Code 67 : ยุโรปและการเมืองผ่อนคลายลง

วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม 2553

ATT Code : ยุโรปและการเมืองผ่อนคลายลง
สรุปข่าวเด่น
-ความเสี่ยงเรื่องหนี้กรีซหมดไปชั่วคราว
-ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นเกือบ 4%
-เม็ดเงินย้ายกลับเข้า Risk assets
-PTTCH (คาดงบดี)
-หุ้นไทยรีบาวนด์ตามตลาดโลกแต่จะน้อยกว่า...
-กำไรกลุ่มอสังหาฯ ที่ออกมาแล้วดีกว่าคาด
-CPF: PE เริ่มแพงแล้ว GFPT น่าสนใจกว่า แนะนำรอขายเมื่อประกาศงบ 12-13พ.ค. นี้

ตลาดเช้านี้
SET เปิดที่ 785.84 จุด +6.78 จุด
ถือว่าเปิดบวกไม่มากเมื่อเทียบกัย DJIA แต่ก็อาจเป็นเพราะ
NIK กับ HSKI ยังอยู่ในแดนลบอยู่ ส่งผลให้ขึ้นไป Hign ที่ 787.38 จุด
แล้วก็มีแรงขายลงมา กด SET ลงไปลบ 1.60 จุด ที่ 777.46 จุด
ส่วน TFEX เปิดที่ 553 จุด +2.80 จุด
และก็มีแรง Shot ลงมาตาม SET ไปติดลบ Low ที่ 544.50

ภาคเช้า SET ปิดที่ 779.33 จุด +0.27 จุด V. 14,643 MB.
ถ้าให้ดี ต้องลุ้นให้ SET สามารถยืนเหนือแนวต้าน 780 ได้ก่อน
หรืออย่างแย่ ต้องห้ามต่ำกว่าแนวรับ ที่ 775 จุด
ต่างชาติ NET Sell -1,500 MB.
ส่วนTFEX ปิดที่ 546.50 จุด -3.70 จุด


FSS : ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเริ่มย้อนลงมาเป็นลบอีกครั้ง รวมทั้งตลาดหุ้นจีนที่ก่อนหน้านี้พยายามยืนบวกอยู่ แต่เริ่มมีความกังวลต่อนโยบายคุมเข้มของจีนอีกครั้ง หลังตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 18 เดือนในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา…
เทคนิค SET ระหว่างวัน (11/05/10) -- SET ผ่าน 784 จุดได้ แต่สุดท้ายยังย้อนลงมาแกว่งต่ำกว่า ทำให้ยังไม่มีสัญญาณเทรดดิ้งต่อ ต้องถอยไปรอรับต่ำ ซึ่งถ้าหลุด 768 จุดลงจะดูไม่ดี!


ภาคบ่าย SET ปิดที่ 772.09 จุด -6.97 จุด V. 26,257 MB.
เหนือความคาดหมาย จากช่วงเช้ามากที่เดียว
อาจจะมาจากนโยบายคุมเข้มของจีน และการเมืองยังไม่ชัดเจน
ซึ่ง SET หลุดเส้น 5 วัน ที่ 775 มา ถือว่าไม่ค่อยดีเป็นอย่างมาก
แต่ก็ยังดีที่ไม่หลุดเส้น 10 วัน ปริ่มๆ ที่ 771.5
และต่างชาติยัง Net Sell เพิ่มอีก เป็นเกือบ 3 พันล้าน
ส่วน TFEX ปิดที่ 542.70 จุด -7.50 จุด หลุดเส้น 10 วัน ที่ 542.87

