Code 64 : จาก Road Map สู่ Red Map

วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม 2553

ATT-Code : จาก Road Map สู่ Red Map

ตลาดตอบรับแผนการปรองดองของรัฐบาล (Road Map) แค่วันเดียว
จากนั้นนักลงทุนก็เจอความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของยุโรป
ส่งผลทางจิตวิทยาในการลงทุนของนักลงทุนทั่วโลก
ทำให้ตลาดได้กลายเป็น World Red Map ไม่ใช่แดงทั้งแผ่นดิน
แต่เป็นแดงทั้งกระดาน แดงทั้งโลกเลย

ภาคเช้า TFEX เปิดที่ 543.90 จุด -11.20 จุด หลุดเส้น 5 วัน ที่ 545
ก็ต้องดูเส้นต่อไปคือ 10 วัน ที่ 541 และ 25 วัน ที่ 538
SET เปิดที่ 771.79 จุด -13.46 จุด หลุดเส้น 5 วัน 775 ลงมา
ต่อไปก็ต้องดูที่เส้น 10 วัน ที่ 770 และเส้น 25 วัน ที่ 766

ภาคเช้า TFEX ปิดที่ 539 จุด -16.10 จุด ก็ไหลลงมาอีก 5 จุด
และก็หลุด 538 ลงไปแล้ว ที่ 535.8 แต่ก็ยังกลับมาใหม่ได้
ส่วน SET ปิดที่ 765.78 จุด -19.47 จุด หลุด 766 ลงมา
และยังกลับขึ้นไปไม่ได้ ต้องดูภาคบ่ายว่าจะรับอยู่หรือไม่

ภาคบ่ายเปิดตลาดมา SET ก็ลงต่อตามภูมิภาค โดยเพาะ HSKI
ที่ Rebound มาเหลือ -140 จุด แต่ภาคบ่าย ก็กลับมาลบเกือบ 400
ทำให้ SET ลงมาอยู่ที่ 761 โดยที่ SET ปิด Gap ที่ 763 ได้แล้ว
ยิ่งถ้าหลุด 760 ทำให้ Sentiment ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
แต่ HSKI กลับมา Rebound ได้อีกครั้ง
ทำให้ SET ค่อยๆ ยืนขึ้นมาได้ เหนือ 766 ได้ แต่ก็ลุ้นอยู่นาน
และช่วง Call Market มีแรงซื้อเข้ามา ทำให้ SET ปิดที่ 768.55
ลบไป 16.70 จุด V. 31,026 MB.

ส่วน TFEX ปิดไปที่ 540.10 จุด -15 จุด

สัปดาห์หน้า ก็ต้องติดตาม
1. การยุติการชุมนุมของ นปช. และเดินหน้าตาม Road Map
2. การประชุมของยุโรโซน ในการแก้ไขปัญหาของกรีซ
ว่าสามารถคลีคลายปัญหาได้มากน้อยแค่ไหน

--------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ม่สิ้นหวัง 830 จุด!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 6 พ.ค.53 ปิดที่ 785.25 จุด ลดลง 11.61 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 34,044.93 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 5,689.02 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะกลยุทธ์การลงทุน หากดัชนีสามารถยืนเหนือแนวรับที่ 780 จุดได้ ยังเป็นจังหวะทยอยซื้อ โดยประเมินแนวต้านไว้ที่ 790-800 จุด

แต่อย่างไรก็ตาม หากดัชนีฯปรับตัวลดลงที่ระดับ 770 จุด ถือเป็นสัญญาณไม่ดี ซึ่งหากต่ำกว่า 770 จุด แนะนำลดพอร์ตลงทุน 50% และหากดัชนีฯต่ำกว่า 750 จุด แนะขาย เพื่อถือเงินสด

"วิวัฒน์ เตชะพูนผล" หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ทิสโก้ ประเมินว่าปลายเดือน พ.ค.นี้ มีโอกาสได้เห็นดัชนีปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดของปีนี้ที่ระดับ 810-830 จุด รับข่าวดีการเมืองที่เริ่มคลี่คลาย และคาดว่าจะมีการประกาศยุบสภาช่วง 15-30 ก.ย. ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง 14 พ.ย.

