาลดูจะเป็นไปได้ยากมาก ข้าราชการส่วนใหญ่จึงไม่อาจทุ่มตัวและหัวใจให้การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน

ในกรณีศาลมีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ สมาชิกพรรค 170 กว่าคน ต้องกระจัดกระจายไปหาสังกัดใหม่ ย่อมมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล เสียงปริ่มน้ำที่มีปัญหาในการลงคะแนนเสียงขับเคลื่อนนโยบายตลอดเวลาที่ผ่านมา

หรือกรณีเลวร้าย หากกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันทั้ง 19 คน เกิดต้องถูกตัดสิทธิการเมือง หรือเลยเถิดไปถึงกรรมการบริหารพรรคในยุค บัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นหัวหน้าพรรค ชุดที่แล้ว 48 คน ย่อมสร้างความปั่นป่วนต่อเสถียรภาพรัฐบาลปัจจุบัน รวมถึงอนาคตหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า

ดังนั้น นับจากนาทีที่คดียุบพรรคประชาธิปัตย์เข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ย่อมเริ่มต้นเป็น “กับดัก” ขัดขวางการทำงานของรัฐบาล และไม่ว่าผลสรุปสุดท้ายจะออกมาอย่างไร ย่อมส่งผลสะเทือนทั้งรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

----------------------------------------------------------------------------------
KELive วิเคราะห์ภาพรวม
หยิบเงิน หยิบทอง (13/07/53)

KELive วิเคราะห์รายหุ้น
SCC (262.00 บาท : ซื้อ) คาดกำไรไตรมาสสองจะชะลอตัวลง แต่กำลังการผลิตใหม่จะหนุนกำไรปีหน้าใกล้จุดสูงสุดเดิม และ ปันผลทำจุดสูงสุดใหม่
AP (5.95 บาท : ซื้อ) ยอด presales ไตรมาส 2/53 ชะลอตัว แต่คาดว่าจะฟื้นตัวแข็งแกร่งในครึ่งปีหลัง
Derivatives Today (13/07/10)
Gold Futures Today (13/07/10)
TISCO (30.00 บาท : ซื้อ) สินเชื่อและNIM ขยายตัวสูง พร้อมรักษาคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี

Manager Online - ตลาดเงิน-ตลาดทุน
ไร้ข้อสรุปแผนลุย"3G" บอร์ดใหม่TOTขอเวลา 'ชิต' แจง 4 ปัญหาเร่งด่วน
CNS ไตรมาส 2 กำไรโต 38% รับอานิสงค์ค่าใช้จ่ายรวมต่ำลง
กำไร 9 แบงก์แข็งแกร่ง คาด ดบ.ขาขึ้น 2 ปี ส่งผลบวก-ห่วงสินเชื่อซื้อรถ
ห่วงเก็บแวต 8% กระทบ ศก.ฟื้นเปราะบาง เตรียมรื้อ ภ.ง.ด.โครงสร้างบิดเบือน
กล่อมต่างชาติซื้อหุ้นไทย โบรกฯเดินหน้าลุยโรดโชว์เพิ่มลูกค้าสถาบัน

Posttoday.com : วิเคราะห์
คดียุบประชาธิปัตย์ กับดักถ่วงรัฐบาล
Credit Rating เวอร์ชันจีนกับการจัดระเบียบการเงินโลก
ส่วนต่างดอกเบี้ย เผือกร้อนผู้ว่าธปท.คนใหม่
สมานฉันท์ภายในคณะปฏิรูปภารกิจประเดิม 'อานันท์-ประเวศ'
ชีพจร ศก.โลก 2010ครึ่งแรกแรงยังดี ครึ่งหลังปีมีเสี่ยง

----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Aanalysis
13 กค .53 ( -0.99 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ยังคงอยู่ในช่วงเวลาของการปรับฐาน ...
แนวโน้มระยะสั้นวันอังคารนี้ ดัชนี“อาจจะ” แกว่งตัวในกรอบ 819 – 822 จุด ? ใต้เส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง รวมทั้งความเป็นไปได้ที่ดัชนี “อาจจะ” ดีดตัวกลับขึ้นไปแถว 825 - 827 ใกล้จุดสูงสุดของวันจันทร์ ?

