Code 71 : ฝรั่งหนีตาย รายย่อยลุย

วันเสราร์ที่ 15 พฤษภาคม 2553

ATT Code : ฝรั่งหนีตาย รายย่อยลุย
สรุปข่าวสั้น
-ฝรั่งขายหนีตาย ขายสุทธิ 5,611.19 ล้านบาท
-สถานการณ์ทางการเมืองในวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ ถือเป็นตัวแปรสำคัญต่อทิศทางตลาด
-ตลาดหุ้นสหรัฐฯดิ่งลงอย่างหนัก ลดลง 162.79 จุด
-ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลงถึง 279 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 4%...ไปปิดที่ระดับ 71.61 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

---------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ฝรั่งขายหนีตาย!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 14 พ.ค.53 ปิดที่ 768.79 จุด เพิ่มขึ้น 2.24 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 18,963.93 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 5,611.19 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน มองแนวโน้มตลาดสัปดาห์หน้าว่า คงต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร หากสามารถคลี่คลายและยุติการชุมนุมลงได้ เชื่อว่าบรรยากาศการลงทุนน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น แต่หากสถานการณ์ทางการเมืองยังอึมครึมมีความรุนแรง จะส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุน ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนหรือเทขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง

แต่ทั้งนี้ต้องติดตามทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศด้วย เพราะยังมีอิทธิพลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ด้วย

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ wait & see รอประเมินสถานการณ์ ก่อน ด้านเทคนิคให้แนวรับไว้ที่ 740 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 770 จุด

ปิดท้าย "สมบัติ นาราวุฒิชัย" เลขาสมาคมนักวิเคราะห์ หลักทรัพย์ ระบุว่า สถานการณ์ทางการเมืองในวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ ถือเป็นตัวแปรสำคัญต่อทิศทางตลาด

หากความรุนแรงและการชุมนุมยังไม่มีข้อยุติจะมีผลในทางลบให้ตลาดปรับตัวลง และหากปัญหาการเมืองมีข้อยุติแต่ไม่ใช่การยุติอย่างสิ้นเชิงตลาดหุ้นจะยังคงอยู่ภายใต้มรสุมของปัจจัยลบ จากการที่ความคิดเห็นของแต่ ละฝ่ายไม่ลงรอยกันอย่างสุดขั้ว ซึ่งต้องใช้เวลานานในการแก้ไขความเข้าใจ จึงยังไม่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้ต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนได้ง่ายนัก

ขณะที่วิกฤติหนี้กรีซที่จะมีทั้งข่าวดีและข่าวลบสลับกันออกมา จะมีผลทำให้ตลาดหุ้นขึ้น-ลงผันผวน

ทั้งนี้ ประเมินกรอบดัชนีอย่างกว้างนับจากนี้จนถึงสิ้นปี 53 จะแกว่งขึ้น-ลงอยู่ที่ 700-800 จุด แต่จากการเมืองที่ตึงเครียดใกล้สุกงอมกันอยู่ขณะนี้ อาจส่งผลให้สัปดาห์หน้า ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลดลงต่ำกว่า 750 จุด มาที่ 730 จุด หรืออาจปรับตัวลงไปต่ำกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและการยืดเยื้อ

กลยุทธ์การลงทุนให้ทยอยเข้าซื้อ หากดัชนีลงไปต่ำกว่าระดับ 750 จุด โดยค่อยๆเพิ่มน้ำหนักการลงทุนตามความเสี่ยงที่ลดลง คาดว่าดัชนีน่าจะไม่ลงไปต่ำกว่าแนวรับที่ 720-700 จุด สำหรับหุ้นที่น่าสนใจรอบนี้คือหุ้นพลังงาน!!


ไทยรัฐ : ตลาดหุ้นไทยฝ่าวิกฤติสวนกระแสปิดบวก
นักลงทุนต่างชาติขนเงินออกทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่เติบโตได้ดี รวมถึงไทยอยู่ในภูมิภาคเอเชียที่ไม่ถูกกระทบจากวิกฤติต่างๆ....

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า แม้จะมีเหตุรุนแรงจากการชุมนุม แต่ตลาดหลักทรัพย์ยังคงยืนยันต้องเปิดตลาดเพื่อให้นักลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ได้ตามปกติ แม้ที่ทำการของบริษัทหลักทรัพย์ หรือ โบรกเกอร์จำนวนมากจะอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับการชุมนุม และได้รับผลกระทบแต่ตลาดหลักทรัพย์และโบรกเกอร์ได้เตรียมแผนรับมืออย่างต่อเนื่อง โดยการซื้อขายในวันที่ 14 พ.ค. หลายโบรกเกอร์ได้ใช้ระบบสำรองในการส่งคำสั่งซื้อขายเข้ามายังระบบกลางของตลาดหลักทรัพย์ เพราะหลายแห่งไม่สามารถเข้าทำงานในสำนักงานใหญ่และห้องค้าหุ้นได้ โดยต้องไปรับคำสั่งซื้อขายจากสถานที่ที่ได้มีการสำรองไว้ รวมทั้งในห้องค้าที่อยู่ในย่านที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม

