Code 83 : ขึ้นขาย - ลงซื้อ

วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2553

ATT Code : ขึ้นขาย - ลงซื้อ
SET เปิดที่ 742.49 จุด + 5.21 จุด โดยเปิดเลยแนวต้านที่ 740 ก็ต้องดูแนวต้านต่อไปที่ 747-750 ซึ่งเป็นแนวต้านที่ 10 วัน และ 75 วัน เป็นแนวต้านที่สำคัญว่าจะผ่านได้หรือไม่ ซึ่งหลายๆ โบรกก็ให้ความเห็นว่าให้ขายตามแนวต้านต่างๆ ทำให้จะเห็นว่า พอถึง 749 ก็มีแรงขายแล้วก็ทรุดลงไป ตอนเช้า ต่างชาติขาย 1,200 ล.บ.

ช่วง Call Market มีแรง Bid ขวาในตัวใหญ่หลายๆ ตัว ทำให้ SET ปิด 750.43 จุด +13.15 จุด V. 17,430 M.B. ถือว่าดี สามารถยืน 750 ได้ ดังนั้น พรุ่งนี้ก็ต้องดูที่ BB Average 760 ว่าจะผ่านหรือไม่ แต่จาก Oscillator ต่างๆ เช่น STO นั้น %K ก็ตัด %D ขึ้นไปแล้ว และ MACD ก็มีแนวโน้มว่าจะสามารถตัดเส้น Signal ได้ ถ้า SET สามารถยืนเหนือ 750 ไปได้ โดยอาจจะต้องดูตลาดโดยรวมด้วยเหมือนกัน

ส่วน TFEX ก็เปิดที่ 513.80 จุด + 1.80จุด โดยมีแนวต้านที่เส้น 10 วัน อยู่ที่ 521 จุด โดย TFEX ปิดที่ 519.60 จุด


วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเดือน โดยมีฝรั่งซื้อเป็นวันแรกในรอบหลายสัปดาห์

---------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย

ไทยรัฐ - ทิศทางหุ้น 31/05/53
ภาวะการซื้อขายหุ้น
แนวโน้มในสัปดาห์นี้ (31 พ.ค.-4 มิ.ย. 2553) บริษัท หลักทรัพย์กสิกรไทย และบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยอาจเผชิญแรงขายทำกำไรหากฟื้นตัวขึ้น โดยปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจและเงินเฟ้อโดย ธปท.และกระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 720 และ 712 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 750 และ 780 จุด ตามลำดับ.

ภาวะตลาดเงินและตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นทรงตัวอีกครั้งหลังจากขยับขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ประเภทกู้ยืมข้ามคืน (Overnight) มีระดับหนาแน่นตลอดทั้งสัปดาห์ที่ระดับ 1.15% ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 1.205%

เงินบาทในประเทศ (Onshore) ปรับตัวในทิศทางที่อ่อนค่าเกือบตลอดสัปดาห์ตามทิศทางการอ่อนค่าของสกุลเงินในภูมิภาค ซึ่งถูกกดดันจากกระแสการลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุนท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ภาครัฐของยูโรโซน และสถานการณ์ที่ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี.

บ.ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด

FSS : เน้นขายทำกำไร แล้วถือเงินสดไว้รอรับต่ำ...
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นไทยปิดทำการไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาโดยมีตลาดหุ้นในเอเชียบางแห่งก็ปิดทำการด้วยเช่นกัน ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐยังค่อนข้างแกว่งตัวผันผวนหลังจากดีดตัวบวกขึ้นกว่า 200 จุดไปเมื่อวันพฤหัส แต่สุดท้ายในวันศุกร์ DJIA ก็ยังย้อนกลับมาปิดลบกว่า 122 จุด จากความวิตกเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินในยูโรโซนต่อเนื่อง หลังฟิทซ์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลง รวมทั้งแรงขายจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะติดช่วงวันหยุดในคืนวันนี้ของบ้านเราด้วย ประกอบกับช่วงท้ายของสัปดาห์ที่แล้ว SET ได้ดีดตัวขึ้นมาพอสมควร ทำให้ FSS คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวค่อนข้างผันผวนในช่วงต้นสัปดาห์นี้ และยังมีโอกาสที่จะเน้นหนักทางด้านปรับตัวลงอีกครั้ง ทั้งจากความกังวลต่อปัญหาหนี้สินในยุโรปที่ยังกดดันให้นักลงทุนต่างประเทศน่าจะมีแรงขายต่อเนื่องในตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งความขัดแย้งทางด้านการเมืองในบ้านเราที่แม้ว่าจะมีการยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานฯไปแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในช่วงของการประกาศใช้ พรก. ฉุกเฉินฯ อยู่ โดยเราคาดว่าระดับดัชนีที่จะสามารถดึงดูดความสนใจของนักลงทุนต่างประเทศให้กลับมาทยอยซื้อหุ้นไทยได้อีกครั้งนั้น น่าจะอยู่ที่บริเวณใกล้เคียง 680 จุดหรือที่ระดับพีอีประมาณ 10-11 เท่า
กลยุทธ์: จึงยังแนะนำเพียงเทรดดิ้งตามรอบสั้นๆ และเน้นขายทำกำไรเมื่อตลาดขยับขึ้น จากนั้นแนะนำให้ถือเงินสดเพื่อรอตลาดปรับตัวลงไปแถว 700 จุดหรือต่ำกว่า ก่อนที่จะเริ่มมองหาจังหวะซื้อกันใหม่ โดยหุ้นที่น่าสนใจเมื่อตลาดปรับตัวลงอีกครั้ง ได้แก่ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (BANPU, PTTEP, PTTCH) โรงไฟฟ้า (GLOW) กลุ่มวัสดุฯ (SCC, SCCC, TSTH, DCC) กลุ่มอาหารและเกษตร (CPF, GFPT, TUF, TVO, STA) กลุ่มอิเล็คทรอนิคส์ (KCE, DELTA) และกลุ่มยานยนต์ (SAT, STANLY)

