Code 77 : SIR JOHN TEMPLETON

วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม 2553

ATT Code : SIR JOHN TEMPLETON
ในวันหยุดวันสุดท้ายของตลาดฯ เลยขอแนะนำ วิธี การและแนวทางการลงทุน 10 ประการของ เซอร์จอห์น เทมป์เพลตัน SIR JOHN TEMPLETON ในคอลัม ถนนนักลงทุนในกรุงเทพธุรกิจ เห็นว่าน่าสนใจดี ก็เลยนำมาให้ได้อ่านกันครับ

-------------------------------------------------------------
วิธี การและแนวทางการลงทุน 10 ประการของ
เซอร์จอห์น เทมป์เพลตัน SIR JOHN TEMPLETON

Link - http://www.thaivi.com/2010/02/143/

เกษียรแล้ว เคยเป็นหัวหน้า Templeton Investment Management.
รูป แบบการลงทุน เน้นการลงทุนแบบเน้นคุณค่ากระจายทั่วโลก

จอห์น เทมป์เพลตัน เกิดในครอบครัวที่ยากจน เขาเริ่มงานครั้งแรกกับบริษัทหลักทรัพย์ก่อนมีสงครามไม่นาน การลงทุนครั้งแรกของเราเริ่มต้นจากเงินที่ยืมจากเจ้านายจำนวน 10,000 ดอลล่า เขาสามารถลงทุนให้เกิดเป็นเงินทั้งสิ้น40,000 ดอลล่าภายในเวลา4ปี โดยเขานำเงินจำนวนนั้นไปซื้อหุ้นจำนวน104บริษัทระหว่างที่สงครามกำลังรุนแรง และขายออกหลังสงครามเลิก………..
หลังจากทำงาน แรกไม่นานเขาก็ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนของเขาเอง และเมื่ออายุได้ 56 ปีเขาได้ขายมันไปและเริ่มต้นก่อตั้งกองทุนฃึ้นใหม่ชื่อว่า Templeton Growth กองทุนนี้สามารถสร้างผลดำเนินการได้ในระดับที่สูงติดอันดับตลอดระยะเวลา20ปี ทีเดียว จากความสำเร็จนี้เกิดจากการที่เขาสามารถมองเห็นโอกาสในการลงทุนก่อนใคร เช่นโอกาสในญี่ปุ่นช่วงยุค60 และการบูมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในคานาดาช่วงปี70

ผลตอบแทนที่เคยทำได้
จาก ปี 1954-2000, กองทุนTempleton Growth สามารถสร้างผลตอบแทนได้โดยเฉลี่ย 15%ต่อปี

ความสำเร็จที่สำคัญ
เนื่องจากการใช้แนว การลงทุนแบบเน้นคุณค่าทำให้เขาลงทุนในหุ้นจำนวนมาก โดยเขามองว่า ผลตอบแทนจากหุ้นเพียงบริษัทเดียวไม่สำคัญเท่าผลตอบแทนโดยรวมของทั้งportลง ทุน อาจเป็นได้ว่าความสำเร็จที่สำคัญของเขาเกิดจากการลงทุนอย่างมากในตลาดหุ้น ญี่ปุ่นในช่วงปี1962 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดญี่ปุ่นเป็นตลาดที่โตเร็วมากในยุคนั้นจนถึงปี1990

วิธี การและแนวทางการลงทุน
เขาได้สรุปหลักการลงทุนของเขาเป็นทั้ง สิ้นหลักปฎิบัติ10ประการ ซึ่งยังคงใช้เป็นหลักการในการลงทุนและการเลือกพิจารณาหุ้นอยู่ในบริษัทของ เขาจนทุกวันนี้
1 ลงทุนเพื่อผลตอบแทนที่แท้จริง วัตถุประสงค์หลักในการลงทุนระยะยาว คือการสร้างผลตอบแทนหลังหักภาษีให้สูงที่สุด
2 เปิดใจให้กว้างตลอดเวลา เขาไม่เคยใช้หลักการลงทุนใดอย่างถาวร เขามักมีการปรับวิธีการลงทุนให้ยืดหยุ่นเหมาะสมกับสถานการณ์ และเปิดใจให้กว้างเพื่อรับแนวความคิดใหม่ๆเสมอ
3 ไม่ตามคนหมู่มาก หากซื้อหุ้นตามคนหมู่มาก เราก็มักจะได้รับผลตอบแทนแบบเดียวกันกับคนเหล่านั้น การซื้อหุ้นควรทำเมื่อคนส่วนใหญ่เกิดความกลัว และขายเมื่อคนส่วนใหญ่กำลังหึกเหิม การจะทำอย่างนี้ได้ต้องอาศัยความอดทนที่ยิ่งใหญ่ แต่รางวัลที่ได้รับก็มักจะยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน
4 ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ตลาดที่ซบเซามักจะมีเป็นการชั่วคราว หลังจากนั้นจะเป็นตลาดขาขึ้น
5 หลีกเลี่ยงหุ้นที่กำลังเป็นที่นิยม เพราะนักลงทุนเหล่านั้นอาจกำลังเลือกหุ้นที่ผิดพลาดหรือผิดจังหวะเวลาก็เป็น ได้
6 เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง
7 ซื้อหุ้นในช่วงที่ตลาดปกคลุ่มไปด้วยข่าวร้าย
ช่วงเวลาที่ตลาดปกคลุ่มไปด้วย ข่าวร้ายเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อ และช่วงที่ตลาดปกคลุ่มไปด้วยข่าวดีเป็นช่วงที่ควรขายที่สุด
8 มองหาคุณค่าและราคาที่ถูกเมื่อเทียบกับมูลค่าแล้ว ในตลาดหุ้นนั้นการที่จะซื้อหุ้นได้ในราคาที่ถูกมากๆคือตอนที่นักลงทุนส่วน ใหญ่ขายหุ้นออกมา
9 มองหาโอกาสทั่วโลก ถ้าเราสามารถหาโอกาสการลงทุนได้ทั่วโลกเราจะพบว่ามีหุ้นที่ถูกๆมากกว่าการลง ทุนในประเทศเดียว
ไม่มีใครรู้ไปซะทุกเรื่อง
10 ผู้ที่สามารถตอบได้ทุกเรื่องเขาอาจจะไม่เข้าใจคำถามก็ได้