"ตลาดหลักทรัพย์ยืนยันว่าในวันจันทร์ที่ 17 พ.ค.นี้ จะเปิดซื้อขายตามปกติ แม้ในช่วงบ่ายวันที่ 14 พ.ค.จะมีเหตุรุนแรงแถวสีลมและสาธร ทำให้พนักงานโบรกเกอร์ หลายแห่งที่อยู่บริเวณดังกล่าวรู้สึกกังวลกับความไม่ปลอดภัย และขอให้ปิดการซื้อขายในช่วงเวลา 15.30 น. เร็วกว่าปกติ 1 ชั่วโมง แต่หลังจากได้หารือกับสมาคมโบรกเกอร์และพิจารณาในภาพรวมแล้วเห็นว่ายังจำเป็นต้องปิดตลาดตามเวลาปกติ"

ส่วนการประเมินภาวะตลาดหุ้นสัปดาห์หน้านั้น นางภัทรียากล่าวว่า ประเมินยาก เพราะต้องรอดูสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์ ซึ่งหวังว่าจะไม่รุนแรงให้คนไทยต้องสูญเสียกันอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น วันที่ 14 พ.ค. ที่ระหว่างวันเต็มไปด้วยความตึงเครียด ปรากฏว่า มีแรงขายออกมากดดัชนีหุ้นไทยลงไปแตะจุดต่ำสุดของวัน ที่ 755.49 จุด ลดลงกว่า 11.06 จุด แต่ ในช่วงท้ายตลาดมีแรงซื้อหุ้นกลับเข้ามาหนาแน่น ดันดัชนีขึ้นมาปิดตลาดในแดนบวก โดยนักลงทุนหวังว่าในช่วงวันหยุดนี้ สถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง น่าจะจบสิ้นลงได้ โดยดัชนีมาปิดตลาดที่จุดสูงสุดที่ 768.79 จุด บวก 2.24 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 18,963.93 ล้านบาท แต่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นไทยหนีตายโดยขายสุทธิต่ออีก 5,611.19 ล้านบาท

นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเมื่อวานนี้ (14 พ.ค.) กลับมาอ่อนค่าต่อเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 พ.ค. ซึ่งในช่วงเช้าเงินบาทแข็งค่า และตั้งแต่ช่วงบ่ายปรับทิศมาอ่อนค่า เนื่องจากไปในทิศทางเดียวกับเงินยูโรที่อ่อนค่าลง รวมถึงสถานการณ์ทางการเมือง ที่เดิมมองว่าคลี่คลายแต่กลับตึงเครียด ทำให้ขณะนี้เริ่มเห็นนักลงทุนต่างชาติขายหุ้น และนำเงินบาทมาแลกซื้อเงินดอลลาร์กลับออกไป

ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่าในขณะนี้ถือว่ายังไม่มากหรือยังอยู่ในระดับสมดุล เพราะแม้ต่างชาติจะซื้อเงินดอลลาร์ออกไป แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางส่วนนำเงินเหล่านั้นหันไปลงทุนในตราสารหนี้แทน รวมถึงผู้ที่มี รายได้ในรูปเงินตราต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผู้ส่งออก ผู้ลงทุนในทองคำ รวมถึงผู้ประกอบการรถยนต์ ก็รอจังหวะที่จะขายเงินดอลลาร์เพื่อแลกเป็นเงินบาท จึงเป็นเรื่องปกติที่เมื่อต่างชาติตัดสินใจนำเงินมาลงทุนในไทยแล้วก็มีการขายออก แม้ขณะนี้เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับปัญหาการเมือง แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกอยู่บ้าง ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่เติบโตได้ดี รวมถึงไทยอยู่ในภูมิภาคเอเชียที่ไม่ถูกกระทบจากวิกฤติต่างๆ.


----------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ไทยรัฐ : หุ้นมะกันติดลบ เงินยูโร ดิ่งสุดรอบ19ด.

ตลาดหุ้นสหรัฐฯดิ่งลงอย่างหนัก ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 10,620.16 จุด ลดลง 162.79 จุด ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลงถึง 279 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 4%...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯวันที่ 14 พ.ค.ดัชนีดิ่งลงอย่างหนักจากแรงเทขายตลาดการซื้อขาย หลังจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า มาตรการรัดเข็มขัดและตัดลดการใช้จ่ายของหลายประเทศในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นกรีซ สเปน และโปรตุเกส อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของยุโรปเอง ขณะที่ค่าเงินยูโร เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ดิ่งลงหนักสุดในรอบ 19 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลงถึง 279 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 4% ไปปิดที่ระดับ 71.61 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 10,620.16 จุด ลดลง 162.79 จุด แนสแดค ปิดที่ระดับ 2,346.85 จุด ลดลง 47.51 จุด และเอสแอนด์พี ปิดที่ระดับ 1,135.68 จุด ลดลง 21.76 จุด.
-----------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น