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มหลักยังคงอยู่ในช่วงเวลาของการปรับฐาน โดยเฉพาะการปรับตัวลง ต่ำกว่า 816 จุด จะทำให้เกิด“สัญญาณขาย” ในเครื่องมือ Point & Figureและ ดัชนีมีเป้าหมายในการปรับตัวลงระยะ
สัปดาห์บริเวณ 791 – 799 จุด ใกล้แส้นค่าเฉลี่ย25 วันต่อไป




หุ้นเด่น
10 อันดับซื้อขายสูงสุด

TMB รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
TRUBB อาจปรับตัวแถว 8.40 – 8.60
TCAP มีโอกาสปรับตัว 29 - 30
CPF ปรับตัวลง 19.50 - 20
SCB ต่ำกว่า 82.75 ลง 81 – 81.50
KTB ปรับตัวลง 12.90 – 13
STA เกิน 21.70 ขึ้น 22 - 23
SSI ต่ำกว่า 1.63 ลง 1.58 – 1.60
KBANK ต่ำกว่า 93.50 ลง 91 - 92
PTT ปรับตัวลง 243 – 244

IRPC
ปรับตัวขึ้นมาแถวเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันพอดี รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 4.24 จุดสูงสุดของวันจันทร์และเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 4.34 – 4.40 ( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 4.16 ) 4.34 – 4.40



TMB
กำลังปรับตัวในกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะชั่วโมง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 1.78 กรอบบนของสามเหลี่ยม เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน1.88 – 1.90( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 1.73 ) ----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-หุ้นTHAIกับTMB!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 12 ก.ค.53 ปิดที่ 819.61 จุด ลบ 0.99 จุด มี มูลค่าการซื้อขาย 20,049 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 262.78 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด นำโดย TMB ปิดที่ 1.76 บาท บวก 0.06 บาท, TRUBB ปิด 8.90 บาท บวก 2.05 บาท, TCAP ปิด 31 บาท บวก 1 บาท, CPF ปิด 21.20 บาท ลบ 0.30 บาท และ SCB ปิด 82.75 บาท ลบ 0.50 บาท

หุ้น THAI ทำนิวไฮสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี โดยโบรกเกอร์มองแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 53 เริ่มเห็นสัญญาณบวก โดยยอดนักท่องเที่ยวดีขึ้น หลังผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองในช่วงเดือน พ.ค.

โดย บล.กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3 เริ่มเห็นสัญญาณบวกมากขึ้น เพราะหลังจากเกิดเหตุทางการเมืองในประเทศ ทำให้สายการบินหลายแห่งงดเที่ยวบินมาไทย เมื่อเหตุการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้ THAI กลับได้ส่วนแบ่งการตลาดด้านนี้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวยังพบว่าปรับตัวดีขึ้น หลังจากผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองเดือน พ.ค. โดย รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยันตัวเลขนักท่องเที่ยวปีนี้ที่ 15 ล้านคนนั้น ยังมีความเป็นไปได้ โดยยอดนักท่องเที่ยวครึ่งแรกปีนี้สูงถึง 7.4 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของ THAI ในแง่ของการดำเนินงานที่แท้จริงจะติดลบ แต่เชื่อว่าค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องนั้นจะช่วยให้ THAI มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนมากเพียงพอที่จะชดเชยการขาดทุนจากการดำเนินงานได้เช่นกัน

ขณะที่หุ้น TMB ปรับขึ้นกว่า 4% ดันราคาขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี ขณะที่โบรกเกอร์มองราคาหุ้นซื้อขายบนความคาดหวังเกี่ยวกับการขายหุ้น ของกระทรวงการคลัง แต่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้รองรับ โดย บล.ทรีนีตี้ ระบุ ในบทวิเคราะห์ว่า สถานการณ์ปัจจุบันเป็นเรื่องยากที่จะหาผู้มาซื้อหุ้น TMB ในราคา 3 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็น 2.7 เท่า PBV ซึ่งถือว่าแพงมากหากเทียบกับคุณภาพของสินทรัพย์ในธนาคารและความสามารถในการทำกำไร

อย่างไรก็ตาม หากจะขายหุ้นในระดับไม่ต่ำกว่า 3 บาท เชื่อว่าต้องไม่ใช่ในเร็ววันนี้ หากมองราคาที่น่าจะเป็นไปได้น่าจะอยู่ในกรอบ 1.6-1.7 เท่า PBV หรือประมาณ 1.76-1.87 บาทต่อหุ้น

แนะให้ขายหากราคาหุ้นขยับมาอยู่ในกรอบดังกล่าว!!

