Code 69 : ชินซะแล้ว จะสลายหรือไม่สลายการชุมนุม

วันพฤหัสที่ 13 พฤษภาคม 2553

ATT Code : ชินซะแล้ว จะสลายหรือไม่สลายการชุมนุม
โดยเมื่อวาน ศอฉ. ได้ประกาศว่าจะตัดน้ำตัดไฟ และมีการควบคุม
การเข้าออกของผู้ชุมนุมให้เข้มข้นขึ้น พร้อมที่จะสลายการชุมนุม
และรัฐบาลก็ได้พับแผนการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ย. นี้ไปแล้ว
มันกลายเป็นว่า ข่าวที่ออกมาเป็นความชินชาไปซะแล้ว
มีแต่ขนมจีน แต่ไม่มี.......

วันนี้บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกดูสดใส เขียวยกแผง
โดยหุ้นสหรัฐบวก 148.65 จุด ปรับขึ้นมาปิดแดนบวกแบบยกกระดาน
หลังรายงานเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐมีท่าทีดีขึ้น
และจากตัวเลขส่งออกที่เพิ่มขึ้นสูง ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น

สรุปข่าวสั้น
-รัฐบาลพับแผนการเลือกตั้ง 14 พ.ค.
-ยังมี Downside สำหรับสินทรัพย์เสี่ยง
-ตลาดต่างประเทศบวกเพราะเศรษฐกิจยุโรปโต
-หมดผลประกอบการ เตรียมหมดข่าวดี

รวมกลยุทธ์:
-แนะนำให้เป็นเพียงการเข้าทรดดิ้งเล่นตามรอบไปก่อน
-แนวโน้มตลาดระยะสั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเมืองในประเทศ
-ขายทำกำไรเมื่อดัชนีปรับตัวขึ้น

ภาคเช้า SET เปิดที่ 775.66 จุด +1.94 จุด
ผ่านเส้น 5 วัน ที่ 775 มาได้ จะยืนเหนือ 780 ได้มั้ย ต้องติดตาม
ส่วน TFEX เปิดที่ 545 จุด +4.40จุด ผ่าน 5 วัน ที่ 543 มาได้

ภาคเช้า SET ปิดที่ 770.84 จุด -2.88 จุด V. 9 พันกว่าล้าน
บรรยากาศไม่ค่อยดี มีข่าวเกี่ยวกับการสลายการชุมนุมที่เริ่มเข้มน้น
ทำให้ก่อนปิดตลาดภาคเช้า ทั้ง 2 ตลาดไหลมาอย่างละ 7 จุด
โดย SETลงจาก 777 มาที่ 770 และ TFEX ลงจาก 546 มา 539
แต่ SET ก็มีแนวรับที่ 768, 765 และ 750 ตามลำดับ
และต่างชาติขายสุทธิ 1,400 ล้านบาท
TFEX ปิดที่ 538.50 จุด -2.10 จุด

ภาคบ่าย SET ปิดที่ 766.55 จุด -7.17 จุด V. 20,270 MB.
หลุดเส้น 25 วัน ที่ 768 ลงมา แต่ยังยืนเหนือ BB Avg ที่ 765
MACD เกือบเป็น Dead Cross แล้ว ถ้า SET หลุด 760
และ TFEX ปิดที่ 536 จุด - 4.60จุด

ปิดเกือบหลุด BB Avg 536 แต่ก็ถือว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
พรุ่งนี้มีสิทธิลงต่อ ต้องดูสถานการณืการเมืองอย่างใกล้ชิด

----------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-นครหลวงไทยแจกหุ้น!!
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 12 พ.ค.53 ปิดที่ 773.72 จุด เพิ่มขึ้น 1.63 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 19,840.60 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,409.77 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด นำโดย CPF ปิดที่ 18 บาท ลดลง 0.30 บาท, BANPU ปิด 624 บาท ลดลง 2 บาท, PTT ปิดที่ 255 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท, PTTAR ปิดที่ 28.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท และ IVL ปิดที่ 17.50 บาท ลดลง 0.30 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเมืองในประเทศ โดยเฉพาะท่าทีของกลุ่มคนเสื้อแดงหลังรัฐบาลประกาศตัดน้ำไฟและสัญญาณโทรศัพท์ทั้งหมด เพื่อขอพื้นที่แยกราชประสงค์คืน ซึ่งหากเกิดเหตุรุนแรงจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อจิตวิทยาการลงทุน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

แนะกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเก็งกำไร 50% ของพอร์ตลงทุน โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 760 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 782 จุด

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ทิสโก้ มองแนวโน้มดัชนีมีโอกาสปรับตัวลดลง เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศที่อยู่ ในช่วงขาลง หลังนักลงทุนกังวลกับปัญหาหนี้กรีซที่อาจจะลุกลามไปทั้งยูโรโซน ซึ่งเชื่อว่าแผนช่วยเหลือปัญหาหนี้กรีซของอียูและไอเอ็มเอฟเป็นเพียงปัจจัยที่ส่งผลดีระยะสั้นเท่านั้น โดยปัญหากรีซน่าจะลุกลามและส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจระยะยาว

แนะกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเทขายทำกำไรเมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นโดยประเมินแนวรับไว้ที่ 770-765 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 780-785 จุด

ปิดท้าย บทวิเคราะห์สถาบันวิจัยนครหลวงไทยแนะหุ้นน่าซื้อช่วงนี้ TCAP ให้ราคาเป้าหมาย 11 บาท, TASCO เป้าหมาย 48 บาท, HMPRO 6.70 บาท, BSBM 1.85 บาท, SPALI 8.80 บาท, MINT 15.40 บาท, CPALL อยู่ระหว่างปรับประมาณการราคาเป้าหมายขึ้น, BANPU ปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 710 บาท และ TVO ให้ราคาพื้นฐาน 21 บาท

ส่วน EGCO แนะให้ถือราคาเป้าหมาย 73 บาท!!

