Code 80 : GDP 2 Digits

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม 2553

ATT Code : GDP 2 Digits
-เมื่อวานเกิด After Shock ในตลาดหุ้นที่ต่างชาติขาย 7 พันกว่าล้าน
-GDP ของไทย ไตรมาสแรกนี้ อยู่ที่ 12% เห็นตัวเลข 2 หลัก ในรอบ 15 ปี
-Moody's ก็ยังไม่ได้ลดอันดับของไทยลงไป จากการชุมนุมทางการเมือง
-SET หลุด 740 ก็มีแนวรับต่อไปที่ 736 / 730 / 720


-SET ปิดที่ 751.29 จุด -23.02 จุด V. 24,385 MB.

ยังมีแนวรับที่สำคัญที่ 720 จุด วันนี้ยังถือว่ารับอยู่ได้
แต่พรุ่งนี้ไม่แน่ เพราะ DJ Future -200 และยุโรป ลงค่อนข้างเยอะ -3%
-M10 ปิดที่ 500.90จุด -17.60 จุด มีแนวรับ 200 วัน ที่ 500 จุด
ถ้ารับอยู่ได้ ก็มีโอกาสเด้งได้บ้างเหมือนกัน แต่มีโอกาสหลุดสูงกว่านะ

---------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-ฝรั่งขาย 7.7 พันล้าน!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 พ.ค.53 ปิดที่ 744.31 จุด ลดลง 21.23 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 27,683.30 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 7,752 ล้านบาท ขณะที่สถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 939.14 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ขายสุทธิ 195.66 ล้านบาท ส่วนรายย่อยยังคงเป็นหน่วยกล้าตายโดดเข้าซื้อสุทธิ 8,886.82 ล้านบาท

บล.ธนชาต ระบุว่า ต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่องนับจากใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน (8 เม.ย.-19 พ.ค.) โดยขายไปแล้ว 50,000 ล้านบาท หากนับรวมวันที่ 24 พ.ค. ที่ตลาดหลักทรัพย์กลับมาซื้อขายหุ้นเต็มรูปแบบอีกครั้งหลังเกิดเหตุจลาจล เบ็ดเสร็จต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยรวม 5.77 หมื่นล้านบาท เท่ากับยอดซื้อสุทธิถึงเดือน มี.ค.ปีนี้ ที่ต่างชาติเข้ามาซื้อสุทธิทั้งสิ้น 5.8 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดที่ 820 จุด ลงมาปิดที่ 744.31 จุด นั่นหมายถึงว่าดัชนีดิ่งลงมาแล้ว 75.96 จุด หรือ 10.16%

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ระบุว่า หุ้นไทยลงแรงผสมโรงปัจจัยลบทั้งในและนอกประเทศที่เข้ามากดดัน หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯและตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลงแรงในช่วงที่หุ้นไทยได้ปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลกับปัญหาหนี้กรีซ ที่ส่งสัญญาณลุกลามไปยังประเทศอื่นในยูโรโซน

ขณะที่มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นคาดว่าจะปรับตัวลงต่อ โดยระยะสั้นหุ้นไทยคงฟื้นตัวได้ยาก เห็นได้จากดัชนีที่ปรับตัวลงหลุดระดับแนวรับสำคัญที่ 746-745 จุด ทำให้คาดว่าสัปดาห์นี้ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงแตะ 730 จุด โดยประเมินว่าแรงขายต่างชาติจะมีมากขึ้น หลังกฎหมายปฏิรูปสถาบันการเงินของสหรัฐฯ ผ่านการพิจารณาของสภาฯแล้ว โดยจะควบคุมการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น

แนะกลยุทธ์ให้ชะลอการลงทุน ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 730 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 760 จุด

ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.เคจีไอ แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ขาย สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ขณะที่นักลงทุนระยะยาวให้ถือรอ เพราะภาพของตลาดหุ้นมีลักษณะแกว่งตัวออกข้าง เนื่องจากปัจจัยภายในดีขึ้น แต่ปัจจัยภายนอกประเทศกลับแย่ลง จึงแนะให้ติดตามสถานการณ์ก่อน

ด้านเทคนิคประเมินแนวต้านไว้ที่ 750–752 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 743–740 จุด หากลงมาให้ไปรอที่ 730 จุดได้เลย.