FSS:ยังเทรดดิ้งลุ้นดัชนีสูงกว่า 820 จุดได้ แต่ควรเน้นขายเมื่อเข้าใกล้ 840 จุด!!
แนวโน้ม: ปัจจัยต่างประเทศยังมีส่วนช่วยสนับสนุนโอกาสขยับขึ้นของ SET ต่อไป โดยความคาดหวังต่อผลประกอบการที่ดีขึ้นของภาคธุรกิจในสหรัฐ ยังสร้างความมั่นใจต่อแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของโลกได้ ขณะที่ในประเทศเองก็อยู่ในช่วงของการทยอยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/53 ซึ่งก็มีหลาย บจ. ที่คาดว่าผลการดำเนินงานยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี นอกจากนี้ยังมีบางแห่งที่จะประกาศจ่ายเงินปันผลงวดระหว่างกาล มาช่วยดึงดูดใจนักลงทุนสำหรับการเข้าซื้อในช่วงนี้ด้วย ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศยังคงมียอดซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยเข้ามาเป็นระยะๆ แม้ว่าจะยังไม่หนักแน่นนัก แต่ก็ถือว่าช่วยเสริมบรรยากาศการลงทุนพอสมควร ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET ยังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวขึ้นต่อเนื่องได้อยู่ เพียงแต่กรอบการขยับขึ้นจะเริ่มจำกัดมากขึ้น เนื่องจากเข้าใกล้ช่วงประกาศผลการทดสอบภาวะวิกฤติของแบงก์ในยุโรป ซึ่งแม้ว่าผลทดสอบที่จะออกมาประมาณวันที่ 23 ก.ค.นี้อาจจะไม่แย่อย่างที่ตลาดกังวล แต่ก่อนที่ผลจะออกมาจริง เราคาดว่าก็น่าจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอยู่บ้าง ทำให้น่าจะมีการขายทำกำไรเป็นระยะๆ เพื่อลดความเสี่ยง ดังนั้นโอกาสที่ SET จะยังคงแกว่งตัวผันผวนจึงยังเป็นไปได้สูง จึงยังแนะนำให้เลือกเข้าเทรดดิ้งเป็นรายหลักทรัพย์มากกว่าอยู่
กลยุทธ์: เน้นเลือกเทรดดิ้งเป็นรายหลักทรัพย์ และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อ SET เข้าใกล้ 840 จุดด้วย โดยหุ้นที่ยังน่าสนใจในช่วงนี้ ได้แก่ KBANK, BBL, TUF, GFPT, RCL, HEMRAJ, PS, QH, CPALL, GLOBAL, BANPU, TTW, HANA, DELTA, TMB, CIMBT, SENA เป็นต้น โดยช่วงนี้อาจต้องระวังแรงขายในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ไว้บ้าง เนื่องจากทั้งคลังและแบงก์ชาติเริ่มแสดงท่าทีว่าในวันพรุ่งนี้(14 ก.ค.) กนง.อาจมีการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ได้

ประเด็นสำคัญวันนี้
§ เทศกาลผลประกอบการกำลังเริ่มต้น บริษัทใน S&P500 เริ่มทยอยประกาศผลประกอบการ 2Q10 ตั้งแต่วานนี้ Reuters consensus คาดการณ์ว่ากำไรใน 2Q10 จะเพิ่มขึ้นถึง 27% Y-Y ส่วนจีนก็เริ่มประกาศในสัปดาห์นี้เช่นกัน และไทย เริ่มด้วยกลุ่มแบงก์ซึ่งมี TISCO เป็นรายแรกที่ประกาศ ปรากฏว่ามีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 53% Y-Y และ 8% Q-Q แต่น้อยกว่าที่เราคาดเพราะตั้งสำรองหนี้สูญสูงกว่าคาด เราปรับประมาณการกำไรขึ้น 7% และปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก 33 บาทเป็น 35 บาท แต่มุมมองเป็นบวกน้อยลงเพราะแนวโน้มดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น และคิดว่า TCAP น่าสนใจกว่า