FSS : เน้นเล่นสั้นตามรอบไปก่อน...เพราะคาดตลาดยังมีสิทธิแกว่งตัว!!
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นต่างประเทศกลับมาดูดีขึ้น หลังสเปนเปิดเผยแผนรัดเข็มขัดซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนว่า ยุโรปกำลังดำเนินการแก้ปัญหาด้านการคลัง รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจทั้งของสหรัฐและยุโรปหลายประเทศที่ยังออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกไปกว่า 148 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปก็ปิดบวกกันมากกว่า 1% เป็นส่วนใหญ่รวมถึงตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็สามารถเปิดบวกได้มากกว่า 1% ด้วย ทำให้คาดว่าตลาดหุ้นไทยก็มีสิทธิที่จะขยับตัวขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้ได้อีก โดยเฉพาะสถานการณ์ทางด้านการเมืองที่ยังไม่มีความรุนแรงใดๆ แม้ว่าวานนี้จะเป็นเส้นตายของนายกฯ ที่จะให้
กลุ่ม นปช. ยุติการชุมนุม และมีการแถลงของ ศอฉ.ว่าจะดำเนินมาตรการกดดันกลุ่มผู้ชุมนุม ดัวยการตัดสาธารณูปโภคต่างๆ แต่สุดท้ายมาตรการดังกล่าวก็ถูกยกเลิกไป อย่างไรก็ตามแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศในบ้านเรายังคงมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สถานการณ์การชุมนุมยังไม่ได้รับการคลี่คลาย ก็ถือว่ายังมีแรงกดดันต่อ SET อยู่บ้าง ดังนั้นแม้ว่า SET จะขยับขึ้นต่อได้ แต่ก็ต้องระมัดระวังจังหวะแกว่งตัวผันผวน โดยเฉพาะจากข่าวความผันผวนทางด้านการเมืองที่ยังอาจจะเป็นตัวฉุดตลาดไว้ต่อไป
กลยุทธ์: จึงยังแนะนำให้เป็นเพียงการเข้าทรดดิ้งเล่นตามรอบไปก่อน โดยควรหาจังหวะขายทำกำไรด้วย และพยายามไม่ไล่ราคาถ้าเป็นบวกแรง ส่วนจังหวะซื้อเพื่อถือลงทุนแนะนำให้เริ่มทยอยเลือกหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาตลาดยังต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานมากๆ เข้ารับได้เมื่อตลาดปรับตัวลง โดยเฉพาะถ้ามีการปรับตัวลงแรง ซึ่งได้แก่ KBANK, SCB, BBL, BAY, TTW,HMPRO, CPALL, BIGC, MAKRO, AP, PS, LH, QH, CPN, PTTEP, ROJNA เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
-รัฐบาลพับแผนการเลือกตั้ง 14 พ.ค.
นายกอร์ปศักดิ์เปิดเผยว่าการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับ นปช. ได้ยุติแล้ว และเมื่อ นปช. ไม่ยุติการชุมนุม รัฐบาลก็จะพับแผนการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ย. เช่นกัน การเมืองกลับมาสร้างความกดดันให้ตลาดหุ้นอีกครั้ง
-ยังมี Downside สำหรับสินทรัพย์เสี่ยง...ทองพุ่ง แม้ราคาทองวานนี้จะปรับลดลง US$4.90 แต่ก็เกิดจากการขายทำกำไรหลังจากปรับสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในระหว่างเทรด ปรับขึ้นไปสูงสุดถึง ที่ US$1,247 (+20% นับจากเดือน ก.พ.) Demand ในทองยังแข็งแกร่งเนื่องจาก 1) ตลาดกังวลว่าเงินกู้วิกฤตยุโรปที่สูงถึง 7.5 แสนล้านยูโร จะทำให้เกิดเงินเฟ้อรุนแรงในอนาคต ทองในฐานะที่เป็น Inflation hedge และ Safe heaven จึงเป็นที่ต้องการมากขึ้น 2) กองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก SPDR Gold Trust เข้าถือครองทองคำสูงเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 1,192.15 ตันเมื่อที่ 11 พ.ค. จากวันที่ 7 พ.ค.ที่ 1,188.49 ตัน 3) นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์กันว่าจีนน่าจะปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าเร็วๆ นี้ในปี 2005 ที่จีนปรับค่าเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำปรับขึ้นมาจาก~US$400 เป็นสูงสุด ~US$1,000 แนวโน้มระยะยาวของราคาทองเป็นทิศทางขาขึ้น แต่ระยะสั้นยังผันผวนตามค่าเงินดอลลาร์ การพุ่งขึ้นมาอย่างแรงและเร็วทำให้อาจเกิดการปรับฐานในช่วงสั้น
-ตลาดต่างประเทศบวกเพราะเศรษฐกิจยุโรปโต Y-Y เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส ตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นตอบรับข่าวดีที่ GDP 1Q10 ขยายตัว Y-Y เป็นครั้งแรกหลังจากติดลบ 5 ไตรมาสติดต่อกัน และโตมากกว่าตลาดคาด (+0.5% Y-Y และ 0.2% QQ)นอกจากนี้ สเปนได้ประกาศมาตรการลดขาดดุลงบประมาณอย่างเป็นรูปธรรม (ลดเงินเดือนข้าราชการเฉลี่ย 5% ตั้งแต่ มิ.ย. นี้ และไม่ขึ้นเงินเดือนในปี 2554) และยังส่งผลให้ตลาด Wall Street บวกกว่า 1% - 2% (Dow Jones บวก 148 จุดเพราะผลประกอบการIntel และ IBM ดีด้วย) VIX ลดลง 10% เงินดอลลาร์อ่อนค่า แต่ราคาน้ำมันปรับลดลง 62 เซนต์ เพราะสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มถึง 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา เรามองการปรับขึ้นของตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นเพียงชั่วคราว เพราะความกังวลเรื่องกรีซยังอยู่ในตลาดประกอบกับเงินเฟ้อของจีนเดือน เม.ย. ที่สูงสุดในรอบ 18 เดือนทำให้ตลาดหันมากังวลกับมาตรการเบรกเศรษฐกิจของจีนอีกครั้ง
-หมดผลประกอบการ เตรียมหมดข่าวดี กำไรของบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ใน Coverage ของเราเท่าที่ประกาศถึงเย็นวานนี้ มีกำไรปกติเพิ่มขึ้นถึง 27% Q-Q และ 38%Y-Y และกำไรสุทธิโต 31% Q-Q และ 33% Y-Y แทบทุกกลุ่มมีกำไรโตขึ้น Y-Y แต่กลุ่มที่กำไรโตมากสุด Q-Q คือกลุ่มพลังงาน (+76% Q-Q) รองลงมาคือกลุ่มค้าปลีก (+36% QQ)เกษตรและอาหาร (+36% Q-Q) แนวโน้ม 2Q10 ส่วนใหญ่จะชะลอลง Q-Q ตามฤดูกาลยกเว้นกลุ่มพลังงาน อาหาร ค้าปลีก เดินเรือ บันเทิง (ทีวี) ที่ยังน่าจะเติบโต Q-Q