----------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-CPF อีกรอบ!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 10 พ.ค. 53 ปิดที่ 779.06 จุด เพิ่มขึ้น 10.51 จุด หรือ 1.37% มีมูลค่าการซื้อขาย 26,656.35 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,075.49 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุดนำโดย PTT ปิดที่ 258 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท, CPF ปิดที่ 18 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท, BANPU ปิดที่ 638 บาท ลดลง 2 บาท, KBANK ปิดที่ 92 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท, PTTAR ปิดที่ 28.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นว่า ขึ้นอยู่กับการช่วยเหลือปัญหาหนี้สินกรีซว่า หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป หากมีประเด็นการช่วยเหลือเพิ่มเติมจะส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก หลังก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นปรับตัวลงไปพอสมควร ซึ่งเป็นแรงหนุนให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อได้ ขณะที่ยังต้องติดตามปัญหาการเมืองภายในประเทศว่าสถานการณ์จะดีขึ้นหรือย่ำแย่ลงไปกว่านี้ หากมีการสลายการชุมนุมแน่นอน ก็จะเป็นผลดีต่อการลงทุนเช่นกัน

สำหรับด้านเทคนิค ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวดัชนีไว้ที่ 763-791 จุด โดยมองว่าจะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในระยะสั้น แนะกลยุทธ์การลงทุน แนะเก็งกำไร 50% ของพอร์ตลงทุน

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน มองแนวโน้มตลาดคาดว่าจะยังคงแกว่งตัวผันผวนทั้งขึ้นและลง แต่คาดว่าดัชนีจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในแดนบวกได้มากกว่า แนะกลยุทธ์ให้ซื้อเก็งกำไรลงทุนช่วงสั้น ด้านเทคนิคประเมินแนวรับที่ 770 จุด ส่วนแนวต้าน 785 จุด

โฟกัสหุ้นรายตัว CPF ทำนิวไฮสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 18 บาท หลังก่อนหน้านี้หลายสำนักวิเคราะห์ใจตรงกันเชียร์ให้เคาะซื้อ ส่งผลให้ราคาทะยานขึ้นร้อนแรงจาก 13-14 บาท เผลอแผล็บเดียวไปซะแล้ว ล่าสุด บล. ทรีนีตี้ปรับลดคำแนะนำเป็น "ถือ" จากเดิมที่แนะให้ "ซื้อ" หลังราคาเกือบชนเพดานราคาเหมาะสมที่ให้ไว้ที่ 18.60 บาทแล้ว

โดยถือว่าราคาหุ้นได้สะท้อนการคาดหวังผลประกอบการไตรมาส 1 ที่น่าจะออกมาดีแล้ว โดยราคาปัจจุบันซื้อขายกันที่ P/E ของปี 53 ที่ 11 เท่า เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายที่ 18.60 บาท เหลือ upside เพียง 7% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่จูงใจ

ทั้งนี้ ทรีนีตี้คาดกำไรไตรมาส 1 จะอยู่ราว 2.96 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 284% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน!!

FSS : สถานการณ์ดีขึ้น..ขยับขึ้นแรงเล่นสั้นไปก่อน แต่ถ้าอ่อนตัวลงซื้อถือได้!
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นเกือบ 4% ตามตลาดหุ้นยุโรปและเอเชียที่ขยับบวกขึ้นแรงก่อนหน้าตั้งแต่เมื่อวานนี้ หลัง EU และ IMF สรุปร่วมกันจัดวงเงินช่วยเหลือกรีซ 1.1 แสนล้านยูโร ซึ่งเพียงพอสำหรับกรีซไปได้ 3 ปี ส่งผลให้ความเสี่ยงเรื่องหนี้ของกรีซไม่กดดันความมั่นใจของนักลงทุนเหมือนในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยดูได้จากเม็ดเงินเริ่มย้ายกลับเข้ามาในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ก็เริ่มขยับขึ้นด้วย ขณะที่สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ก็ถือว่าเริ่มคลี่คลายมากขึ้น แม้ว่าจะยังไม่มีกำหนดวันที่จะยุติการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ชัดเจน แต่เงื่อนไขของการที่จะยุติการชุมนุมก็มีเพียงให้รองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ มอบตัวกับตำรวจในข้อหาสั่งสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย. เท่านั้น โดยล่าสุดเช้านี้รองนายกฯ จะเข้ารับฟังข้อกล่าวหากับทาง DSI ซึ่งคาดว่าสุดท้ายคงจะมีการเข้าฟังข้อกล่าวหาจากทางตำรวจตามเงื่อนไขของกลุ่มผู้ชุมนุมใน 1-2 วันนี้ ดังนั้นการชุมนุมน่าจะสลายภายในสัปดาห์นี้ได้ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการปรองดอง 5 ข้อของนายกฯ และตามมาด้วยการยุบสภาฯ ภายในช่วง 15-30 ก.ย.และเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 14 พ.ย.ต่อไป FSS จึงคาดว่า SET จะขยับขึ้นบวกค่อนข้างแรงในเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตามหลังจากตลาดขยับขึ้นมาค่อนข้างแรงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีโอกาสสูงที่หลังจากการขยับขึ้นวันนี้แล้ว SET จะเริ่มมีการแกว่งปรับพักตัวลงได้บ้าง ก่อนที่จะกลับเข้าสู่ช่วงของการแกว่งตัวขึ้นต่อเนื่องต่อไป

