Code 116 : แกว่งตัวในกรอบแคบมั๊กๆ

วันพฤหัสที่ 15 กรกฎาคม 2553

ATT Code : แกว่งตัวในกรอบแคบมั๊กๆ
เช้านี่ SET เปิดที่ 821.28 จุด บวกเกือบ 2 จุด พอเปิดมาช่วงบ่ายมีแรงขายออกมาเนื่องจากตลาดหุ้นจีน และฮ่องกง ปรับลงแรงจากเศรษฐกิจจีนที่เริ่มชะลอ และการผิดหวังต่อราคาหุ้น AgBank ที่เข้าเทรดวันแรกไม่ perform แต่ตลาดอื่นในเอเชียยังไม่มีใครลบแรงตาม... ทำให้ลงไป Low ที่ 817.84 แต่เมื่อดูสถานการณ์แล้วไม่มีอะไรมาก ก็เลยทำให้ SET สารมารถดีดกลับขึ้นมาได้อีก มาปิดที่ 821.02 จุด ยังสามารถบวกได้ 1.48 จุด ทำให้ทั้งวันนี้ SET แกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ

ดังนั้น SET ในวันพรุ่งนี้คงจะขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ในการชี้นำตลาดหุ้นไทย

FSS-กลยุทธ์: ยังเลือกเทรดดิ้งเป็นรายหลักทรัพย์ และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อ SET เข้าใกล้ 840 จุดด้วย โดยหุ้นที่ยังน่าสนใจในช่วงนี้ ได้แก่ KBANK, BBL, KTB, KTC, KK, ROJNA, KH, PDI, TVO, LST, HANA, TKS, TRC, VNG, BECL, SSI, TSTH, ESSO, GLOW, CPN, QH, DTAC เป็นต้น

----------------------------------------------------------------------------------
Bangkok Biznews : การเงิน - การลงทุน
PTTEPขายหุ้นกู้500ล้าน$ให้สถาบันต่างชาติ
ปลื้มโรดโชว์ลอนดอน สถาบันสนลงทุนหุ้นไทย
ทองรูปพรรณวันนี้ขายออกบาทละ 19,000
บาทเปิดตลาด32.31/33 แข็งค่าเล็กน้อย
ไทยพาณิชยขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก0.1-0.55%

RYT9.com : ข่าวหุ้น-การเงิน
KCE บวก 3.68% โบรกฯแนะซื้อแนวโน้มกำไร Q3/53 จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์
SCB ยืนยันขาย SICCO ยังไม่สรุป เผยเจรจาหลายรายสนใจซื้อ
KTB เตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 0.25-0.35% เงินกู้ 0.125-0.15%
ตลาดหุ้นจีนประเดิมเปิดซื้อขายหุ้นอะกริคัลเจอรัลแบงค์วันนี้ ราคาหุ้นพุ่ง 2.24%
MJD-W1 เปิดเทรดวันแรกที่ 1.22 บาท โบรกฯให้มูลค่าไว้ที่ 1.06-1.25 บ.

KELive วิเคราะห์ภาพรวม
SBL_LH (15/07/10)
หยิบเงิน หยิบทอง (15/07/53)
Econ : กนง. ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 bps. ตามคาด


KELive วิเคราะห์รายหุ้น
MJD-W1: ประเมินราคาวอแรนท์
LPN (9.00 บาท : ซื้อ) ปรับประมาณการกำไรและราคาที่เหมาะสมขึ้นอีกครั้ง เพื่อสะท้อนแนวโน้มการเติบโตที่สดใสมากขึ้น
TPC (18.60 บาท :ถือ) กำไรไตรมาส 2/53 ทรงๆตัว จาก spread margin ที่อ่อนตัว
กลุ่มยานยนต์ ( เป็นบวก ) ตลาดรถยนต์เดือน มิ.ย. สูงถึง 70,557 คัน สูงสุดในปีนี้ และ เติบโตสูงสุดในรอบ 10 ปี
Derivatives Today (15/07/10)

