Code 63 : ความชัดเจน ที่ไม่ชัดเจน

วันพฤหัสที่ 6 พฤษภาคม 2553
ATT-Code : ความชัดเจน ที่ไม่ชัดเจน
แกนนำ นปช.ยืนยัน จะชุมนุมต่อไปจนกว่านายกฯจะประกาศวันยุบสภาที่ชัดเจน ซึ่งต้องการความชัดเจน ที่ยังไม่ชัดเจนอยู่ในตอนนี้ ประกอบกับตลาดหุ้นต่างประเทศก็ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ตลาดบ้านเราวันนี้ได้รับผลกระทบทั้ง 2 ด้าน ทำให้ตลาดยังมีความผันผวนและไม่แน่นอนอยู่

ภาคเช้า SET เปิดที่ 787.74 จุด -9.12 จุด เพราะความรุนแรงที่เกิขึ้นในกรีซ และน้ำมันร่วงลง 7% ทำให้กลุ่มพลังงานปรับตัวลดลง แต่กลุ่มอาหารมีการปรับตัวขึ้น
อันเป็นผลจากคราบน้ำมันดิบที่รั่วออกจากแท่นขุดเจาะน้ำมัน 'ดีพวอเตอร์ ฮอไรซอน' ของบริษัท บีพี ในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งระเบิดตั้งแต่ 20 เมษายน และจมลง เมื่อ 22 เมษายนที่ผ่านมา บริเวณแถบชายฝั่งสหรัฐฯ ส่งผลให้คราบน้ำมันดิบ ไหลเข้าสู่ 3 รัฐสหรัฐฯ ได้แก่ รัฐหลุยส์เซียน่า รัฐอัลบามา และรัฐมิสซิสซิบปี้ จนต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน และจะทำให้ฤดูการจับสัตว์ทะเลมูลค่ากว่า 442 ล้านดอลล์ในปี 08 โดยเฉพาะกุ้ง ซึ่งกำลังจะเริ่มต้นฤดูการจับตั้งแต่เดือนนี้ต้องประสบปัญหาการออกเรือ และทำให้อุปสงค์น้ำเข้ากุ้งจากต่างประเทศ รวมถึงไทย จะปรับขึ้น ทำให้หุ้น TUF-CPF-CFRESH เด่นท่ามกลางน้ำมันรั่ว : E-Finance

ภาคเช้า SET ปิดที่ 784.82 จุด -12.04 จุด V.16,982 MB.
ต่างชาติ ขาย 1,000 ล.บ. TFEX ปิดที่ 552.40 จุด -13 จุด

ภาคบ่าย SET ปิดที่ 785.25 จุด -11.61 จุด V. 33,449 MB
SET ลงไป Low ที่ 777.79 ไม่ถึงเส้นแนวรับ MA 5 วัน ที่ 775
แล้วก็ดีดกลับขึ้นมาปิดเกือบ 10 จุด จาก Low
ก็ต้องถือว่ายังดีที่มีแรงซื้อกลับมา อย่าหลุด 775 ก็แล้วกัน

พรุ่งนี้ควรต้องติดตาม
1. เรื่องการเมือง เน้นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล
2. การแก้ไขปัญหาของยุโรปที่ยังคาราคาซังอยู่
ซึ่งปัญหาหนักอยู่ที่กรีซ ที่ต้องกู้เงิน 110,000 ล้านยูโร จาก IMF
ซึ่งจำเป็นต้องช่วยกรีซ เพื่อไม่ให้ประเทศอื่น ๆ ในยุโรป
ประสบชะตากรรมเดียวกัน นอกจากนี้ทางประเทศยูโรโซน
ต้องควบคุมวิกฤติหนี้สินในกรีซ เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลาม
และเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจของอียูทั้งหมด

--------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-นครหลวงไทยแนะหุ้น!!