FSS : ความกังวลจากด้านยุโรปยังกดดัน และแรงขายต่างชาติยังสูง...รอรับต่ำดีกว่า
แนวโน้ม: จากปัจจัยทางด้านการชุมนุมที่คลี่คลายไปแล้ว แต่สถานการณ์ทางด้านการเมือง และความขัดแย้งในสังคมยังไม่หมดไป ทำให้การประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน และการห้ามออกนอกเคหสถานในยามวิกาลของภาครัฐยังคงดำเนินอยู่ คาดว่าจะส่งผลต่อความมั่นใจของนักลงทุนต่างประเทศต่อเนื่อง ขณะที่ฝ่ายค้านได้ยื่นขออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีอีก 5 ท่าน โดยประเด็นหลักเป็นประเด็นต่อเนื่องจากการสลายการชุมนุมในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งกำลังรอกำหนดวันอภิปรายอีกครั้งหนึ่ง ส่วนในด้านปัจจัยการแกว่งตัวของตลาดหุ้นต่างประเทศก็ยังเป็นลบ โดยล่าสุดเมื่อคืนวานนี้ดัชนีดาวโจนส์ย้อนกลับมาปิดเป็นลบกว่า 126 จุดหรือคิดเป็น -1.24% จากความวิตกเกี่ยวกับการลุกลามของปัญหาหนี้สินในยุโรปหลังธนาคารสเปนได้เข้าเทคโอเวอร์ธนาคารออมทรัพย์ขนาดเล็กในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ตอบรับประเด็นดังกล่าวด้วยการเปิดเป็นลบกว่า 1% เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคาดว่า SET ก็น่าจะได้รับผลกระทบจากแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศในลักษณะเดียวกัน ดังนั้น FSS คาดว่าวันนี้ SET จะยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยแม้ว่าอาจจะมีจังหวะดีดกลับได้บ้างเป็นพักๆ แต่โอกาสที่จะเน้นหนักทางด้านแกว่งตัวลงในลักษณะนี้ไปอีกระยะหนึ่งมีความเป็นไปได้สูง โดยมีแนวโน้มที่จะไหลลงไปแถว 700 จุดต้นๆ หรือหลุดต่ำกว่าลงไปได้ ซึ่งเรามองระดับดัชนีเป้าหมายอยู่ที่ประมาณ 680 จุด

กลยุทธ์: ถ้าจะเข้าเทรดดิ้งในช่วงนี้ จึงเป็นจังหวะของการเทรดดิ้งในช่วงแกว่งตัวลงต่อเนื่องของตลาด ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังสูง และจำกัดพอร์ตไว้ โดยถ้าตลาดดีดกลับควรหาจังหวะขายทำกำไรตามรอบด้วย ส่วนการซื้อเพื่อถือลงทุนเรายังแนะนำให้รอ SET ไหลลงไปแถว 700 จุดหรือต่ำกว่าก่อน โดยเน้นหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาตลาดต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานมากๆ โดยเฉพาะหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการจลาจลในช่วงที่ผ่านมา เช่น กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (BANPU, PTTEP, IRPC, PTTCH) โรงไฟฟ้า (GLOW) กลุ่มวัสดุฯ (SCC, SCCC, TSTH, DCC) กลุ่มอาหารและเกษตร (CPF, GFPT, TUF, TVO, STA) กลุ่มอิเล็คทรอนิคส์ (KCE, DELTA) และกลุ่มยานยนต์ (SAT, STANLY)

ประเด็นสำคัญวันนี้
-เศรษฐกิจไทย 1Q10 โต Q-Q สูงสุดในรอบ 10 ปีแต่ไม่ช่วยตลาด เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกขยายตัวถึง 12% Y-Y และ 3.8% Q-Q ดีกว่าตลาดคาด (4Q09GDP +5.9% Y-Y, +4.0% Q-Q) การเติบโต Y-Y ที่สูงสุดในรอบ 15 ปีไม่ได้มีความหมายมากนักเพราะฐานที่ต่ำผิดปกติใน 1Q09 แต่การขยายตัว Q-Q Seasonal adjusted ทั้งใน 4Q09 และ 1Q10 เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี และเป็นมูลค่าที่สูงกว่าระดับก่อนเกิดวิกฤตการเงินแล้ว แต่ไม่ได้ช่วย Sentiment ของตลาด เพราะตัวเลขใน 2Q10 น่ากังวลมากกว่าเพราะการชุมนุมเริ่มขึ้นตั้งแต่ 12 มี.ค. และกินเวลาเกือบเต็มไตรมาส

-จับตารายย่อยและกองทุนจะถอดใจเมื่อไหร่ เปิดตลาดมาวันแรกหลังจากปิดไป 2 วัน วานนี้ต่างชาติขายสุทธิถึง 7,752 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และทำให้ยอดสะสมของปีนี้ (YTD) เป็นขายสุทธิ 7,970 ล้านบาท ใกล้เคียงกับยอดสะสมของกองทุนในประเทศที่เป็นขายสุทธิ 7,945 ล้านบาท แต่ต้นทุนต่างกัน โดยต้นทุนของต่างชาติในปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ดัชนีประมาณ 770 จุด ส่วนกองทุนในประเทศประมาณ 746 จุด ระดับดัชนีปัจจุบันเท่ากับขาดทุนแล้วทั้งคู่ สิ่งที่น่าห่วงคือหากกองทุนในประเทศที่ซื้อไปก่อนหน้านี้ถอดใจขาย จะยิ่งกดดันดัชนีให้ทรุดหนัก ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเพราะกองทุนในประเทศซื้อทำให้ประคองดัชนีไม่หลุด 740 จุด แต่เชื่อว่าอีกไม่นานน่าจะเห็น 700 ต้น สำหรับต่างชาติที่ขายออกมาหมดแล้วในปีนี้ หากดูยอดของปี 2009 เป็นยอดซื้อสุทธิ 3.8 หมื่นล้านบาทมีต้นทุนเฉลี่ยต่ำเพียง 650 จุด ถือว่ายังมีกำไร 14% ไม่รวมกำไรจากค่าเงินบาทอีก 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน

-กลุ่มอสังหาฯ มีลุ้นได้ขยายมาตรการช่วยเหลือ การประชุม ครม.วันนี้จะมีการเสนอให้ขยายมาตรการอสังหาริมทรัพย์ออกไปอีก 1 เดือน จากเดิมที่สิ้นสุดเดือน พ.ค. นี้ เป็นเดือน มิ.ย. แทน มาตรการยังคงเหมือนเดิมคือลดค่าธรรมเนียมการโอนจากเดิม 2% เหลือ 0.01% ของราคาประเมินของทางราชการ และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% เราเห็นว่ามีผลกระทบน้อยต่อกำไร 2Q10 เพราะเป็นเพียงยอดโอนที่คงค้างในช่วงเดือน พ.ค. ซึ่งมีปัญหาเรื่องการชุมนุม

-พรรคเพื่อไทยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ กับ 5 รมต. ประธานสภาจะตรวจสอบญัตติภายใน 7 วันแล้วยื่นให้รัฐบาลกำหนดวันอภิปราย

-Moody’s คงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยที่ Baa1 และ Outlook เป็น Negative เช่นเดิม โดยให้เหตุผลว่าความน่าเชื่อถือของเศรษฐกิจและการเงินในขณะนี้ยังไม่ถูกกระทบ แต่ในระยะสั้นแบงก์อาจมีหนี้เสียเพิ่มขึ้น และระบุว่าปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้ออาจกระทบเศรษฐกิจในระยะยาวได้ -> ข่าวการคงอันดับเรทติ้งของ Moody’s อย่างน้อยก็ไม่ซ้ำเติมสถานการณ์ที่แย่อยู่แล้วให้แย่ไปอีก

สภาพัฒน์เผย GDP ไตรมาสแรกโต12%
สภาพัฒน์เผยGDP1/53โต12%สูงสุดในรอบ15ปี ประเมินผลกระทบชุมนุมการเมืองหั่นเป้าGDPทั้งปีจาก6-7% เหลือ3.5-4.5%

24 พ.ค. 53 : นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ แถลงข่าวถึงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย ไตรมาสแรก (ม.ค.- มี.ค. 2553 ) ขยายตัว 12 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน(ไตรมาสแรกปี 2552 จีดีพีหดตัว 7.1 %) สูงสุดในรอบ 15 ปี นับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2538 เนื่องจากได้รับปัจจัยบวก จากการส่งออกดี และภาคการเงิน การผลิตและการค้าระหว่างประเทศดีขึ้น

ขณะที่การเมืองในช่วงดังกล่าว สถานการณ์คลี่คลาย ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยถึง4.7 ล้านคน ส่วนอุปสงค์ภายในประเทศดีขึ้นทำให้การผลิตภาคอุตสหากรรมฟื้นตัวในทิศทางเดียวกัน ต่อเนื่องจาก ไตรมาส 4/52 โดยสภาพัฒน์ฯปรับตัวเลขจีดีพีในไตรมาส 4/52 เป็นบวก 5.9% จากเดิมบวก 5.8% เมื่อเทียบปีต่อปี

อย่างไรก็ตาม จีดีพีไตรมาสแรกยังไม่ได้ถูกผลกระทบจากเหตุชุมนุมทางการเมือง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อจีดีพีในไตรมาสที่ 2 ทำให้สภาพัฒน์ฯย้งประมาณการจีดีพีทั้งปี ไว้ที่ 3.5-4.5 % จากที่เคยคาดว่าจีดีพีของไทยในปีนี้อาจขยายตัวได้ถึง 6-7 % ขณะที่มีการประเมินเหตุรุนแรงช่วงเม.ย.-พ.ค.จะกระทบจีดีพีปีนี้ 1.5%

----------------------------------------------------------
Technical View : FSS
“คาดตลาดมีสิทธิลุ้นจังหวะดีดขึ้นรอบสั้นๆ ให้เทรดดิ้งได้จากแนวรับ 740 หรือ 720 จุด(+/-) ดังนั้นตามดูแรงซื้อเพื่อลุ้นเทรดดิ้งตามรอบได้ แต่ยังเน้นเล่นสั้น ตลาดดีดกลับขึ้นไปยังต้องขายทำกำไรอยู่เช่นเดิม...”
แนวรับ : 740-736* , 728-718**
แนวต้าน : 752** , 760-764***

---------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น