Manager Online - ข่าวการเงิน
ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% แนวโน้มขาขึ้น ลั่นครั้งหน้าปรับมากกว่าเดิม!
คาดยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตปีนี้เพิ่ม 15-17% แตะ 7.2 แสนล้าน
“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” คาดดอกเบี้ยนโยบายจะขยับสู่ 2% ปลายปีนี้

Manager Online - ตลาดเงิน-ตลาดทุน
แฉเบื้องหลังคำสั่งห้าม บิ๊กทีพีไอโพลีน ใช้อำนาจกลั่นแกล้งไม่เป็นธรรม
โบรกฯเพิ่มเป้าดัชนีปีนี้849จุด ห่วงปัญหาการเมือง-วิกฤตเศรษฐกิจยุโรป
เอกชนชงตั้งบริษัทกลาง ร่วมเช่าใช้โครงข่าย3Gลดการลงทุนซ้ำซ้อน
กนง.มีมติขึ้น ดบ.นโยบาย 0.25% ตามคาด เชื่อ ศก.ครึ่งปีหลังฟื้นตัว
หลายบริษัทสนเข้าตลาดหุ้นหลังดัชนีหลักทรัพย์เกิน800จุด

Norsorpor.com : เศรษฐกิจ
บิ๊กบอสกสิกรวอนอย่าเอาธนาคารเอี่ยวการเมือง
ญี่ปุ่นเดินหน้าลงทุนไทย
การเมืองนิ่งเศรษฐกิจผงกหัว

Sanok.com : ข่าวเศรษฐกิจ
บางจาก จะประกาศยกเลิกการผลิตและจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 ในประเทศทันทีสิ้นปี 2555
หุ้นUSปิดผสม-น้ำมันลงปิดที่77.04 $
ครม.อนุมัติวงเงินกว่า 2 หมื่นล้านรับซื้อไฟฟ้าจากลาว
เฟ้อยุโรปมิ.ย.ชะลออุตฯพ.ค.โตน้อยเกินคาด
พณ.เผยมิย.ธุรกิจใหม่แห่จดทะเบียนเพิ่ม19%

----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
15 กค .53 ( +2.19 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

Intraday - แกว่งตัวแคบ
แกว่งตัวในกรอบแคบ 5 จุด ระหว่าง 818- 823 อีกหนึ่งถึงสองวัน และ ระยะหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้ายังมีความเสี่ยงแถว 791 - 799


ปรับตัวลง 813 - 816 จุด
ดัชนีในวันพุธ ปรับตัวลงต่ำกว่ากรอบ ล่างของรูปแบบสามเหลี่ยม ในภาพระยะชั่วโมง ดังนั้นแนวโน้มในวันพฤหัสนี้ ดัชนีมีโอกาส ปรับตัวลงต่อแถว 813 – 816 ใกล้จุดต่ำสุดเดิม ของสัปดาห์นี้

จากนั้น ภาพระยะหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า ดัชนียังคงมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงต่อ แถว 791 – 799 จุด ใกล้แส้นค่าเฉลี่ย 25 วันต่อไป

ณ บริเวณ 791 – 799 จุด ตลาดน่าจะดีด ตัวกลับขึ้นมาแถว 820 – 825 ใกล้จุดสูงสุดของ สัปดาห์นี้อีกครั้ง ? ... รอดูโครงสร้างภาพอีกครั้ง

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-หุ้นที่แนะซื้อตรงกัน!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 14 ก.ค.53 ปิดที่ 819.54 จุด เพิ่มขึ้น 2.19 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 25,709.12 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 652.16 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด นำโดย TMB ปิดที่ 1.81 บาท เพิ่มขึ้น 0.09 บาท, SCB ปิดที่ 83.50 บาท ลดลง 0.50 บาท, JAS ปิดที่ 0.69 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท, BBL ปิดที่ 126.50 บาท ลดลง 1.00 บาท และ STPI ปิดที่ 35.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นว่า ดัชนี มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ หลังภาพรวมบรรยากาศการลงทุนยังเป็นบวก โดยยังมีแรงซื้อเก็งกำไรผลประกอบการในไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนเข้ามาหนุน แต่ระหว่างวันอาจมีแรงขายทำกำไรออกมากดดันดัชนีไม่ให้ปรับตัว ขึ้นได้แรง ขณะที่ปัญหาวิกฤติหนี้ยุโรปยังเป็นปัจจัยที่นักลงทุนกังวลอยู่

แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้เลือกลงทุนหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2 จะออกมาดี และมีการจ่ายเงินปันผลสูง ด้านเทคนิคให้แนวต้านไว้ที่ 830 จุด

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป ยังคงเป้าหมายดัชนีหุ้นสิ้นปีนี้ไว้ที่ 850 จุด หลังขยับขึ้นมาถึงระดับ 830 จุดแล้วในช่วงต้นปี โดยเชื่อว่าตลาดยังมีปัจจัย กดดัน ทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะปัญหาการเมืองในประเทศ แม้ขณะนี้จะไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น แต่ยังถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการลงทุน

ปิดท้าย สมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์ แนะกลยุทธ์ การลงทุน สำหรับนักลงทุนระยะกลางและยาว ให้ลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีเงินปันผลสม่ำเสมอ และมีแนวโน้มกำไรเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ ราคาหุ้นยังไม่สูงมากนัก โดยให้พิจารณาบทวิเคราะห์และข้อมูลพื้นฐาน รวมทั้ง เศรษฐกิจของสหรัฐฯ สหภาพยุโรป รวมทั้งสถานการณ์การเมืองในประเทศ

ที่สำคัญ ต้องเลือกลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงเหมาะสมกับที่ตัวผู้ลงทุนเองที่จะยอมรับได้ โดยให้รอซื้อในจังหวะที่ราคาหุ้นอ่อนตัว ส่วนนักลงทุนระยะสั้นควรเลือกหุ้นพื้นฐานดีและควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุนให้มาก เพราะตลาดช่วงนี้ยังมีความเสี่ยงและความผันผวนมาก อาจทำให้ผลตอบแทนไม่สูงมากนัก

สำหรับหุ้นเด่นที่หลายสำนักวิเคราะห์ แนะนำให้ลงทุนตรงกัน ได้แก่ ADVANC, BANPU, BBL, CPF, KBANK, PS, PTT, SCC และ TISCO เป็นต้น.