กลยุทธ์: เราจึงแนะนำให้ตามเทรดดิ้งเล่นตามรอบไปก่อนในช่วงที่ตลาดบวกแรง ส่วนจังหวะการเข้าซื้อเพื่อถือลงทุนหลังจากสถานการณ์ทั้งด้านการเงินในยุโรป และการเมืองในไทยคลี่คลายแล้วนั้น ทำให้โอกาสที่ดัชนีจะไหลลงไปถึง 700 จุดต้นๆ อีกครั้งตามที่คาดไว้เดิมนั้นมีความเป็นไปได้น้อยลง จึงแนะนำให้เริ่มทยอยเลือกหุ้นพื้นฐานดีเข้ารับได้เมื่อตลาดปรับพักตัวลงบ้าง

ประเด็นสำคัญวันนี้
-ความเสี่ยงเรื่องหนี้กรีซหมดไปชั่วคราว EU และ IMF สรุปร่วมกันจัดวงเงินช่วยเหลือกรีซ 1.1 แสนล้านยูโร ซึ่งเพียงพอสำหรับกรีซไปได้ 3 ปี และจัดตั้งกองทุนฉุกเฉินเพื่อสร้างเสถียรภาพในยุโรปเป็นวงเงินสูงถึง 7.5 แสนล้านยูโร หรือ US$1 ล้านล้านเหรียญ (5.0 แสนล้านยูโรมาจาก EU และ 2.5 แสนล้านยูโรมาจาก IMF) เพียงพอที่จะช่วยเหลือทั้งโปรตุเกสและสเปนได้อีก 3 ปีเช่นกัน เพราะเป็นเม็ดเงินที่สูงถึง 90% ของหนี้ภาครัฐของทั้งสองประเทศ และเท่ากับ 62% ของ GDP ของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ECB จะเข้าซื้อพันธบัตรทั้งของภาครัฐและเอกชนเพื่อช่วยเพิ่ม Demand ในตลาดทำให้ Yield ของพันธบัตรไม่ให้สูงจนเกินไปเพราะปัจจุบัน Demand ต่ำ (ต้นทุนในการออกพันธบัตรจะได้ไม่แพงและสภาพคล่องไม่ตึงตัวจนเกินไป) แม้ว่ามาตรการทั้งหมดจะไม่ได้เป็นการลดหนี้ แต่เป็นการซื้อเวลา (ที่นานถึง 2 – 3 ปี) ซึ่งเรื่องนี้จะกลับมาเป็นความเสี่ยงอีกหรือไม่เป็นเรื่องในอนาคต แต่ปัจจุบันความเสี่ยงเรื่องหนี้สินของยุโรปหายไป การ Correction ของ Dow Jones จะจบลง เม็ดเงินจะย้ายจาก Safe heaven กลับเข้ามาใน Risk assets อีกครั้ง (CDS ของกรีซลดลงถึง 350 bps โปรตุเกสลดลง 184 bps และสเปนลดลง 80 bps)
-เม็ดเงินย้ายกลับเข้า Risk assets...เก็งกำไร Commodities เม็ดเงินช่วยเหลือที่สูงถึง US$1 ล้านล้านเหรียญ สูงกว่าโครงการช่วยเหลือสถาบันการเงินของสหรัฐฯ ในช่วงวิกฤต Subprime (TARP) ที่มีจำนวน US$7 แสนล้านเหรียญ ทำให้เม็ดเงินย้ายกลับมาสู่สินทรัพย์เสี่ยง Dow Jones บวกถึง 404 จุดหรือ 3.9% หลังจากร่วงไป 820 จุดใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสำคัญในยุโรปเพิ่มขึ้น 5% - 8% MSCI World +4.9% MSCI Asia ex Japan +3.0% ดัชนีความกลัวหรือ VIX ลดลงถึง 30% มาอยู่ที่ 28.84 ราคาน้ำมันปรับขึ้น 2.3% หรือ US$1.77 มาปิดที่ US$76.89 ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นกว่า 1% ดอลลาร์อ่อนค่า 1.2% ส่วนทองในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยยุติการปรับขึ้น ทรงตัวที่ US$1,202 แนะนำเก็งกำไรหุ้น Commodities – PTTCH (คาดงบดี), PTT (คาดงบดี), PTTAR (M&A), IRPC (M&A), BANPU (งบเป็นไปตามคาด), SCC (งบออกแล้ว ดีตามคาด), IVL (งบดีและกลางปีจะเข้าคำนวณ SET50), STA, TTA