บทวิเคราะห์สถาบันวิจัยนครหลวงไทย มองแนวโน้มตลาดหุ้น ไทยสัปดาห์นี้ว่า ให้น้ำหนักในเรื่องการประกาศผลการดำเนินงาน ของบริษัทจดทะเบียนของไทยเพิ่มขึ้น

หลังจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์มีโอกาสยุติลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระดับที่ลดลง

ส่วนป’จจัยต่างประเทศ คาดว่าปัจจัยบวกจากการคงอัตราดอกเบี้ยของเฟดและตัวเลขเศรษฐกิจ และผลการดำเนินงานของสหรัฐฯที่ดีเกินคาด เริ่มลดลง ขณะที่ปัจจัยลบมีน้ำหนักมากขึ้น ได้แก่วิกฤติหนี้กรีซ ซึ่งตลาดเริ่มหันไปที่โปรตุเกสและสเปน หลังจากกรีซของความช่วยเหลือจากยุโรปและไอเอ็มเอฟ โดยนครหลวงไทยประเมินว่า วิกฤติหนี้ยุโรปจะยังคงดำเนินต่อไป

และประเด็นต่อมาคือ การที่ธนาคารกลางจีนประกาศปรับขึ้นเพดานสำรองของธนาคารพาณิชย์อีก 0.5% คาดว่าจะกระทบต่อตลาดหุ้นเอเชียไม่มาก แต่จะกระทบ หากการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนชะลอตัวกว่าคาดการณ์

ทั้งนี้ แนะกลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ สำหรับนักลงทุนระยะสั้น แนะให้ "ซื้อเก็งกำไร" หุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมที่ยังคงมีป’จจัยพื้นฐานดี ได้แก่ CPN, MINT, BIGC, HMPRO, PTTEP, BANPU, PTTAR, IRPC, IVL, TVO และ RCL

นอกจากนี้ สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ยังออกบทวิเคราะห์หุ้น Top Pick จากการวิเคราะห์เชิงปริมาณ ซึ่งเป็นการคำนวณข้อมูลเชิงปริมาณทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานและด้านเทคนิค เพื่อคัดเลือกหุ้นที่มีความโดดเด่นทั้ง 2 ด้าน สำหรับลงทุนในรอบสัปดาห์นี้ 2 ตัว

คือ CPF แนะ "ซื้อเก็งกำไร" คาดผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 53 จะเติบโตอย่างโดดเด่นจากราคาเนื้อสัตว์ที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่ CPF ได้ สต๊อกวัตถุดิบอาหารสัตว์ต้นทุนต่ำไว้เพียงพอต่อการผลิตจนถึงไตรมาส 3 นี้ และการส่งออกอาหารที่มีแนวโน้มเติบโต ทั้งนี้ ประเมินว่า CPF จะจ่ายป’นผลสำหรับผลการดำเนินงานงวดครึ่งแรกของปี 53 ที่หุ้นละ 0.50 บาท

อีกตัวคือ PTTEP แนะให้ "ซื้อ" คาดจีนจะมีการนำเข้าน้ำมัน ดิบมากขึ้นในช่วงไตรมาส 2-3 ปีนี้ เพื่อรองรับการนำเข้ากลั่นให้ได้ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจากกำลังการกลั่นใหม่ในจีนที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลบวกต่อแนวโน้มและทิศทางราคาน้ำมันดิบ.

FSS : การเมืองยังต้องลุ้น..รอช่วงตลาดปรับพักก่อนถึงจะเลือกหุ้นเทรดดิ้ง!!
แนวโน้ม:
หลังจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา SET ขยับขึ้นได้แรงมาก เนื่องจากการคาดหวังการคลี่คลายของสถานการณ์การเมือง เมื่อนายกฯ แถลงมาตรการปรองดอง 5 ข้อและกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ให้แก่ผู้ชุมนุมพิจารณา ปรากฏว่าแม้สถานการณ์จะดูผ่อนคลายมากขึ้น แต่ก็ยังมีประเด็นที่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ ทำให้การชุมนุมทางการเมืองยังคงมีอยู่ต่อไปในเช้านี้ ประกอบกับภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาเริ่มมีแรงขายออกมาแทบทุกตลาด จากความวิตกต่อการลุกลามของปัญหาหนี้สินของประเทศในแถบยุโรป โดยค่าเงินดอลลาร์ก็แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ รวมทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกด้วย ทำให้ FSS คาดว่าช่วงท้ายสัปดาห์นี้ SET จะมีแรงขายออกมากดดันให้ตลาดกลับมาปรับตัวลงอีกครั้งได้