สี่ ปัจจัยหลักในการพิจารณาลงทุน
-P/E ratio เทียบกับบริษัทที่มีลักษณะเดียวกัน
-Operating profit margins โดยเฉพาะถ้ามีการเพิ่มขึ้น
-Liquidating value, มูลค่าที่บริษัทจะสามารถขายได้ทันที
-อัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ย และที่สำคัญอัตราการเติบโตต้องมีความสม่ำเสมอ โดยทั่วไปแล้วให้ระวังบริษัทที่มีการลดลงของการเติบโต2ปีติดต่อกัน

ประโยคทอง
“History shows that time, not timing, is the key to investment success. Therefore, the best time to buy stocks is when you have money.”
“I never made money for clients by buying anything expensive.”

ที่มา : Templeton Maxims, published by Templeton Investment Management Limited

----------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-เศร้าหัวใจ!!


ขออัญเชิญพระดำรัสของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
เจอบันทึกนี้ ให้เอาคำต่อไปนี้ของกู ไปประกาศให้คนรู้ว่า "กู กรม
หลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผู้เป็นโอรสของพระปิยมหาราช ขอประกาศให้รับรู้ ไว้ว่า แผ่นดินสยามนี้ บรรพบุรุษได้เอาเลือดเนื้อ เอาชีวิต เข้าแลกไว้ ไอ้ อี มันผู้ใดคิดบังอาจทำลายแผ่นดิน ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฤา ทำการทุจริต ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อส่วนรวม จงหยุดกระทำนั่นเสียโดยเร็ว ก่อนที่กูจะสังหารผลาญสิ้นทั้งโคตร ให้หมดเสนียดของแผ่นดินสยาม อันเป็นที่รักของกู ตราบใดที่คำว่า "อาภากร" ยังยืนหยัดอยู่ในโลก กูจะรักษาพื้นแผ่นดินสยามของกู ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใดให้กำเนิดมา แผ่นดินใดให้ที่ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเป็นสุข มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น"
(คัดจากอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ปากน้ำหลังสวน จังหวัดชุมพร)

เห็นภาพการ "เผาเมือง" จนพินาศวายวอดของคนไทยด้วยกันเองแล้ว มันเศร้าหัวจิตหัวใจจริงๆ อาคารบ้านเมือง ศูนย์การค้า ธนาคาร ไม่เว้นแม้แต่อาคารตลาดหลักทรัพย์ยังถูกเผาวายวอดไปกับเขาด้วย

ไม่มีใครแพ้ ไม่มีใครชนะ เพราะมิคสัญญีครั้งนี้ คนไทย ชาติไทยพ่ายแพ้ ปราชัยอย่างย่อยยับ!!

และไม่รู้ว่าเราจะกอบกู้บ้านเมืองกลับคืนมาได้เมื่อไร สิ่งก่อสร้างอาคารต่างๆ ความเสียหายที่เกิดขึ้นยังซ่อมแซมก่อสร้างให้กลับคืนมาได้

แต่สิ่งที่น่าวิตกกังวลมากกว่านั้น คือเราจะเยียวยาและฟื้นฟูจิตใจของคนในชาติให้กลับคืนมาเหมือนเดิมได้อย่างไร

เฮ้อ...!! มาฟังรายงานล่าสุดของอาคารตลาดหลักทรัพย์

"ภัทรียา เบญจพลชัย" ผู้จัดการตลาดหุ้น เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดความเสียหายต่ออาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ถ.รัชดาภิเษกนั้น จากการประเมินความเสียหาย พบว่าพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายส่วนใหญ่อยู่ที่บริเวณชั้น 1 บริเวณโถงนิทรรศการ และบางส่วนของห้องสมุดมารวย บริเวณชั้น 1 ซึ่งกรุงเทพมหานครและสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยได้ให้ความร่วมมือในการเข้ามาตรวจสอบ และพบว่าความเสียหายดังกล่าวไม่กระทบต่อโครงสร้างอาคาร จึงคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในเร็ววัน

ทั้งนี้ ผู้บริหารของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการประชุมร่วมกัน และประเมินว่าความเสียหายดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อระบบงานสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยระบบซื้อขายหลักทรัพย์และระบบงานที่เกี่ยวข้องยังคงสามารถดำเนินงานได้อย่างสมบูรณ์!!

----------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น