§ จับตาการประชุมดอกเบี้ยพรุ่งนี้ ผู้ว่าธปท.คนใหม่ส่งสัญญาณดอกเบี้ยอาจขึ้นเร็วกว่าคาด โดยมองดอกเบี้ยปลายปีนี้ 2% จากปัจจุบัน 1.25% เหลือการประชุมอีก 4 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี ดอกเบี้ยขาขึ้นเป็นจิตวิทยาเชิงลบกับกลุ่มอสังหาฯ และแบงก์ที่ทำธุรกิจเช่าซื้อ เช่น KK, TISCO แต่เป็นบวกกับแบงก์ใหญ่ที่มีฐานเงินฝากขนาดใหญ่และต้นทุนคงที่ได้แก่ KBANK, KTB, SCB, BBL

§ มีแต่ข่าวลบกับ Commodity การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน สหรัฐฯ และยุโรปในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้มุมมองราคาน้ำมันในครึ่งปีหลังลดลงจากที่เคยคาดการณ์เดิมเพราะกังวลอุปสงค์ที่อาจน้อยกว่าคาด เช้านี้ราคาโลหะเช่นทองแดง สังกะสี ดีบุก ตะกั่ว ปรับลดลงเฉลี่ยกว่า 1% (เป็นลบกับ PDI แต่เป็นบวกกับกลุ่มอิเล็คทรอนิคส์)

§ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติวานนี้ยังไหลเข้าเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน และปริมาณการเข้าซื้อในสัดส่วนใกล้เคียงกับวันศุกร์ที่ผ่านมา แม้ไม่มีปัจจัยใหม่เข้าสู่ตลาด แต่นักลงทุนส่วนใหญ่จะเข้าซื้อเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ที่เริ่มเข้าสู่เช้า Eanrgins Season ค่าเงินยุโรปและภูมิภาคค่อนข้างนิ่ง ในขณะที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าคาดและมีความเป็นไปได้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วนี้ ซึ่งหากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจริงก็จะทำให้มีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดพันธบัตรและไหลเข้าตลาดหุ้นมากขึ้น
ข่าวภายในประเทศ
THAI ผู้โดยสารพุ่ง10% รอเพิ่มทุนราคา 35 บาท พ้นช่วงเลวร้ายไปแล้ว ลุยเดินหน้าโรด “ปิยสวัสดิ์” ลั่นการบินไทยกลับมาแล้ว ไตรมาส 3/53 ผู้โดยสารกระฉูด 10% เหตุนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา หลังปัญหาการเมืองจบ ล่าสุด cabin factor 75% ส่วนแผนเพิ่มทุนเดินหน้าต่อเนื่องไม่เกินเดือนก.ย.นี้ ได้เปิดขายหุ้นเพิ่มทุน แม้ต่างประเทศซบเซา จับตาหุ้น THAI วิ่งแรงอีกรอบขานรับราคาเพิ่มทุน แนวโน้มอาจเห็นถึง 35 บาท หลังใกล้ช่วงเวลาที่จะกำหนดราคาเพิ่มทุนไตรมาส 3 รอบนี้ต้องดันราคาสูงก่อนโรดโชว์และบุ๊คบิวด (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 13-07-2010)
คลังลอกโมเดลสคิบเปิดประมูลขาย TMB คลังเจอทางออกยืมโมเดลขายหุ้นแบงก์นครหลวงไทย เปิดประมูลขายทหารไทย ไม่ต่ำกว่า 3 บาท รักษาผลประโยชน์ของชาติ แก้ปัญหาต้นทุนสูง ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานวิ่งฉิวรับราคาใหม่ สูงสุดในรอบ 3 ปี ด้านธนาคารทหารไทยออกแคมเปญใหม่อุ้มเอสเอ็มอี ตั้งเป้า 3 พันล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 13-07-2010)
ลูกหุ้น SIMAT ฉลุย ประเดิมเทรดวันนี้รายได้หรูต่อเนื่อง หุ้นเพิ่มทุน SIMAT 4.4 ล้านหุ้น เข้าเทรดวันนี้ เชื่อผู้ถือหุ้นใหม่ลงทุนระยะยาว เผยมีแผนขยายธุรกิจในไทยและมาเลเซียเพิ่มเติมหลังมั่นใจธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง ชู Application Solution ตัวใหม่ “LEX-WMS” ดันรายได้โตต่อเนื่อง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 13-07-2010)
ไตรมาส 2 แบงก์เช่าซื้อพุงกาง จับตากลุ่มธนาคารเช่าซื้อฟันกำไรไตรมาส 2 ปรี๊ดอีกรอบ โบรกฯ ยังยืนยัน TCAP ปรับขึ้น 13% มาที่ 1.5 พันล้านบาท ให้ราคาเป้าหมาย 38.78 บาท ส่วน KK แม้ Q2 อาจปรับลดบ้าง เหตุเพราะปัญหาการเมืองทำปล่อยเอ็นพีเอไม่ได้ แต่คาดครึ่งปีหลังตัวเลขวิ่งฉิวทั้งสินเชื่อและกำไรสุทธิ ส่วน TISCO แจ้งผลประกอบการปรับเพิ่มขึ้น 53% หม่ำส่วนต่างดอกเบี้ยเพลิน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 13-07-2010)
SPACK กำไร EPCO 60 ล้านจ่ายปันผลผู้ถือหุ้นทั้งหมด SPACK จ่อบุ๊คกำไรพิเศษ 50-60 ล้านบาท จากการขายหุ้น EPCO ในไตรมาส 3/53 นี้ “ยุทธ” แย้มปีนี้มีโอกาสจ่ายปันผลมากกว่า 0.40 บาท พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 53 เติบโต 15% คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 10-12% จากออเดอร์ที่มี ต่อเนื่อง ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/53 ดีขึ้นกว่าปีก่อน ทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรใหม่รองรับการขยายตัวของธุรกิจ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 13-07-2010)
SSI ฟาดกำไรอ้วนมาร์จิ้นพุ่งขึ้น 11% SSI ดาวเด่นหุ้นกลุ่มเหล็ก งบไตรมาส 2 สวย หลังสต๊อกเหล็กต้นทุนต่ำ มาร์จิ้นพุ่งขึ้นเป็น 11% ทำให้ SSI ได้ประโยชน์จากส่วนต่างราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้น งานนี้กำไรสเปรด 130 เหรียญสหรัฐต่อตัน แถมบุ๊คสัญญาขายไปเรียบร้อยแล้ว อีกทั้ง World Steel คาดอุปสงค์การใช้เหล็กโลกปี 2553 เติบโต 10.7% จากปีก่อน ดันปีนี้กำไรโตก้าวกระโดดจาก 1.2 พันล้านบาท พุ่งเป็น 3.6 พันล้านบาท ราคาเป้าหมาย 2.10 บาท พีอี 8 เท่า (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 13-07-2010)
RAIMON รับข่าวดีเปิดโครงการใหม่! มูลค่ากว่า 9 พันล้าน RAIMON เด้งรับข่าวเปิดตัวโครงการ 185 ราชดำริ มูลค่า 9,000 ล้านบาท ส่วนรายได้ไตรมาส 2/53 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน หลังรับรู้จากโครงการเก่า และโครงการเดอะริเวอร์ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันมียอดขาย 80-90% คาดปิดการขายได้ปีหน้า ส่งผลให้ผลประกอบการปี 2553 พลิกเป็นกำไร จากปีก่อนที่ขาดทุน 3,387 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 13-07-2010)
