Code 68 : เหมือนจะขึ้นแต่ก็ไม่ขึ้น..เหมือนจะลงแต่ก็ไม่ลง

วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2553

ATT Code : เหมือนจะขึ้นแต่ก็ไม่ขึ้น... เหมือนจะลงแต่ก็ไม่ลง
เมื่อวาน Dow Jones ดูดีมาก ส่งผลให้หุ้นไทยก็บวกตามไป 8 จุด
แต่เหมือนจะขึ้นต่อ แต่ก็ไม่ขึ้น มีแรงขายออกมา หลุด 775 ไป
แต่ตอนปิดตลาดยังดีอยู่นิดนึงที่ไม่หลุด 772 ของเส้น 10 วัน

เช้านี้ SET เปิดหลุด 772 ลงมา มาเปิดที่ 770.99 จุด -1.1 จุด
ทำให้ Sentiment ดูไม่ดี โดยอย่าหลุดแนวรับที่ 768 และ 765
และก็เกือบหลุด 768 แต่เด้งขึ้นมาก่อน และก็ผ่าน 770 และ 775 มาได้
ทำให้ดูเหมือนจะลง แต่ก็ไม่ลง คาดการณ์ยากส์สุดๆ
ถ้ายืนได้ก็ดูแนวต้านต่อไปที่ 780, 790 และ High เดิมที่ 800

ภาคเช้า SET ปิดที่ 774.74 จุด +2.65 จุด V. 10,892 MB
ก็ยังดีที่สามารถยืนเหนือ 772 ได้ แต่ก็ยังไม่ถึง 775 รอลุ้นต่อไป

ต่างชาติ Net Sell 1,700 MB.
ส่วน TFEX ก็ปิดที่ 544.90 จุด +2.50 จุด


ภาคบ่าย SET ปิดที่ 773.72 จุด +1.63 จุด V. 19,759 MB.
เกือบแย่เหมือนกัน แต่ยังดีที่เปิดเหนือ 10 วัน ที่ 772 จุดได้
ส่วน TFEX ปิดที่ 541 จุด -1.40 จุด
ถือว่าไม่ดี เพราะต่ำกว่า 10 วัน ที่ 542 มีสิทธิไหลลงต่อได้
แต่ก็มีอีกแนวรับ 25 วัน ที่ 539 และ BB Average 537

---------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-เหมือนจะจบ!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 11 พ.ค.53 ปิดที่ 772.09 จุด ลดลง 6.97 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 26,257.59 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,974.35 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นคาดว่ามีโอกาสแกว่งตัวในกรอบแคบจนกว่าปัจจัยต่างๆจะคลี่คลาย ทั้งปัญหาการเมืองภายในประเทศ ที่ดูเหมือนว่าจะจบแต่ยังไม่จบ และอาจมีประเด็นหรือสถานการณ์พลิกผันได้ ส่วนปัจจัยต่างประเทศ แม้วิกฤติหนี้กรีซในระยะสั้นจะผ่อนคลายบ้างแล้ว แต่ตลาดยังวกกลับมากังวลต่อมาตรการเข้มงวดสถาบันการเงินของจีน

แนะกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเทรดดิ้ง 50% ของพอร์ต ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 763 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 787 จุด

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ชี้ว่าต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิออกมาอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก ระยะสั้นจึงยังต้องจับตาประเด็นของกรีซและการเมืองไทย รวมถึงทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงิน หากค่าเงินบาทอ่อนค่ามาสู่ระดับ 33-33.20 บาท/ดอลลาร์ สะท้อนว่าเม็ดเงินต่างชาติบางส่วนได้ไหลออกจากประเทศ แนะให้ขายหุ้นและชะลอการลงทุนไว้ก่อน โดยเฉพาะหุ้นใหญ่ต้องระมัดระวัง