อีกทั้งเชื่อว่าช่วงที่เกิดการยุบสภายังมีโอกาสได้เห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนี แต่ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง ดัชนีมีโอกาสอ่อนตัวลงจากการหาเสียงที่มีความรุนแรง ซึ่งการปรับตัวขึ้นลงของดัชนีในรอบนี้จะผันผวนมาก

ขณะที่ช่วงไตรมาส 3 ต่อเนื่องไปยังไตรมาส 4 หรือช่วงเดือน ต.ค. มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวลงแรงไปที่ระดับ 710-670 จุด

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนก่อนที่ดัชนีใกล้จะจบรอบของการปรับตัวขึ้นรอบใหญ่นั้น แนะนำให้ขายลดพอร์ตเมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 810-830 จุด และกลับไปรอซื้อที่บริเวณแนวรับที่ 775-765 จุด โดยให้จุดขายตัดขาดทุน หากดัชนีปิดต่ำกว่า 760 จุด

ทั้งนี้ แนะให้ซื้อหุ้นที่มีผลการดำเนินงานดี ราคายังมี Up Side เทียบกับปัจจัยพื้นฐาน เช่น กลุ่มพลังงาน ได้แก่ BANPU, PTT และ PTTEP กลุ่มก่อสร้าง ได้แก่ SCC และ DCC

กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ได้แก่ BBL, KBANK, SCB, KTB, TCAP และ TMB รวมทั้งหุ้น ADVANC, DTAC, SAT, BIGC, LPN, AP และ HEMRAJ !!

FSS : ตลาดเริ่มลงจริงจัง..จะเทรดดิ้งต้องเน้นไว และมีจุดตัดขาดทุนด้วย!!
แนวโน้ม: ความกังวลต่อปัญหาหนี้สินในยุโรป ยังเป็นประเด็นกดดันความมั่นใจของนักลงทุนทั่วโลกต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัวลงกว่า 347 จุดหรือคิดเป็นลบ 3.20% ขณะที่ VIX index ที่แสดงถึงความกังวลของนักลงทุนก็ขยับพุ่งขึ้นกว่า 31% มาอยู่ในระดับสูงกว่า 32 จุด ขณะที่แรงขายของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานนี้ก็ยังคงมีออกมาเกือบจะในทุกตลาด โดยตลาดหุ้นไทยมีแรงขายของนักลงทุนต่างชาติสูงถึงเกือบ 5.7 พันล้านบาท ส่วนภาวะตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็ยังเริ่มต้นด้วยการปรับตัวลดลงตามความกังวลเกี่ยวกับหนี้สินของกรีซ และแรงกดดันจากสภาพตลาดหุ้นทางฝั่งสหรัฐและยุโรป สำหรับปัญหาการเมืองในบ้านเราเองก็ถือว่ายังไม่มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเท่ากับที่หลายฝ่ายได้คาดหวังไว้หลังการแถลงแผนปรองดอง 5 ข้อของนายกฯ ไปเมื่อค่ำวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้ FSS คาดว่า SET จะยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยเรายังมองระดับดัชนีที่เหมาะสมสำหรับการเข้าเลือกหุ้นซื้อเพื่อถือลงทุนระยะกลาง-ยาวไว้ที่ 680 จุดหรือที่ระดับ P/E 10-11 เท่าเช่นเดิม

กลยุทธ์: เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ และการเมืองภายในยังอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง การเข้าเทรดดิ้งในระยะนี้จึงมีความเสี่ยงต่อการผันผวนของตลาดค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงไม่แนะนำ แต่ถ้าเข้าเทรดดิ้งอยู่ก็ควรขายทำกำไรให้ไว และต้องมีจุดขายตัดขาดทุนด้วย ส่วนจังหวะของการทยอยเข้าซื้อเพื่อถือลงทุนในระยะกลาง-ยาวนั้น เรายังเน้นให้รอทยอยเข้ารับหุ้นที่มีราคาตลาดต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานมากๆ ซึ่งได้แก่ KBANK, SCB, BBL, BAY, TTW, HMPRO, CPALL, BIGC, MAKRO, AP, PS, LH, QH, CPN, PTTEP, ROJNA เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
-ต่างชาติเพิ่งขายไป 21% ของที่ซื้อไปตั้งแต่เดือน ก.พ. วานนี้ตลาดหุ้นไทยลบ 1.5% ใกล้เคียงกับตลาดในภูมิภาค นำลงโดยกลุ่มแบงก์ วัสดุก่อสร้าง พลังงานและปิโตรเคมี CDS ของไทยปรับขึ้นต่อเนื่องอีก 8bps ต่างชาติขายสุทธิถึง 5.69 พันล้านบาท (และ short Futures ถึง 2.5 พันสัญญา) ทำให้ยอดในเดือน พ.ค. เป็นขายสุทธิ 7.2 พันล้านบาท มากกว่าเดือน เม.ย. ทั้งเดือนที่ขายสุทธิ 4.1 พันล้านบาท หากนับตั้งแต่ที่ต่างชาติเริ่มขายคือวันที่ 8 เม.ย. (รัฐบาลประกาศ พรก.ฉุกเฉิน) รวมเป็นยอดขาย 1.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 21% ของยอดที่ซื้อติดต่อกัน 31 วันก่อนหน้านั้น (22 ก.พ. – 7 เม.ย.) แต่ยอดทั้งปี 2010 ยังเป็นการซื้อสุทธิ 3.1 หมื่นล้านบาท (ปี 2009 ซื้อสุทธิ 3.8 หมื่นล้านบาท) การเมืองของไทยไม่ใช่ประเด็นเดียวที่ต่างชาติขาย แต่เป็นการขายทั่วทั้งภูมิภาค 4 วันติดต่อกัน (ขายมากขึ้นในไต้หวันและไทย ส่วน CDS ของหลายประเทศในเอเชียพุ่งขึ้นอย่างมีนัยเช่นเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และฟิลิปินส์)