FSS:แม้จะแกว่งย้อนในช่วงบ่ายตลอด แต่คาดว่าใกล้ที่จะขยับเข้าใกล้ 840 แล้ว...
แนวโน้ม:
แม้ว่านักลงทุนในสหรัฐยังคงเข้าซื้อหุ้น เนื่องจากผลประกอบการของธุรกิจต่างๆ ยังประกาศออกมาดีเกินคาดต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดวันเป็นบวกได้ แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในระหว่างวันตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงกว่า 60 จุด หลังเฟดได้แสดงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ดูอ่อนแอลง จากตัวเลขค้าปลีกที่ลดลงกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปและเอเชียเช้านี้ปรับตัวลดลงจากปรเด็นดังกล่าว แต่ก็ถือว่ายังปรับลงไม่มากนัก ขณะที่ในวันนี้คาดว่านักลงทุนจะจับตาดูตัวเลขจีดีพีของจีน ซึ่งคาดกันว่าจะออกมาดีอาจช่วยเสริมความมั่นใจในตลาดได้บ้าง หลังวานนี้จีดีพีของสิงคโปร์ออกมาดีเกินคาดไปแล้ว ทำให้ FSS คาดว่า SET จะยังมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนและมีสิทธิลงไปเคลื่อนไหวในด้านลบเช่นเดียวกับภูมิภาค แต่สุดท้ายแล้วยังคาดหมายการแกว่งตัวกลับขึ้นไปสูงกว่า 820 จุดได้อีกครั้ง ซึ่งมองว่าแรงซื้อในหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการรายไตรมาสจะออกมาดี และหุ้นที่จะมีจ่ายเงินปันผลงวดระหว่างกาลจะเป็นตัวช่วยผลักดันให้ SET ปรับลงไม่ลึกและดีดกลับขึ้นได้ตามคาด โดยเฉพาะในวันนี้ยังมีตัวเลขจีดีพีจากจีน ที่คาดว่าจะออกมาดีเช่นเดียวกับจีดีพีของสิงคโปร์เมื่อวานนี้ ซึ่งน่าจะช่วยสนับสนุนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยได้ ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้เลือกตัวเข้าเทรดดิ้ง เพื่อลุ้น SET ขยับกลับขึ้นไปใกล้ๆ 840 จุดได้ในช่วงถัดไป
กลยุทธ์: ยังเลือกเทรดดิ้งเป็นรายหลักทรัพย์ และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อ SET เข้าใกล้ 840 จุดด้วย โดยหุ้นที่ยังน่าสนใจในช่วงนี้ ได้แก่ KBANK, BBL, KTB, KTC, KK, ROJNA, KH, PDI, TVO, LST, HANA, TKS, TRC, VNG, BECL, SSI, TSTH, ESSO, GLOW, CPN, QH, DTAC เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็นการขึ้นครั้งแรกในรอบ 15 เดือน
นับตั้งแต่ เม.ย. 2552 เหตุผลคือเศรษฐกิจฟื้นตัวชัดเจน การเมืองมีผลกระทบจำกัด และเริ่มให้น้ำหนักกับเงินเฟ้อซึ่งมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น ตลาดเงินและตลาดพันธบัตรรับรู้ไปล่วงหน้าแล้ว ส่วนตลาดหุ้นได้รับรู้ไปบ้างแล้วเช่นกันผลกระทบจึงน้อย ดอกเบี้ยขาขึ้นเป็นผลลบกับธุรกิจเช่าซื้อเช่น KK, TISCO แต่เป็นบวกกับแบงก์ใหญ่ KBANK ได้ประโยชน์มากสุด รองลงมาเป็น KTB, SCB และเป็นลบด้านจิตวิทยากับกลุ่มอสังหาฯ แต่หากหุ้นปรับลง แนะนำซื้อ PS (เป้าหมาย 20.2 บาท) และ AP (เป้าหมาย 7 บาท)
ยอดขายรถเดือน มิ.ย. +62.6%Y-Y โตสูงสุดในรอบ 10 ปี ทำให้งวด 6 เดือนแรกโต 54.1% เป็นบวกกับ KCE (เป้าหมาย 10 บาท) STANLY (เป้าหมาย 150 บาท)
ผลสำรวจนักวิเคราะห์เพิ่มเป้า SET ปีนี้เป็น 849 จุด จาก 827 จุด (FSS 860 จุด) และลดเป้าปีหน้า 915 จุด เดิมคาด 946 จุด (FSS 1100 จุด) แนะใช้ความระมัดระวังใน การลงทุน เพราะตลาดในระยะนี้ยังมีความเสี่ยงและผันผวน
นายกฯ คาดคดี 29 ล้านบาทรู้ผลประมาณ ต.ค. – พ.ย. นี้ ส่วนคดี 258 ล้านบาท ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนหลังจากนั้น
ประเด็นที่ต้องติดตาม กม.ปฏิรูประบบการเงินของสหรัฐฯ สว. จะลงคะแนนวันพรุ่งนี้ และลงคะแนนครั้งสุดท้าย 17 ก.ค. และผล Stress Test แบงก์ยุโรปที่ CEBS จะ รายงานเป็นกลุ่ม ส่วนแบงก์ของแต่ละประเทศขึ้นอยู่กับประเทศนั้นๆว่าจะประกาศหรือไม่
Foreign Fund Flow วานนี้ไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน และมีปริมาณที่มากกว่าปกติ ซึ่งไหลเข้าซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวันและเกาหลีใต้มากสุด แต่ขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเพียงตลาดเดียว Fund Flow ที่ไหลเข้าต่อเนื่องน่าจะเป็นมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลายประเทศในเอเชียจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นอีก แต่จะส่งผลลบต่อตลาดพันธบัตร ดังนั้นจึงมีเม็ดเงินเคลื่อนย้ายจากตลาดพันธบัตรเข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น สำหรับแนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติจะยังไหลเข้าเอเชีย แต่จะยังไม่มาก เนื่องจากค่าเงินยุโรปและเอเชียยังคงแข็ง