ด้านเทคนิคดัชนีมีกรอบที่ 760-800 จุด หากหลุดลงมาต่ำกว่า 760 จุด ถือเป็นช่วงขาลง แต่หากทะลุขึ้น 800 จุดได้ จะกลับไปสู่ช่วงขาขึ้นอีกครั้ง แนะกลยุทธ์ช่วงนี้ให้ขายถือเงินสด ให้ลงทุนเพียง 30% ของพอร์ต

ปิดท้าย แจกหุ้นตามฟอร์มบทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเกอร์ส แนะพอร์ตเก็งกำไรระยะสั้น ให้ขายช่วงราคาหุ้นรีบาวน์ มีแนวต้านที่ 790 จุด ส่วนการซื้อใหม่เน้นรอช่วงราคาอ่อนตัว หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ เชียร์ KBANK SCB PTT PTTAR PTTCH IVL CPF TUF QH HANA DELTA KCE

ส่วนพอร์ตเพื่อการลงทุน หากดัชนีฝ่าแนวต้าน 790-800 จุดไม่ได้ ให้ขายทำกำไรไปก่อน เพื่อไปรอซื้อคืนที่แนวรับ 770-760 จุด แต่ถ้ายืนเหนือ 800 จุดได้ มีลุ้นที่ High เดิมที่ 820 จุด หรือ High ใหม่ ที่ 850 จุด

แต่ถ้าลงแรงและหลุด 750 จุด ให้ลดพอร์ตหุ้นแล้วถือเงินสดให้มากที่สุด เพื่อกลับไปรอรับที่ 700 จุดต้นๆ หรือต่ำกว่า 700 จุด!!