-การเมืองยังไม่มีพัฒนาการที่ดีขึ้นไปกว่าเมื่อวาน Roadmap ของนายกฯ ยังเป็นที่ถกเถียงกัน ทั้ง พธม. และกลุ่มเสื้อหลากสีไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา ขณะที่พรรคร่วมฯ ก็ต้องการความชัดเจนเรื่องวันยุบสภา วันนี้ นายกฯ จะพบกับกลุ่มเสื้อหลากสี และสัปดาห์หน้านัดถกกับพรรคร่วมพร้อมยืนยันไม่แก้มาตรา 237 (ว่าด้วยการยุบพรรค) ส่วนนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี DSI ยืนยันดำเนินคดีกับแกนนำ 9 รายแม้ว่าจะปรองดองกันแล้วก็ตาม โดยหากแกนนำไม่มามอบตัวในวันที่ 15 พ.ค. DSI เตรียมดำเนินการตามแนวทางที่วางไว้

-Dow Jones ร่วงกว่า 3% Dow Jones ร่วงหนักถึง 347.8 จุดหรือ 3.2% โดยในระหว่างวันปรับลงไปถึง 998 จุดหรือ 8% - 9% หนักสุดในประวัติศาสตร์ นอกจากความกังวลเรื่องการลุกลามของหนี้ในยุโรปที่อยู่ในตลาดอยู่แล้ว มีการคาดหมายว่าอาจมี Trader ของบริษัทขนาดใหญ่ส่งคำสั่งผิดพลาดในการซื้อขาย ส่วน S&P และ Nasdaq ตกลงกว่า 3% เช่นกัน ขณะที่ดัชนีความกลัวหรือ VIX พุ่งขึ้นถึง 32% มาอยู่ที่ 32.8 จากวันก่อนที่ 24.91 ส่วนทองในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยปรับขึ้น US$22.3 มาปิดที่ US$1,197.3

-ราคาน้ำมัน 3 วันร่วง 10% ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตรึงดอกเบี้ยตามคาดที่ 1% แต่น่าผิดหวังที่ไม่ได้เสนอมาตรการใหม่ๆ ที่จะแก้ปัญหากรีซ และไม่ได้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อพยุงไม่ให้ยูโรร่วง (วันนี้ติดตามรัฐสภาเยอรมนีจะลงมติเห็นชอบการให้เงินช่วยเหลือกรีซ) ส่งผลให้ค่าเงินยูโรร่วงต่อและทำ New low ในรอบ 14 เดือน มาปิดที่ 1.26 ดอลลาร์/ยูโร ส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลงอีก 3.5% มาปิดที่ US$77.11 (ราคาน้ำมัน 3 วันนี้ร่วงหนัก US$9 หรือ 10%)

--------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
หุ้นมะกันดิ่งกว่า300จุดกังวลหนี้กรีซ

หุ้นสหรัฐดิ่งลงหนักกว่า 300 จุด กังวลหนี้สินกรีซ ขณะราคาน้ำมันลดลง ปิดที่ 77.11 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล...