ข่าวภายในประเทศ
มอร์แกนปรับราคา BIGC ยุซื้อกิจการคาร์ฟูร์ไทย
ตะลึงคนเชียร์เคยเป็น FA ให้คาร์ฟูร์มาก่อน เป้าหมาย 62 บาท Morgan Stanley Asia ปรับเป้าหมายหุ้น BIGC ใหม่ จากเดิมอยู่ที่ 57.70 บาท เพิ่มเป็น 62 บาท หลังแนวโน้มผลประกอบการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไตรมาส 2 จะมีกำไรเพิ่มขึ้น ปราศจากภาระดอกเบี้ยจ่าย หลังเคลียร์หนี้หมดตั้งแต่ไตรมาส 4/52 เรียบร้อยแล้ว ตะลึงมอร์แกนฯ เคยเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับคาร์ฟูร์ ฝรั่งเศส ในการขายหุ้น Finiper บริษัทลูกในอิตาลี เชียร์ BIGC ให้ซื้อคาร์ฟูร์ไทย หากได้จริงงานนี้ขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจและกำไรเพิ่มทวีคูณ(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-07-2010)
ศุภาลัยเป้า 17 บาทมีอัพไซด์เหลือ 48% “SPALI” ฮอตราคาพุ่งทะยานกว่า 13% ปิดตลาด 11.50 บาท ทุบสถิติสูงสุดในรอบ 15 ปี หลัง “บล.ภัทร” ออกบทวิเคราะห์เชียร์ให้ลูกค้าซื้อ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายใหม่ 17 บาท จากเดิม 11 บาท เหลืออัพไซด์ 48% เชื่อราคาหุ้นถูก คาดกำไรสุทธิปีนี้แตะ 2,800 ล้านบาท จ่ายดิวิเดนด์ยีลด์สูง 7%(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-07-2010)
QH ผุด 20 โครงการกำไรโต 20% “คิวเฮ้าส์” รุกหนักครึ่งหลังเตรียมเปิด 20 โครงการใหม่มูลค่า 24,000 ล้านบาท เจาะทุกตลาดล่าง-กลาง-บน “สุวรรณ” มั่นใจรายได้ปีนี้ตามเป้า 15,000 ล้านบาท เติบโต 30% ส่วนกำไรสุทธิปีนี้เป้าโต 20% รายได้ค่าเช่าเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ฟื้นตัวดีขึ้นเดือนพ.ย.จ่อบุ๊ครายได้โอนคอนโด “คิวหลังสวน” กว่า 700 ล้านบาท ดันงบ Q4 สวย ล่าสุดปลื้มขายหุ้นกู้ 3,000 ล้านบาท โบรกฯแนะ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 2.72 บาท(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-07-2010)
SICCO วอลุ่มโป่งเทิร์นติดแคชบาลานซ์ SCB รับเจรจาขาย ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมประกาศ หุ้น SICCO ถูกบังคับซื้อหุ้นในบัญชีเงินสด(แคช บาลานซ์) หลังเข้าข่ายคุณสมบัติทุกประการ ทั้งวอลุ่มเทรดเฉลี่ยเกินวันละ 100 ล้านบาท เทิร์นโอเวอร์ฯ พุ่ง 71% มีผลการดำเนินงานขาดทุน มีผลตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.นี้เป็นต้นไป ด้าน SCB แจงพยายามขายหุ้น SICCO อยู่ และปัจจุบันยังมีการดำเนินการอยู่ และยังไม่บรรลุข้อสรุปใดๆ ส่วนข้อมูลยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ด้าน LH BANK ปัดซื้อ SICCO(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-07-2010)
ไอเอ็นจีจ้างที่ปรึกษาทำดิวดิลิเจนซ์ TMB ไอเอ็นจี เร่งปิดดีลทหารไทย วงในเผยเตรียมจ้างที่ปรึกษาทางการเงินทำดิวดิลิเจนซ์ คาดใกล้เคียง3 บาท หวังปิดดีลกับคลังให้ได้ ด้านสำนักรัฐฯ ประเมินหากบวกค่าเสียโอกาสราคาจะพุ่งถึง 4-5 บาทต่อหุ้น ขณะที่ต่างชาติ-กองทุนแอบซื้อหุ้นTMB ผ่านไทยเอ็นวีดีอาร์แค่วันเดียว เกือบ 60 ล้านหุ้น งานนี้ต่างชาติสนใจเข้ามาเล่น TMB เหตุสภาพคล่องสูง ซื้อง่ายขายคล่อง(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-07-2010)
SNC ออเดอร์ญี่ปุ่นไหลเข้าไตรมาส 4 รายได้ปีนี้โต 30% SNC ออเดอร์ญี่ปุ่นเข้าไตรมาส 4/53 ตอกย้ำลูกค้าต่างประเทศ หลังคำสั่งซื้อจากลูกค้าออสเตรเลียจะเข้ามาไตรมาสนี้ หลังการเมืองสงบส่งผลให้ผลประกอบการครึ่งปีหลังดีต่อเนื่อง แม้จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ หนุนให้รายได้ทั้งปีโตกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 30% จากคำสั่งซื้อที่มากขึ้น โบรกฯ ปรับเพิ่มราคาพื้นฐานเป็น 12.40 บาท ลุ้นจ่ายปันผลระหว่างกาลที่ 0.50 บาท(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-07-2010)
MJD-W1 เทรดวันนี้ 0.80 - 1 บาท ซื้อเก็งกำไรได้ลุ้น เซียนหุ้นฟันธง “MJD-W1” เทรดวันแรกในวันนี้คึกคัก คาดนักลงทุนให้ความสนใจราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 0.80-1 บาท รับแรงหนุนหุ้นแม่ “MJD” อนาคตสดใส คาดกำไรปีนี้โตก้าวกระโดด 20% จากปีก่อน ขณะที่ราคาในกระดานยังต่ำกว่าเป้าหมาย 4.46 บาท ระยะยาวมีแนวโน้มขึ้นได้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” MJD-W1(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ไทยรัฐ - หุ้นมะกันปรับขึ้น-น้ำมันลดปิด77.04ดอลลาร์
หุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังผลประกอบการอินเทลน่าพอใจ ส่วนราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์​ ปรับลดลง ปิดที่ 77.04 ดอลลาร์สหรัฐฯ...