-หุ้นไทยรีบาวนด์ตามตลาดโลกแต่จะน้อยกว่า...จับตาการเมือง กลุ่มเสื้อแดงลดเงื่อนไขลงเรื่อยๆ เป็นสัญญาณที่ดีขึ้น โดยยอมรับแผน Roadmap ปรองดอง ยอมรับการเลือกตั้ง 14 พ.ย. และการยุบสภาในช่วง 15 – 30 ก.ย. เหลือแต่เงื่อนไขจะยุติการชุมนุมทันทีถ้านายสุเทพมอบตัวกับตำรวจ

-กำไรกลุ่มอสังหาฯ ที่ออกมาแล้วดีกว่าคาด QH, PS, LPN กำไรดีกว่าเราคาด ส่วน QH และ LPN ดีกว่าตลาดคาด เราเลือก LPN และ PS เป็น Top Picks ในกลุ่มนี้

---------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ไทยรัฐ : หุ้นโลกพุ่งคลายวิตกหนี้กรีซ
ตลาดหุ้นทั่วโลกคลายวิตกปัญหาหนี้กรีซ พาเหรดกันขึ้นถ้วนหน้า หลังอียูรับหน้าเสื่อตั้งกองทุนแก้ปัญหา ดึงราคาน้ำมันทะยานตาม ขณะที่ราคาทองคำร่วงทันที ...

ตลาดหุ้นทั่วโลกคลายวิตกปัญหาหนี้กรีซ พาเหรดกันขึ้นถ้วนหน้า หลังอียูรับหน้าเสื่อตั้งกองทุนแก้ปัญหาดึงราคาน้ำมันทะยานตาม ขณะที่ราคาทองคำร่วงทันที จากก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังธนาคารกลางของสหภาพยุโรป (อียู) บรรลุข้อตกลงจัดตั้งกองทุนฉุกเฉินวงเงิน 750,000 ล้านยูโร หรือกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทย 32.1 ล้านล้านบาท เพื่อสกัดวิกฤติหนี้สาธารณะของกรีซไม่ให้ลุกลามออกไปยังประเทศอื่นๆ ผู้สื่อข่าวรายงานวานนี้ (10 พ.ค.) ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างขานรับมาตรการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยดัชนีเอ็มเอสซีไอหุ้นทั่วโลกบวก 0.6% ขณะดัชนี เอ็มเอสซีไอหุ้นเอเชีย-แปซิฟิกพุ่งขึ้น 1.7% ส่วนดัชนีดาวโจนส์ ล่วงหน้าช่วงค่ำวันที่ 10 พ.ค. ตามเวลาในประเทศไทยดีดขึ้น 392 จุด มาที่ 10,727 จุด สำหรับตลาดหุ้นในเอเชียรวมทั้งหุ้นไทยนั้นปรากฏว่า ทะยานปรับตัวขึ้นได้ทั้งหมด โดยดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดปรับตัวขึ้น 779.06 จุด บวก 10.51 จุด ขณะที่มีมูลค่าการซื้อขาย 26,659.35 ล้านบาท แต่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่ออีก 2,075.49 ล้านบาท

นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ รองผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ เพราะได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้กรีซ แต่การปรับตัวขึ้นของดัชนียังฟื้นตัวขึ้นไม่มาก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในเอเชียด้วยกัน เนื่องจากปัญหาการเมืองในประเทศยังส่งผลกดดันและเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามว่าจะยุติลงอย่างไร ส่วนต่างชาติที่ยังขายสุทธิอยู่นั้นเชื่อว่าเม็ดเงินยังไม่ไหลออกนอกประเทศ ส่วนตลาดหุ้นอื่นๆในเอเชียนั้น ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดที่ 20,426.64 จุด บวก 506.35 โดยเป็นการทะยานขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่ตลาดหุ้นโตเกียว ดัชนีนิเคอิ ปิดที่ 10,530.70 จุด บวก 166.11 จุด ดัชนีเซี่ยงไฮ้ ปิด 2,698.75 จุด บวก 10.37 จุด, ดัชนีสเตรทไทม์สิงคโปร์ ปิด 2,880.48 จุด บวก 59.37 จุด, ดัชนีเวทเต็ด ไต้หวัน ปิด 7,664.73 จุด บวก 97.63 จุด ส่วนตลาดเกาหลีใต้ ปิด 1,677.63 จุด บวก 30.13 จุดและตลาดมาเลเซีย ปิด 1,333.97 จุด บวก 1.08 จุด

นอกจากนี้ ค่าเงินในประเทศเอเชียต่างปรับตัวแข็งค่าขึ้นได้ทั้งหมดเช่นกัน โดยนักค้าเงินระบุว่า การตอบรับต่อมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ของกรีซและยูโรโซน ได้หนุนให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อเงินยูโรรวมทั้งเงินสกุลเอเชีย รวมถึงเงินบาทหลังจากที่ถูกเทขายออกมามากในสัปดาห์ก่อน โดยเงินยูโรต่อดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่ามาแถวๆ 1 ยูโรต่อ 1.30 ดอลลาร์ สหรัฐฯ ส่วนเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นในช่วงเช้า แต่อ่อนลงเล็กน้อยในภาคบ่ายหลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าไปดูแล โดยปิดตลาดเงินบาทอยู่ที่ 32.25-32.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ถือว่าโดยรวมยังคงแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ก่อน ขณะที่เงินวอนเกาหลีใต้และริงกิต มาเลเซียต่างดีดตัวขึ้นกว่า 2%

ในส่วนของราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลงไปแตะจุดต่ำสุดในรอบ 3 เดือนในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้ทะยานขึ้นไปยืนอยู่เหนือระดับ 78 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล หลังได้ปัจจัยบวกจากการที่อียูบรรลุข้อตกลงที่จะปกป้องประเทศที่ประสบปัญหาหนี้สินไม่ให้ลุกลามไปประเทศอื่นๆแล้ว โดยนายอับดุลลาห์ อัล-บาลี เลขาธิการกลุ่มโอเปกกล่าวว่า ที่ผ่านมา กลุ่มโอเปกมีการผลิตน้ำมันมากเกินไป จึงทำให้ระดับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอ่อนตัวลงอย่างรุนแรงพร้อมกับเรียกร้องให้สมาชิกโอเปกลดกำลังการผลิตโดยทำตามข้อตกลงที่ทำไว้ในปี 2008

ขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลกวานนี้ร่วงลงมาถึง 1.5% โดยราคาทองสปอตมีการซื้อขายกันที่ระดับ 1,199 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลงมามากกว่า 18 ดอลลาร์ จากระดับราคาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ระดับ 1,213.35 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะสัญญาทองล่วงหน้าส่งมอบเดือน มิ.ย. ที่ตลาด COMEX อยู่ที่ 1,200.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ราคาทองคำทะยานขึ้นต่อเนื่องหลังเกิดวิกฤติการเงินกรีซ ทำให้มีการโยกเงินเข้ามาลงทุนในทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่เมื่อมาตรการช่วยเหลือกรีซมีความชัดเจนขึ้น จึงชะลอการปรับขึ้นของราคาทองคำ