----------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ไทยรัฐ : หุ้นสหรัฐบวก 148.65 จุด จากตัวเลขส่งออกที่เพิ่มขึ้นสูง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบสวนทางปรับลดลง ปิดที่ 75.65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล...


สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ตามเวลาท้องถิ่นว่า ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ นักลงทุนหันความสนใจจากเรื่องของหนี้สินในยุโรปมาดูปัจจัยในประเทศ โดยตัวเลขการส่งออกเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุด นับตั้งแต่ปี 2551 ขณะที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะ 1,247.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ช่วยให้มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มทองคำและเหมืองแร่ ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 148.65 จุด ไปปิดที่ 10,896.91 จุด แนสแดค ปิดที่ 2,425.02 จุด เพิ่มขึ้น 49.71 จุด และเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,171.67 จุด เพิ่มขึ้น 15.88 จุด

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 72 เซนต์ ไปปิดที่ 75.65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

INN : หุ้นUSปิดบวก-น้ำมันลงเกือบ1$ปิด75.65$
ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมา ปรับขึ้นมาปิดแดนบวกแบบยกกระดาน หลังรายงานเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐมีท่าทีดีขึ้น จนสามารถเรียกคืนความมั่นใจจากนักลงทุน

-----------------------------------------------------------
Technical View : FSS
“ตลาดยังแกว่งในกรอบ 768-781 จุดอยู่…ไม่ต่ำกว่าแนวรับแรกก็ยัง
ลุ้นเทรดดิ้งต่อเนื่องได้ แต่ต้องทำกำไรตามแนวต้านด้วย ผ่านแนว
ต้านหนึ่งได้ถึงจะเล่นตามต่อไปหาอีกแนวต้านหนึ่ง..ส่วนถ้าหลุดลง
ก่อนรอดูจังหวะใหม่!!”
แนวรับ : 770-768*** , 760-757* , 747-740**
แนวต้าน : 779-781* , 787-790** , 796-800***


ASP : SET Index แนวรับ 760 จุด แนวต้าน 790 จุด



ประเด็นวิเคราะห์:
• ขึ้นยาก ขึ้นเย็น เหมือนอย่างที่คิด เพราะ SET พาทัวร์ด้วยการวนลงมา 768 จุด ก่อนหลอกให้ดีใจเล่นเมื่อดีดตัวจนไปถึง 780จุด แต่สุดท้ายก็มาปิดตัวทำเซ็งที่ 774 จุด ช่างน่าละเหี่ยใจเสียนี่กระไร
• มองในแง่ดี คือทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้เมื่อวันที่ 12 เม.ย.2553 ว่าดัชนีจะเริ่มแกว่งขึ้นด้วยความยากลำบาก และน่าจะปรับตัวลดลงต่ำกว่า 770 จุดเล็กน้อยก่อนที่จะค่อยๆ ฟื้นตัวเพื่อกลับสู่ 790 จุด
• ในระยะสั้นคาดว่า ดัชนีจะถูกจำกัดอยู่ในกรอบ 768-790 จุดต่อไป และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ก็เชื่อว่าหลังจากพ้นช่วงน่าเบื่อหน่าย ดัชนีน่าจะ Break 790 จุดขึ้นมาได้
สรุป :
• ปรับเพิ่มขึ้นด้วยความยากลำบาก และอาจจะยังไม่ผ่าน 780 จุด

-----------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น