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันที่ 14 ก.ค. ว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีพุ่งขึ้นจากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลัง อินเทล คอร์ป บริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้เป็นไปตามเป้า ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 10,366.72 จุด เพิ่มขึ้น 3.70 จุด แนสแดค ปิดที่ 2,249.84 จุด เพิ่มขึ้น 7.81 จุด และเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,095.17 จุด ลดลง 0.17 จุด

ส่วน ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 11 เซนต์ ปิดที่ 77.04 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: เงินเฟ้อยุโรปเดือนมิ.ย.ชะลอตัว ขณะผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.ขยายตัวน้อยเกินคาด อัตราเงินเฟ้อของยุโรปชะลอตัวลงในเดือนมิ.ย. ขณะที่ตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากเศรษฐกิจยังเผชิญอุปสรรคต่อการขยายตัว สำนักงานสถิติของยุโรปเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคใน 16 ประเทศสมาชิกที่ใช้เงินยูโร เพิ่มขึ้น 1.4% จากปีก่อนหน้านี้ น้อยกว่าที่
ขยายตัวได้ 1.6% ในเดือนพ.ค. ขณะที่ผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนพ.ค.ขยายตัวขึ้น 0.9% จากเดือนก่อนหน้าซึ่งขยายตัวที่ 0.9% เช่นกัน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 14-07-2010)
สหรัฐอเมริกา: FED ลดคาดการณ์การขยายตัวศก.สหรัฐปีนี้ลงเหลือ 3.0-3.5% ส่งสัญญาณเพิ่มมาตรการรับมือภาวะชะลอตัว ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 22-23 มิ.ย.ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวในระดับปานกลาง แต่สหรัฐอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการเพิ่มเติมเนื่องจากมีสัญญาณบ่งชี้ถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ โดยสหรัฐจำเป็นต้องหาทางเลือกใหม่ๆเพื่อรับมือกับภาวะ
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น