ประเด็นสำคัญวันนี้
-ขึ้นขาย ลงเลือกซื้อ สัปดาห์นี้เป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่ค่อนข้างท้าท้ายตลาดหุ้นเพราะมีรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญหลายตัว เรามองกรอบสัปดาห์นี้ 710 – 745 จุด แนวโน้มต่างชาติยังคงขาย จึงยังคงแนะนำ “ขึ้นขาย” ลงซื้อหุ้นในกลุ่ม Defensive และหุ้นบางตัวที่มีกำไรเติบโตดี มี PE และ beta ต่ำ และมี Story เฉพาะตัวได้แก่ BBL, CPALL, CPF, GLOW, GFPT, KCE, LPN, TUF, PTT ฝ่ายกลยุทธ์ของเราบังคงประเมิน SET Target 860 จุดปลายปีนี้
-สัปดาห์นี้เป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่ค่อนข้างท้าท้ายตลาดหุ้นเพราะมีรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญหลายตัว ตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงต้นสัปดาห์ไม่น่าจะเป็นข่าวบวกกับตลาด ไม่ว่าจะเป็นรายงานเศรษฐกิจของไทยเดือน เม.ย. (จันทร์) ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมตลอดทั้งเดือน ตัวเลขภาคการผลิตของจีน (PMI) (จันทร์) อัตราเงินเฟ้อของไทยเดือน พ.ค. (อังคาร) ที่เพิ่มในอัตราเร่ง ส่วนวันพุธ ติดตามการประชุม กนง. ซึ่งตลาดคาดว่าไม่ขึ้นดอกเบี้ย แต่ให้ติดตามการปรับประมาณการ GDP ในช่วงปลายสัปดาห์ ตลาดหุ้นมีโอกาสรีบาวนด์จากตัวเลขการจ้างงานที่มีแนวโน้มดีขึ้นของสหรัฐฯ (พฤหัส – ศุกร์) โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าการจ้างงานในเดือน พ.ค. น่าจะเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก
-นายกฯ ระบุเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 3.5% - 4.5% ต่ำกว่าเดิมที่คาด 6% - 7% ประกาศเดินหน้าไทยเข้มแข็งต่อ ส่วนการจัดงบประมาณปี 2554 ที่สภาผู้แทนมีมติรับหลักการเป็นวาระแรก เป็นงบขาดดุล 4.2 แสนล้านบาท หรือ 4.1% ของ GDP
-อภิปรายไม่ไว้วางใจ วันที่ 31 พ.ค. – 1 มิ.ย. ฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และ รมต. 5 คน เชื่อว่าไม่มีผลกระทบกับตลาดแต่ก็เป็นประเด็นที่น่าติดตาม

------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
หุ้นมะกันดิ่ง122จุด-น้ำมันปิด73.97ดอลล​์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลดลง 122.36 จุด ปิดที่ 10,136.63 จุด ขณะราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ ปิดที่ 73.97 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ตามเวลาท้องถิ่นว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีดิ่งลงอย่างหนัก ก่อนวันหยุดยาวสุดสัปดาห์เนื่องในวันเมมโมเรียล เดย์ หรือ วันระลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงครามกลางเมืองของสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนยังเทขายหุ้นจากความวิตกกังวล หลังฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปน ที่เพิ่งผ่านญัตติมาตรการรัดเข็มขัดลงมาอีกเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือนเดียว ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,136.63 จุด ลดลง 122.36 จุด หรือ 1.19% ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 2,257.04 จุด ลดลง 20.64 จุด หรือ 0.91% และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,089.41 จุด ลดลง 13.65 จุด หรือ 1.24%

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 58 เซนต์ ไปปิดที่ระดับ 73.97 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ตลาดหุ้นสำคัญของยุโรป ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดที่ 5,188.43 จุด ลดลง 6.74 จุด หรือ 6.74% ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 5,946.18 จุด ปรับขึ้น 9.04 จุด หรือ 0.15% และดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ 3,515.06 จุด ลดลง 10.25 จุด หรือ 0.29% ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 74.02 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 64 เซนต์

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดที่ 1,212.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 0.30 ดอลลาร์สหรัฐ

----------------------------------------------------
Technical View : FSS
“ตลาดรีบาวด์กลับขึ้นมาพอควรแล้ว ต้องเริ่มระวังแรงขายกดกลับลงไปต่ำกว่า 720 จุดได้ ดังนั้นเน้นขายทำกำไร แล้วถือเงินสด เพื่อรอรอบปรับตัวลงของตลาดอีกครั้ง ซึ่งต้องตามดูแรงซื้อจากแนวรับก่อนเข้าเทรดดิ้งด้วย...”
แนวรับ : 730* , 720-718** , 715-710***
แนวต้าน : 740-745** , 748-752***

---------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น