FSS : ยังเน้นเล่นสั้นตามรอบ...จะซื้อถือให้รอปรับตัวลงโดยเฉพาะถ้าลงแรง!!
แนวโน้ม: แม้ว่าเมื่อวานนี้จีนจะรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด แต่ตลาดหุ้นเอเชียไม่ตอบสนองในเชิงบวก กลับวิตกต่อมาตรการเบรก ศก. ของจีนว่าอาจจะมีออกมาอีกและอาจเข้มงวดขึ้นกว่าเดิม เพราะที่ผ่านมาหลังมีมาตรการต่างๆ ออกมาตลอด แต่เศรษฐกิจจีนก็ยังคงร้อนแรง โดยล่าสุดตัวเลขเงินเฟ้อของจีนเดือน เม.ย. พุ่งสูงสุดในรอบ 18 เดือนขณะที่ความกังวลเรื่องหนี้ในยุโรปก็ยังกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ แม้ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐจะยังดูดีต่อเนื่อง แต่ดัชนีดาวโจนส์ก็ไม่สามารถที่จะบวกต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า โดยย้อนกลับมาปรับตัวปิดเป็นลบไป 36 จุดเศษ ส่วนเรื่องการยุติการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ยังยืดเยื้อต่อ หลังแกนนำผู้ชุมนุมระบุให้รองฯ สุเทพ ไปมอบตัวกับตำรวจที่กองปราบเท่านั้นถึงจะยอมยุติการชุมนุม แต่รองนายกฯ ยังยืนยันไปรับข้อกล่าวหาเรื่องสลายม็อบวันที่ 10 เม.ย.ที่ DSI เท่านั้น จึงทำให้สถานการณ์การชุมนุมที่คาดกันว่าจะยุติในเร็ววันนี้ยังต้องจับตาดูต่ออีกครั้ง โดยเฉพาะวันนี้ (12 พ.ค.) นายกฯ ได้ระบุว่ากลุ่มผู้ชุมนุมควรประกาศยุติการชุมนุมโดยไม่ต่อรองอีกแล้ว เพราะถ้ายังไม่ยุติ ทางรัฐบาลอาจต้องบังคับใช้ กม. ทำให้ FSS คาดว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้จะเน้นหนักไปทางแกว่งตัวผันผวนตามปัจจัยต่างๆ ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงเป็นตัวชี้นำ ดังนั้นถ้าจะเข้าเทรดดิ้งต่อจึงยังต้องใช้ความระมัดระวัง และจำกัดพอร์ต โดยควรหาจังหวะซื้อเมื่อตลาดปรับตัวลง ไม่ไล่ราคาถ้าเป็นบวกกลยุทธ์: แนะนำให้เทรดดิ้งเล่นตามรอบได้ แต่ควรหาจังหวะเข้าซื้อเมื่อตลาดปรับตัวลง ไม่ไล่ราคาถ้าเป็นบวก ส่วนจังหวะซื้อเพื่อถือลงทุนแนะนำให้เริ่มทยอยเลือกหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาตลาดยังต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานมากๆ เข้ารับได้เมื่อตลาดปรับตัวลง โดยเฉพาะถ้ามีการปรับตัวลงแรง ซึ่งได้แก่ KBANK, SCB, BBL, BAY, TTW, HMPRO,CPALL, BIGC, MAKRO, AP,PS, LH, QH, CPN, PTTEP, ROJNA เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
-จีนทำให้ตลาดกังวลเพิ่มขึ้น
ความกลัวเรื่องหนี้ในยุโรปไม่ทันจาง (กรีซมีพันธบัตรอายุ 10 ปีที่จะครบกำหนดชำระวันที่ 19 พ.ค. 8.5 พันล้านยูโร วันนี้กรีซจะต้องยื่นขอเงินกู้จาก EU 1.45 หมื่นล้านยูโร และคาดว่า IMF จะสมทบอีก 5.5 พันล้านยูโร) จีนที่รายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ร้อนแรงต่อเนื่องทำให้ตลาดหันกลับมาวิตกว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการคุมเข้มเศรษฐกิจที่เข้มไปกว่าเดิมอีก เพราะแม้ว่าจีนจะออกมาตรการมาอย่างต่อเนื่องทั้งเพิ่มเงินดาวน์บ้านเพื่อสกัดกั้นการเก็งกำไรในภาคอสังหาฯ และปรับเพิ่มเพดานกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ถึง 3 ครั้งรวม 1.5% ในปีนี้ แต่ยอดปล่อยกู้เดือน เม.ย. ก็ยังสูงกว่าตลาดคาดมากถึง 32% (ยอดปล่อยกู้ 4 เดือนแรกคิดเป็น 35% ของปีที่แล้วทั้งปี) และราคาบ้านก็ยังเพิ่มต่อเนื่อง 17% Y-Y (เดือน มี.ค.+16% Y-Y) ที่สำคัญที่สุดคือเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 18 เดือนในเดือน เม.ย. ทำให้ตลาด เศรษฐกิจที่ร้อนแรงบวกกับแนวโน้มเงินเฟ้อที่พุ่งสูง ยิ่งกดดันรัฐบาลให้ต้องปรับค่าเงินหยวนให้แข็งค่า หรือปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะนี้หลายสำนักวิจัยคาดว่าจีนจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเดือน มิ.ย. นี้ สถิติอดีตที่ผ่านมา พบว่าในครั้งแรกที่ดอกเบี้ยกลับทิศ จะกระทบตลาดหุ้นเฉลี่ยประมาณ 15% - 20% เป็นเวลา 2 เดือน
-นายกฯ ขีดเส้นตายยุติการชุมนุมวันนี้ นปช. ไม่ยอมรับการที่นายสุเทพไปมอบตัวกับDSI เพราะไม่ใช่การไปพบในฐานะผู้ต้องหา เป็นเพียงการไปรับทราบเรื่องราวร้องทุกข์จึงยังไม่ยกเลิกการชุมนุม ขณะที่ นายกฯ ขีดเส้นให้เสื้อแดงยกเลิกการชุมนุมวันนี้ (12พ.ค.) ไม่มีการต่อรอง
-MSCI ลดน้ำหนักในไทย ปรับหุ้นออก 3 ตัวคือ LH, TMB, DTAC ไม่มีปรับเพิ่มเริ่ม 26 พ.ค. นี้ ตลาดหุ้นไทยเป็นประเทศเดียวใน Asia Pacific ที่ไม่มีการปรับหุ้นเพิ่มเข้ามาคำนวณ มีแต่ปรับออก
-KCE กำไรดีกว่าทั้งเราและตลาดคาด แม้จะคำนึงถึงผลกระทบจากการฟื้นตัวช้าของเศรษฐกิจในยุโรปแล้วเราก็ยังปรับประมาณการขึ้นจากเดิม 9% ทำให้ราคาเป้าหมายถูกปรับขึ้นเป็น 10 บาท ยังคงเป็น Top Pick ในกลุ่มอิเล็คทรอนิคส์
-CPF คาดว่าจะประกาศผลประกอบการวันนี้ และมีแนวโน้มว่ากำไรจะดีกว่าตลาดคาดอย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปรับขึ้นมาอย่างร้อนแรง 55% YTD ทำให้ PE แพง เราแนะนำให้ขายเมื่องบออก และเปลี่ยนตัวเป็น GFPT ซึ่งมี PE ถูกกว่า โดยประเมินเป้าหมายเบื้องต้น 77 – 85 บาท