MJD เล็งผุด 2 คอนโดหรู 3 พันลบ. ลุ้นปันผลระหว่างกาล เชียร์ซื้อ 4.46 บาท อัพไซด์ 47% “MJD” รุกครึ่งปีหลัง เล็งเปิดคอนโดหรู 2 โครงการ มูลค่ากว่า 2,000-3,000 ล้านบาท ย่านทำเลทองใจกลางเมือง “พหลโยธิน-สีลม” “สุริยน” มั่นใจดันยอดขายไตรมาส 3 และ 4 ทะลักพร้อมย้ำมีจ่ายปันผลงวดครึ่งปีแรก ส่วนรายได้-กำไรปีนี้เชื่อโตกว่าปีก่อน หลังมีแบ็กล็อกรอบุ๊ครายได้กว่า 5,000 ล้านบาท จ่อบุ๊คปีนี้ 70% ขณะที่บล.คันทรี่ กรุ๊ป แนะนำ “ซื้อ” ราคาหุ้นต่ำกว่าพื้นฐาน 4.46 บาท เหลืออัพไซด์สูง 47% คาดกำไรปีนี้โต 20% จ่ายปันผลสูง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 13-07-2010)
หุ้นเหล็กกำไรไตรมาส 2 โดดเด่นเชียร์ TSTH แจ่ม TMT ถือรับปันผล หุ้นเหล็กไตรมาส 2/53 แจ่ม รายได้กำไรโดดเด่น ปริมาณการใช้เหล็กยังเติบโตดีขึ้น ตามความต้องการที่ฟื้นตัวในภาคก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ คาดครึ่งปีหลังเห็นภาพชัดเจน โบรกฯยังเชียร์ซื้อ SSI-TSTH แต่ให้ถือ TMT รับปันผล หรือซื้อเก็งกำไรระยะสั้นจากงบ Q2/53 ที่โดดเด่น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 13-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา:
บีพีเผยค่าใช้จ่ายจากเหตุน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกพุ่งแตะ $3.5 พันล้าน บีพี พีแอลซี เผยค่าใช้จ่ายในการรับมือกับเหตุน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกขณะนี้ได้เพิ่มขึ้นแตะที่ 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว บริษัทเปิดเผยว่า ค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้รวมถึงเงินที่จ่ายให้กับผู้ได้รับผลกระทบมูลค่า 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบริษัทได้จ่ายเงินให้ผู้ได้รับผลกระทบไปแล้วกว่า 52,000 ราย จากจำนวนผู้ขอรับเงินชดเชยความเสียหายทั้งสิ้น 105,000 ราย (ที่มา: อินโฟเควสท์ 12-07-2010)
จีน: ผู้เชี่ยวชาญคาดดัชนี CPI จีนเดือนมิ.ย.ชะลอตัวลง ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนในเดือนมิ.ย.จะอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบเป็นรายเดือน แต่หากเทียบเป็นรายปี อัตราการขยายตัวของ CPI เดือนมิ.ย.จะปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าเดือนพ.ค. เนื่องจากสถิติพื้นฐานของ CPI ในปีที่แล้วอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ผลการสำรวจความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญที่จัดทำโดยเซี่ยงไฮ้ ซิเคียวริตีส์ นิวส์ คาดการณ์ว่า การขยายตัวของ CPI จีนจะอยู่ที่ 3.4 - 3.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมิ.ย. และมองว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อของจีนนั้นอ่อนตัวลง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 12-07-2010)
จีน: นักวิเคราะห์คาดจีนยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย-เงินสำรองแบงค์พาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นักวิเคราะห์จากธนาคารพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์ของจีนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะยังไม่ปรับเพิ่มสัดส่วนเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ (Reserve Requirement Ratio: RRR) และยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังจากปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบชะลอตัวลงในไตรมาส 2 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 12-07-2010)
เอเชีย: ฟิลิปปินส์เผย FDI เดือนเม.ย.พุ่งแตะ 85 ล้านดอลลาร์ ฟิลิปปินส์มีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสุทธิอยู่ที่ระดับ 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนเมษายน เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศที่กำลังฟื้นตัวช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ธนาคารกลางฟิลิปปินส์รายงานว่าเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทุกประเภทปรับตัวสูงขึ้นในเดือนดังกล่าว โดยเม็ดเงินประเภททุน และกำไรที่นำกลับมาลงทุน (reinvested earnings) ไหลเข้าประเทศจำนวน 20 ล้านดอลลาร์ และ 8 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ ส่วนทุนเรือนหุ้น (Equity capital) ไหลเข้ามาประมาณ 57 ล้าน ดอลลาร์(ที่มา: อินโฟเควสท์ 12-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น