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 6 พ.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีปรับลดลงอย่างหนักตลอดการซื้อขาย ก่อนจะค่อยฟื้นตัวขึ้นมาได้ในช่วงท้าย หลังนักลงทุนวิตกกังวลว่า สถานการณ์หนี้สินของกรีซ ที่เพิ่งลงมติรับรองมาตรการรัดเข็มขัดลดรายจ่ายของประเทศขนานใหญ่ อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,520.32 จุด ลดลง 347.8 จุด หรือ 3.20% ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 2,319.64 จุด ลดลง 82.65 จุด หรือ 3.44% และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,128.15 จุด ลดลง 37.75 จุด หรือ 3.24%

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ปรับลดลงต่อเนื่องอีก 2.86 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ 77.11 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ตลาดหุ้นสำคัญของยุโรป ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดที่ 5,260.99 จุด ลดลง 80.94 จุด หรือ 1.52% ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 5,908.26 จุด ลดลง 50.19 จุด หรือ 0.84% และดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ 3,558.10 จุด ลดลง 77.93 จุด หรือ 2.14% ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 79.83 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 2.78 ดอลลาร์สหรัฐ

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดที่ 1,196.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ปรับขึ้น 22.30 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนตลาดลอนดอน ปิดที่ 1,194.35 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ปรับขึ้น 22.40 ดอลลาร์สหรัฐ