----------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
TNN : ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 36.88 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง นักลงทุนหวั่นมาตรการลดค่าใช้จ่ายยุโรปกระทบการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก

12 พ.ค. 53 : ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่ามาตรการเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่าเกือบ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์จะสามารถแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซและป้องกันไม่ให้ปัญหาดังกล่าวลุกลามไปทั่วยุโรปได้

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 36.88 จุด หรือ 0.34% แตะที่ 10,748.26 จด ดัชนี S&P 500 ลดลง 3.94 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 1,157.79 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 0.64 จุด หรือ 0.03% แตะที่ 2,375.31 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.047 หมื่นล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 5 ต่อ 4 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความไม่มั่นใจที่ว่า มาตรการเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่าเกือบ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) จะสามารถแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซและป้องกันไม่ให้ปัญหาดังกล่าวลุกลามไปทั่วยุโรปได้หรือไม่ ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นและหันไปถือครองทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ทำให้สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กทะยานขึ้นเหนือระดับ 1,230 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อคืนนี้

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคน รวมถึงนักวิเคราะห์จากอาร์ทติโอ โกลบอล อิควิตี้ ฟันด์ และจากไอเอ็นจี อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์ ในรัฐนิวยอร์ก เชื่อมั่นว่า ปัจจัยพื้นฐานในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนให้น้ำหนักกับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ มากกว่าที่จะแสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ในยุโรปมากเกินไป โดยเฉพาะตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) เดือนเม.ย.ที่พุ่งขึ้น 290,000 อัตรา ทำสถิติเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปี

เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปิดในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากความวิตกกัววลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อของจีน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนในเดือนเม.ย. 2553 ขยายตัวขึ้น 2.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี มากกว่าเดือนมี.ค.ที่ขยายตัวเพียง 0.4%

ทั้งนี้ หุ้นอินเทล คอร์ป ปิดร่วง 1.2% หลังจากซีอีโอของอินเทลคาดการณ์ว่า กำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทจะปรับตัวขึ้นไม่มากนักแม้ดีมานด์ชิปคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นก็ตาม
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนมี.ค. และกระทรวงการคลังจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางประจำเดือนเม.ย.

ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงาจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ วันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค.