----------------------------------------------------------
หุ้นเด่น - ประเด็นข่าว : FSS
3 บิ๊กรับเหมาผ่านฉลุย
เดินหน้าเทคนิคสีน้ำเงิน รฟม.ย้ำไม่เกินเดือนจบ UNIQ เฮงคว้าสีแดงอีกพันล้าน ยักษ์รับเหมา ITD, CK, STEC ผ่านผลตรวจคุณสมบัติเบื้องต้น โครงการก่อสร้างสีน้ำเงิน รอลุ้นซองเทคนิคก่อสร้างต่อ รฟม. คาดใช้เวลาอีก 1 เดือน ขณะ UNIQ ยังรับงานอีก 1 เด้ง คมนาคมเตรียมเพิ่มสถานีบางกรวย-กฟผ. และพระราม 6 ในสายสีแดงบางซื่อ-ตลิ่งชัน วงเงินเกือบ 1,000 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 11-05-2010)
• BTS วันนี้ลุ้น 1 บ .เชื่ออนาคตสดใส! เทคนิคเรื่มฟื้นตัว BTS วันนี้ไม่ต่ำกว่า 1 บาท สูงสุดไม่เกิน 1.30 บาท โบรกฯ มองอนาคตสดใส ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หนุนรายได้โต ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคเริ้มฟื้นตัว แนะเก็งกำไร (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 11-05-2010)
• KIAT ฮุบงานปตท.พันล้าน KIAT คว้างานปตท.อีก 1 พันล้านบาท ตลอด 3 ปี ด้าน “เกียรติชัย” ลั่น จ่อรับรู้รายได้เดือนล่ะ 30 ล้านบาท พร้อมเริ่มงานทันทีกลางเดือนนี้ ขณะที่ PDI ต่อสัญญาอีก 5 ปี ฟาดเละปีล่ะ 100 ล้านบาท พร้อมเล็งเข้าประมูลงานอีกไม่เลิก มั่นใจไตรมาส 2 ยังโตต่อได้อีก (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 11-05-2010)
• SGP กำไร 328 ล้าน ยอดขาย LPG กระฉูดตัวเลข Q2 โตต่อเนื่อง SGP โค้งแรกโกยกำไร 328 ล้านบาท ปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ในประเทศเพิ่มขึ้น 10.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รับอานิสงส์ฐานลูกค้ากลุ่มครัวเรือนและกลุ่มอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวแข็งแกร่งตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ส่งซิกไตรมาส 2/53 สวย แม้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณทางการเมือง แต่ยอดขายยังเติบโตใกล้เคียงไตรมาส 1/53 ดังนั้น แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 11.3 บาทต่อหุ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 11-05-2010)
• LOXLEY ไร้ขวากหนามชี้ราคาพื้นฐาน 2.30 บาท หุ้น LOXLEY ฟ้าเปิดไร้แนวต้าน หลังดีเอสไอชี้กรณีหวยออนไลน์ไม่เข้าข่ายคดีพิเศษ กูรูมองถือเป็นข่าวดีของบริษัท มีโอกาสที่จะประนีประนอมและหาทางออกระหว่างเอกชนกับรัฐบาล หลังล็อกซเล่ย์ร้องค่าเสียหาย 2 พันล้านบาท ส่วนาคาหุ้นถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับพื้นฐานบริษัท แถมมูลค่าทางบัญชียังอยู่ที่ 2.30 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 11-05-
2010)