กลยุทธ์: เราจึงแนะนำว่าสำหรับการเข้าเทรดดิ้งให้เน้นขายทำกำไรเมื่อตลาดขยับขึ้นหรือทรงตัว โดยจะหาจังหวะเข้าซื้อเพื่อเทรดดิ้งใหม่ต่อเมื่อมีการปรับตัวลงของ SET ก่อนเท่านั้น ซึ่งหุ้นกลุ่มที่สามารถตามเข้าเทรดดิ้งได้ เราคาดว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่ม Domestic plays จากโอกาสที่สถานการณ์การเมืองที่คาดว่าจะเริ่มดีขึ้น ซึ่งได้แก่ กลุ่มแบงก์(KBANK, SCB, BAY) ค้าปลีก(CPALL, BIGC) อสังหาฯ(AP, PS, QH) รับเหมา(STEC, CK) นิคมฯ(ROJNA) วัสดุก่อสร้าง(SCC) ส่วนการทยอยเข้ารับเพื่อถือลงทุนระยะกลาง-ยาว ยังเน้นหุ้นที่มีราคาตลาดต่ำกว่าราคาตามพื้นฐานมากๆ และน่าจะเลือกเข้ารับช่วงตลาดปรับลงเท่านั้น

--------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท. : FSS
-ตลาดเอเชียพักฐาน MSCI Asia ex Japan 2 วันที่ผ่านมาปรับลง 2% และเช้านี้ตลาดที่เปิดแล้วติดลบทั้งหมด ฝั่งเอเชียยังมีความกังวลกับมาตรการคุมเข้มความร้อนแรงของเศรษฐกิจจีนด้วยการขึ้นการกันสำรองเงินฝากของแบงก์พาณิชย์อีก 0.5% เป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ ซึ่งทำให้ต่างชาติเริ่มขายเป็นปริมาณที่มากขึ้นตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และในช่วง 2 วันที่ผ่านมาก็เริ่มขายมากในไต้หวัน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ตลาดไทยซึ่งเป็นหนึ่งใน TIPs ไม่น่ารอดพ้นจากการถูกขายเช่นกัน

-ตลาดต่างประเทศกดดัน Dow Jones 2 วันที่ผ่านมาร่วงหนัก 284 จุดหรือ 2.5% S&P และ Nasdaq ตกลงกว่า 2% เช่นกัน ส่วน VIX 2 วันมานี้พุ่งขึ้น 23% มาอยู่ที่ 24.91 เพราะตลาดกลัวว่าเงินช่วยเหลือกรีซ US$1.46 แสนล้านเหรียญ (4.7 พันล้านล้านบาท) ใน 3 ปีข้างหน้า อาจไม่พอที่จะช่วยให้กรีซพ้นจากภาวะล้มละลาย ขณะที่ในประเทศกรีซเองมีจลาจลและมีคนตาย 3 คน และนักลงทุนยังกังวลว่าหนี้จะลุกลามไปยังโปรตุเกสและประเทศอื่นในยุโรป หลังจากที่ Moody’s มีแนวโน้มว่าจะลดอันดับเครดิตประเทศโปรตุเกสลง 1 – 2 ขั้นจากปัจจุบันที่ Aa2

-ดอลลาร์แข็งค่า น้ำมันร่วง 7% ค่าเงินยูโรร่วง 1.5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 1.299 ดอลลาร์/ยูโร ต่ำที่สุดในรอบกว่า 1 ปี จากปัญหากรีซ ขณะเดียวกันตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนที่รายงานโดย ADP สร้างความผิดหวังให้ตลาดเพราะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 32,000 ตำแหน่ง ในขณะที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มกว่า 1 แสนตำแหน่ง จึงยิ่งส่งผลให้ดอลลาร์ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเป็นที่ต้องการมากขึ้น ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจึงกดดันสินทรัพย์เสี่ยงให้ปรับลง ขณะเดียวกันสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเกินคาดมากทำให้ราคาน้ำมัน 2 วันร่วง 7% ปิดที่ US$80 และระหว่างลงไปเทรดต่ำสุดที่ US$879.25 ส่วนราคาทองในช่วง 2 วันที่ผ่านมาปรับลง US$7 ปิดที่ US$1,174.9

--------------------------------------------------------
Technical View : FSS
“ตลาดขยับขึ้นมาชนแนวต้าน 800-807 จุดอยู่ ยังต้องระวังแรงขายกดดันให้ไหลย้อนลงหาแนวรับต่างๆ ได้ ดังนั้นเน้นขายทำกำไร ส่วนจังหวะเข้ารับน่ารอตอนตลาดปรับพักตัวลงก่อนค่อยพิจารณาแรงซื้อจากแนวรับ...”
แนวรับ : 790-786*** , 775* , 770-764**
แนวต้าน : 800-807***

-------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น