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 43 เซนต์ ไปปิดที่ 76.37 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่เบรนด์ ลอนดอน ลดลง 20 เซนต์ ปิดที่ 80.04 ดอลลาร์/บาเร์เรล

---------------------------------------------------------
หุ้นเด่น - ประเด็นข่าว : FSS
SIRI กำไรกระหึ่ม 200% ราคาต่ำเป้าหมาย 9 บ. QH จี๊ดโชว์ตัวเลขพันล้าน - SPALI ไม่ผิดหวังกระเด้ง 54% "อสังหาฯ" เด้ง ถ้วนหน้า Q1 กำไรโตไม่ยั้ง ลุ้น SIRI โชว์กำไร 360 ล้านบาท พุ่ง 200% ส่วนทั้งปีทะยาน 1.7 พันล้านบาท หลังมียอดขายใหม่จ่อเข้ามา อีก 3.8 หมื่นล้านบาท ดันแบ็กล็อกปีนี้กระฉูด 5 หมื่นล้านบาท แนะซื้อเป้า 9 บาท อัพไซด์สูง 95% ส่วน QH ดาวเด่นตามคาดแจ้งผล กำไรสูง 1,002 ล้านบาท โต 243% SPALI ไม่น้อยหน้ากำไร 831.44 ล้านบาท โต 54% PS กำไร 1,229.6 ล้านบาท พุ่ง 78.9% PF กำไรกระฉูด 90% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-05-2010)
• SAMTEL กำไรพุ่ง 324% ดันสามารถฟัน120 ล้าน SAMART ฟื้นตัวจากพิษไข้ เรียงหน้าบริษัทในกลุ่มดียกแผง คาดพลิกจาก ขาดทุนปีก่อน เป็นกำไรมโหฬารกว่า 120 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้น 190% SAMTEL ยังเป็นตัวหลักปั๊มรายได้ไม่ยั้ง กำไรโตกว่า 324% ส่วนมือถือไอ-โมบาย กลับมาแล้ว หลังเจอปัญหาขาดทุนโละสต๊อกของเก่า "วัฒน์ชัย" ฟุ้งได้เห็นตัวเลขงบไตรมาส 1/2553 ขยายตัวถึง 3 หลัก (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-05-2010)
• AGE ออเดอร์ทะลักยอดพุ่งกว่าแสนตันราคายืน 110 เหรียญ AGE ยอดคำสั่งซื้อถ่านหินล่วงหน้าทะลัก ล่าสุดทยอยส่งให้ลูกค้ากว่า 1 แสนตัน ขณะที่ตั้งเป้าตัวเลขออเดอร์เดือนมิ.ย.อีก 1-1.2 แสนตันจากความต้องการกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้า-ปูนซีเมนต์เพิ่ม "พนม" โชว์ ราคาถ่านหินในตลาดโลกยืน 110 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนไตรมาส 2 มีโอกาสแตะ 120 เหรียญสหรัฐต่อตัน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-05-2010)
• CPF โชว์กำไร 3 พันล้าน GFPT แจ่ม Q1 พุ่ง 200% KASET ไตรมาส 1/53 พลิกทำกำไรกว่า 400% จุดพลุหุ้นกลุ่มอาหารโตวันนี้ ลุ้น CPF แจ้งผลประกอบการ Q1/53 ด้านโบรกฯประเมินกำไร 3 พันล้านบาท เพิ่มกว่า 280% ได้ดีราคาสินค้าทรงตัวระดับสูง เชื่อธุรกิจเติบโตทั้งในและต่างประเทศ แนะซื้อ CPF ราคาเป้าหมาย 18.70 บาท ด้าน GFPT กำไร Q1 พุ่ง 200% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-05- 2010)
• SMT ปีนี้กำไรทะลัก 60% SMT ฟุ้งไตรมาส 2/53 เติบโตต่อเนื่อง หลังไตรมาส 1/53 โชว์กำไรพุ่ง 410% ที่ 102 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้ 3,688 ล้านบาท "พลศักดิ์" แย้มกำไรครึ่งปีแรกเท่ากับปี'52 ทั้งปี ที่ 267 ล้านบาท ปรับเพิ่มเป้าทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 60% เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น เชื่ออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวดี เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตดันยอดขาย (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-05-2010)