• PS พรีเซลทะลัก1.1 หมื่นล้าน มิ.ย.จ่อขายหุ้น 2.5 พันล้านบาท- PF กำไรพุ่ง 232 ล้าน PS สวยตามนัด Q1 กำไรสุทธิ 1,230 ล้านบาท โต 79% ลุยเปิดเพิ่ม 32 โครงการใน Q2-Q3 ล่าสุดยอดขายทะลักกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท โชว์แบ็กล็อก 17,000 ล้านบาท บุ๊คปีนี้ 9,000 ล้านบาท กลางเดือนมิ.ย.นี้เล็งขายหุ้นกู้ 2,500 ล้านบาท ส่วน PF กำไรสุทธิพุ่ง 232.02 ล้านบาท LPN กำไรสุทธิ 270.92 ล้านบาท ลด 26% PRIN กำไรทะยาน 146% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 11-05-2010)
• TTW กำลังการผลิตใหม่เสร็จ ก.ค. รับส่วนเกินค่าน้ำเพิ่ม1บาท ดันรายได้ปีนี้โต 10% น้ำประปาไทย เผยเดือนก.ค.-ส.ค.นี้กำลังผลิตใหม่พุ่ง 4.4 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน รับผลดีคิดราคาส่วนเกินค่าน้ำเพิ่ม 1 บาท ดันรายได้ทั้งปีโต 10% แตะ 4.4 พันล้านบาท ด้านยอดขายน้ำครึ่งปีหลังขยายตัวใกล้เคียงครึ่งปีแรก เตรียมแผนสร้างโรงผลิตน้ำแห่งที่ 2 ได้ข้อสรุปปีหน้า คาดเงินลงทุนเกิน 1,300 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 11-05-2010)
• PSL ย้ำค่าระวางเรือปีนี้ตามเป้า ทำสัญญาระยะยาวแล้ว 84% เล็งซื้อเรือมือสองเพิ่ม PSL มั่นใจค่าระวางเรือทั้งปียังได้ตามเป้า 12,500 เหรียญต่อวันต่อลำ หลังลุยทำสัญญาระยะยาวไปแล้วร่วม 84% ชี้ปัญหากรีซอาจส่งผลต่อธุรกิจเดินเรือในอนาคต แต่พร้อมพลิกวิกฤตด้วยการเข้าซื้อเรือมือสองเพิ่ม หากราคาตก วงการชี้หุ้นยังน่าลงทุน จ่ายปันผลไตรมาสแรกเกินคาด 25 สตางค์ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 11-05-2010)
• SNC เล็งปรับเป้ารายได้ปีนี้โต 30% อากาศร้อนยอดขายแอร์พุ่ง ออเดอร์ทะลักเข้าไตรมาส 2 SNC เล็งปรับเป้ารายได้ปี 2553 โตมากกว่า 30% รอลุ้นคำสั่งซื้อในไตรมาส 3/53 แถมปีนี้อากาศร้อนมาก ดันยอดขายเครื่องปรับอากาศโต ด้านไตรมาส 2/53 ผล ประกอบการดีทั้งรายได้-กำไร เนื่องจากออเดอร์จากลูกค้าเพิ่มขึ้น และบางออเดอร์ได้เลื่อนมาจากไตรมาสแรก (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 11- 05-2010)
• PERMงบ Q1 พลิกกำไร16 ล้าน PERM ฟุ้งไตรมาส 2/53 ต้องดีกว่า หลังไตรมาสแรก พลิกเป็นกำไร 15.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 121% จากปีก่อนที่ขาดทุน 72.48 ล้านบาท รับอานิสงส์ราคาเหล็กขึ้นสูง “ชูเกียรติ” ย้ำรายได้ทั้งปีโต 20-30% ขณะที่โรงงานแห่งใหม่ เริ่มเดินเครื่องไตรมาส 3/53 นี้ หนุนกำลังการผลิตเพิ่มอีก 20-30% จาก 2 หมื่นตัน/เดือน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 11-05-2010)

----------------------------------------------------------
Technical View : FSS
“หลังจากเน้นขายทำกำไรไปแล้ว จากนี้ไปจะเทรดดิ้งใหม่ต้องรอผ่านแนวต้านแรกแถว 784 จุดขึ้นก่อน เพื่อไปรอขายทำกำไรที่แนวต้านถัดๆ ไปได้ แต่ถ้าไม่ผ่านขึ้นต้องระวังย้อนหลุด 768 จุดลง เพราะมีสิทธิแกว่งลงต่อเนื่อง..”
แนวรับ : 773-768*** , 760-757* , 747-740**
แนวต้าน : 781-784* , 790** , 796-800***


---------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น