Code 72 : ประกาศเคอร์ฟิวส์ แล้วจะจบมั้ย

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2553

ATT Code : ประกาศเคอร์ฟิวส์ แล้วจะจบมั้ย
สรุปข่าวสั้น
-(เบื้องต้น)ศอฉ.เตรียมประกาศเคอร์ฟิวส์พื้นที่แยกราชประสงค์ เพื่อแยกกลุ่มผู้ชุมนุม ให้เวลาตั้งแต่ 15.00 น.วันนี้ออกจากพื้นที่
-ส่งออกยางอนาคตสดใส : อย่างนี้หุ้นเกี่ยวกับยางยังมีโอกาสไปได้อยู่
>>> STA, TRUBB
-แรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ความกังวลต่อวิกฤตหนี้ในยุโรป รวมถึงการลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยของ MSCI รวมถึง ความวิตกต่อสถานการณ์การเมือง ที่มีสัญญาณรุนแรงมากขึ้น
-บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 764 จุด และ 743 จุด ขณะที่ แนวต้าน คาดว่าจะอยู่ที่ 780 จุด และ 790 จุด ตามลำดับ

---------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ : ส่งออกยางอนาคตสดใส
ภาพรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยพบว่ายางแผ่นดิบคุณภาพที่ 1 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 105.05 บาท ลดลงจาก 109.51 บาท ของสัปดาห์ที่แล้ว....

นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ยางพาราขณะนี้ว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 53 นี้ไทยส่งออกยางไปยังประเทศจีนมากที่สุด 327,000 ตัน มูลค่า 31,708 ล้านบาท รองลงมาคือมาเลเซีย 126,000 ตัน มูลค่า 11,407 ล้านบาท ญี่ปุ่น 92,000 ตัน มูลค่า 8,861 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา 52,000 ตัน มูลค่า 4,904 ล้านบาท ปริมาณการส่งออกสูงขึ้นในทุกประเทศ ยกเว้นสหรัฐอเมริกาที่เท่ากับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ส่วนการผลิตการตลาดและราคาในตลาดต่างประเทศนั้นพบว่าในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ระหว่าง ม.ค.-มี.ค. 2553 จีนนำเข้ายางธรรมชาติทั้งสิ้น 490,452 ตัน เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 30% โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้จีนนำเข้ายางเพิ่มขึ้นเนื่องจากผลผลิตยางภายในประเทศลดลงจากความแห้งแล้งรุนแรงในแหล่งผลิตยางสำคัญที่มณฑลไหหลำและมณฑลยูนนาน ซึ่งจากภาวะดังกล่าวคาดว่าจะทำให้ในปีนี้จีนจะผลิตยางได้ลดลง 20,000 ตัน ขณะที่อุปสงค์ยางมีมากโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งในเดือน มี.ค. จีนมียอดขายรถยนต์เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 56%

ด้านนายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า ขณะนี้ราคายางพาราที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศใน ภาพรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยพบว่ายางแผ่นดิบคุณภาพที่ 1 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 105.05 บาท ลดลงจาก 109.51 บาท ของสัปดาห์ที่แล้ว.

TNN : ปัญหาการเมืองฉุดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า
บ.หลักทรัพย์กสิกรไทย ชี้ ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้ามีโอกาสปรับฐานลงมา จากแรงกดดันปัญหาการเมืองในประเทศ
15 พ.ค. 53 : ตลาดหุ้นไทย ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีปิดที่ 768.79 จุด ปรับตัวขึ้นร้อยละ 0.03 จาก 768.55 จุด ในสัปดาห์ก่อนหน้า ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 22,410 ล้านบาท โดยนักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ ขณะที่ นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 14,692 ล้านบาท รวมทั้ง บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ที่ขายสุทธิออกมา 420 ล้านบาท

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทย ถูกกดดันจากปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่อง เป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ ตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่ฟื้นตัวขึ้นขานรับแผนช่วยเหลือปัญหาหนี้กรีซ แต่เป็นการปรับขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ซึ่งเป็นผลจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง

ส่วนในวันอังคาร ดัชนีปิดลดลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่อ่อนตัวลง สำหรับการชุมนุมทางการเมืองในประเทศที่ยังไม่ยุติลง ทำให้นักลงทุนบางส่วนเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง ก่อนที่ดัชนีจะปิดปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อยในวันพุธ

ขณะที่ แรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ความกังวลต่อวิกฤตหนี้ในยุโรป รวมถึงการลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยของ MSCI รวมถึง ความวิตกต่อสถานการณ์การเมือง ที่มีสัญญาณรุนแรงมากขึ้น เป็นปัจจัยกดดันตลาด ให้ดัชนีปิดลดลงอีกในวันพฤหัสบดี อย่างไรก็ตาม ดัชนีพลิกมาปิดบวกเล็กน้อยในช่วงท้ายตลาดในวันศุกร์ เนื่องจากมีนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรจากการคาดหวังว่า สถานการณ์ทางการเมืองน่าจะยุติลงได้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้

สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์หน้า บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยและบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ดัชนียังมีโอกาสที่จะปรับฐานต่อ จากบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศที่ยังมีแนวโน้มผันผวนตามปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลก ตลอดจนแรงกดดันจากสถานการณ์การเมืองในประเทศ ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 764 จุด และ 743 จุด ขณะที่ แนวต้าน คาดว่าจะอยู่ที่ 780 จุด และ 790 จุด ตามลำดับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น