--------------------------------------------------------
หุ้นเด่น - ประเด็นข่าว : FSS
*เล่นหุ้น IVL รับ 2 เด้ง ปันผล-ส่วนต่างราคา เลียนแบบหุ้น CPF เชียร์ซื้อเป้าสูง 23 บาท
นักลงทุนแห่เล่นหุ้น IVL ได้กำไร 2 เด้ง ทั้งเงินปันผล 0.33 บาท แถมวันนี้ขึ้น XD ราคาหุ้นวิ่งสวนทางแทนที่จะติดลบ 0.33 บาทตามทฤษฎี ทำให้กำไรส่วนต่างราคากันอีกรอบ เช่นเดียวกับหุ้น CPF ที่กำไร 2 เด้งมาแล้ว ที่สำคัญพื้นฐาน IVL แข็งแกร่งหลังไม่ถึงครึ่งปีไล่เทกกิจการแล้ว 2 แห่ง โบรกฯแนะซื้อลงทุน ให้ราคาเป้าหมายกันถึง 23 บาท ขานรับรายได้ปีนี้ทะลุ 100,000 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 7-05-2010)
• CPF ส่งออกกุ้งทะลัก ได้ดีตลาดสหรัฐป่วน CPF นิวไฮราคาแตะ 17.90 บาท รับข่าวน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโก เชื่อดันการส่งออกกุ้งไปสหรัฐเพิ่มขึ้น มองไตรมาส 2-3 เติบโตต่อเนื่องจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น โบรกฯ เชียร์ “ซื้อเก็งกำไร” คาดปีนี้กำไร 12,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากส่งออกไก่และกุ้งที่เติบโตไดด้ ี(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 7-05-2010)
• หวั่น SSC ซ้ำรอย STEEL จับตากรณีราคาเสนอทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ หุ้น SSC อาจถูก IFA ประเมินไม่เห็นด้วยกับราคาที่เสนอมา ซ้ำรอยกับเคสของ STEEL ด้าน “ศักรินทร์” แนะนักลงทุนรอการประเมินของ IFA ด้าน ตลท. เตือนผู้ถือหุ้น STEEL ศึกษาข้อมูลความเห็นที่แตกต่างอย่างรอบคอบ ก่อนร่วมประชุมวิสามัญ 13 พ.ค. นี้ ส่วน “ประสิทธิ์” ย้ำแผนแลกหุ้นกับโซล่า เพาเวอร์ เดินหน้าต่อสัดส่วน 1:10 แม้ IFA ค้านอัตราแลกหุ้นไม่เหมาะสม (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 7-05-2010)
• IHL ชูโรงชิ้นส่วน Q1 กำไร 113 ล้าน SAT-STANLY เด่น ชิ้นส่วนยานยนต์กำไรหรูจริง IHL-TRU ควงคู่พลิกกำไรบาน ฟาก IHL โชว์กำไรปรี๊ด 113 ล้านบาท ด้าน “องอาจ” ย้ำไตรมาส 2 ยังดีต่อไม่เลิก หลังออเดอร์งานเข้าเพียบไม่หยุด ขณะที่ TRU กำไรตื่น 23 ล้านบาท คำสั่งซื้อชิ้นส่วนช่วยดัน วงการเงินการันตี กำไรหุ้นชิ้นส่วนถึงเวลาตื่นได้แล้ว SAT-STANLY ยังเด่น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 7-05-2010)
• โบรกฯมองวันนี้หุ้นลงต่อ โบรกฯคาดการณ์ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อ 1-2% หลังนักลงทุนต่างชาติหวั่นวิกฤตกรีซเทขายหุ้นส่วนปัญหาการเมืองไทยรอเพียงความชัดเจนและมีโอกาสทำให้หุ้นดีดตัวขึ้นได้ เชื่อยังแกว่งตัวในกรอบ 770-800 จุด ด้าน กบข. เชื่อมั่นหุ้นไทยโตได้อีก10-15% ส่วน ก.ล.ต.รอข้อมูลต่างประเทศเก้อ แบไต๋สอบลมต้นตอปล่อยข่าวลือทุบหุ้นปี 52 ขณะที่กลุ่มนปช.-รัฐบาล ยังเล่นแง่กันอยู่ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 7-05-2010)
• ไทยคม Q1 ขาดทุนลดลง หมดภาระรายจ่ายพิเศษเสี่ยงพิพาทดาวเทียมใหม่ THCOM ไตรมาสแรกขาดทุน 100 ล้านบาท ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 500 ล้านบาท หลังไม่ต้องแบกภาระบันทึกรายจ่ายพิเศษ และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน โบรกฯมองแม้ภาพรวมดูดีขึ้น แต่ยังมีความเสี่ยงกรณีพิพาทกับไอซีที สร้างดาวเทียมใหม่ 2 ดวง กระทบต่อผลประกอบการรวมยาวไปถึงปีหน้า (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 7-05-2010)
• BANPU เข้าซื้อหุ้น Centennial ขยายธุรกิจถ่านหินออสเตรเลีย BANPU กว้านซื้อหุ้นเหมือง Centennial 14.9% หวังขยายธุรกิจถ่านหินในออสเตรเลียเพิ่ม ขณะที่ลุ้นแจ้งกำไรไตรมาส 1/53 กว่า 2,800 ล้านบาท โต 73% จากไตรมาสก่อน หลังรับประโยชน์จากราคาถ่านหินขาขึ้น ส่วนความต้องการใช้ถ่านหินในจีนยังคงสูงต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 7-05-2010)
• PREB ยิ้มแฉ่งได้งานช้างสร้างคอนโดมูลค่าพันล้านแบ็กล็อกพุ่งเกือบ 3 พันล. “พรีบิลท์” ยิ้มแฉ่งได้รับงานใหญ่ของ “ทีซีซีซีแอล อโศก” ก่อสร้างคอนโด 42 ชั้นบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มูลค่า 1,113 ล้านบาท ดันแบ็กล็อกทะลักเกือบ 3,000 ล้านบาท หลังล่าสุดปรับเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้ 2,000 ล้านบาท โต 30% จากเดิมคาดโต 20% จากปีก่อน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 7-05-2010)
• BGH ไตรมาสแรกแจ่มกำไรโต 48% BGH กำไรไตรมาสแรกโดดเด่น คาดเติบโตประมาณ 48% ที่ 672 ล้านบาท เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวฟื้นส่งผลให้มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มทั้งชาวไทยและต่างชาติ ดันรายได้บริการโต 12% อยู่ที่ 5,934 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 7-05-2010)
• คลังห่วงงบปี54 ไม่ทันยุบสภาปัดข้อเสนอลดภาษีน้ำมันดีเซล หวั่นรายได้หด “กรณ์” ห่วงงบประมาณปีหน้า เสนอสภาฯไม่ทันก่อนยุบปฏิเสธใช้งบไทยเข้มแข็ง 1.6 หมื่นล้านไม่ผ่านการตรวจสอบ ส่วนแผนลดภาษีน้ำมันดีเซล ยันยังไม่มีหนังสือจากกระทรวงพลังงาน ขณะที่อธิบดีสรรพสามิตระบุ หากลดกระทบรายได้แน่นอน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 7-05-2010)

--------------------------------------------------------
Technical View : FSS
“ดัชนียังมีโอกาสแกว่งลงต่อเนื่อง ดังนั้นถ้าจะจับจังหวะเข้าเทรดดิ้ง ให้ตามดูแรงซื้อจากแนวรับต่างๆ ก่อนเข้า และต้องเน้นเล่นเร็ว ทำกำไรไว เพราะมีสิทธิจะเป็นการแกว่งตัวลงไปทำจุดต่ำๆ กว่า 700 จุดได้...”
แนวรับ : 777-775* , 770-764** , 757-747***
แนวต้าน : 790** , 800-807***


-------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น