• DELTA กำไรปีนี้ 1,000 ล้านดอลลาร์ KCE ไม่น้อยหน้ามาตามนัด พลิกกำไร 180 ล้านบาท DELTA มั่นใจ ยอดขายปีนี้พุ่ง 1,000 ล้านดอลลาร์ ชี้ปัญหายุโรปไม่กระเทือน ตลาดหลักอยู่ที่อเมริกา แย้มไตรมาส 2 งบยังสวยต่อ หลังออเดอร์งานยังเข้าแน่น พร้อมย้ายเพิ่มฐานการผลิต Solar Inverter ในไทย วางกลยุทธ์เน้นผลิตสินค้าไฮมาร์จิ้นดันฐานกำไรโตไม่หยุด ขณะที่ KCE กำไร Q1 หรูตามนัด พลิกกำไรทะลัก 180 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-05-2010)
• GLOW กำไรไตรมาสแรกกระฉูด 245% ครึ่งแรกปันผลเกิน 70 สต. เชียร์ซื้อราคาเป้าหมาย 44 บาท GLOW อนาคตโตต่อเนื่อง ลุ้นไตรมาส 1/53 กำไร 1,615 ล้านบาท เพิ่ม 245% ได้ค่าปรับจากผู้รับเหมาอีก 300 ล้านบาท จากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 115 เมกะวัตต์ และโครงการห้วยเฮาะมีกำไรประมาณ 45 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2/53 ทิศทางกำไรยังแข็งแกร่ง คาดปันผลครึ่งปีแรกไม่น้อยกว่า 0.70 บาทต่อหุ้น โบรกฯ เชียร์ซื้อลงทุน ราคาเป้าหมาย 44 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-05-2010)
• "คีรี" การันตีปีนี้ BTS จ่ายปันผล เดินหน้าล้างขาดทุนเกลี้ยง ซื้อใจก่อนเพิ่มทุน 1.2 หมื่นล้าน BTS มั่นใจปีนี้ล้างขาดทุนสะสมหมด โปรยข่าวดีจ่ายเงินปันผลงวดปีนี้ทันที เชื่อรถไฟฟ้าบีทีเอสที่จะสร้างรายได้หลักให้กับบริษัท โดยปี'53 ตั้งเป้ารายได้จากการให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสเติบโต 8% จากปีก่อน 6% เนื่องจากปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ส่วนการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอสจะทยอยดำเนินการบนที่ดินเดิมของบีทีเอสที่มีมูลค่าราว 1.3 หมื่นล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-05-2010)
• TOP ทุ่มซื้อ "ทรัพย์ทิพย์" 700 ล้าน ผลิตเอทานอล 2 แสนลิตร/วัน KSL แย้มกากน้ำตาล 160 เหรียญ TOP ทุ่มเงิน 700 ล้านบาท กว้านซื้อหุ้น 50% โรงงานเอทานอล "ทรัพย์ทิพย์" ขนาด 2 แสนลิตรต่อวัน ด้าน KSL หวั่นราคากากน้ำตาลดีดตัวสูงทะลุ 160 เหรียญสหรัฐต่อตัน ดันต้นทุนผลิตเอทานอลพุ่ง ส่วน "กระทรวงพลังงาน" ติดตามสถานการณ์หวั่นเอทานอลขาดแคลนภายในเดือน ก.ค. นี้ เตรียมเร่งนำมันสำปะหลังเข้าระบบแทน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-05-2010)

----------------------------------------------------------
Technical View : FSS
“เมื่อวานนี้ดัชนียังย้อนกลับมาต่ำกว่าแนวต้าน 784 จุดอีก ทำให้ต้อง
รอลุ้นที่แนวรับ 768 จุดก่อนว่าจะพยุงตลาดไหวหรือไม่ เพราะถ้า
หลุดต่ำกว่านี้ลงไปก็มีสิทธิแกว่งลงต่อเนื่อง ดังนั้นจะเข้าเทรดดิ้ง
ต้องรอดูจังหวะแกว่งก่อน...”
แนวรับ : 770-768*** , 760-757* , 747-740**
แนวต้าน : 779-781* , 787-790** , 796-800***


--------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น