Code 113 : เศรษฐกิจโลกกลับมาสดใส ลุ้นยืน 826

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม 2553

ATT Code : เศรษฐกิจโลกกลับมาสดใส ลุ้นยืน 826
Sentiment ในเชิงบวก
1. ตลาดหุ้นไทยยังมีโมเมนตัมเชิงบวก
2. ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ยังปรับน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็น Over Weight
3. ตลาดหุ้นด้านยุโรปและสหรัฐ เริ่มกลับมาขยับขึ้นได้จากการเลือกหุ้นเข้าซื้อใน บจ. ที่คาดว่าผลการดำเนินงานรายไตรมาสจะออกมาดีเป็นหลัก
4. ตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเป็นบวกกับตลาด
5. Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติกลับมาไหลเข้าเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน
6. แนวโน้มสัปดาห์นี้คาดว่ากระแสเงินทุนน่าจะยังไหลเข้าต่อเนื่อง

ดัชนีหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวผันผวนได้จากปัจจัยต่างประเทศ
1. การรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2553 ของสหรัฐฯ
2. กระแสข่าวการทดสอบภาวะวิกฤติ (Stress Test) ของธนาคารยุโรป

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 814 และ 808 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 833 และ 850 จุด

ช่วงบ่ายเปิดมาก็มีแรงขายมาตลอด จน SET หลุด 820 ลงมาปิดที่ 819.61 จุด -0.99 จุด จากที่ตอนเช้าเปิดโดดไปที่ 524.70 บวกไป 4 จุด ผ่านแนวต้านที่ 826 ไป High ที่ 827.42 แต่ก็ยืนไม่ไหว แถมยังปิดลงมาใกล้กับ 816 ที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่า ตลาดจะถึงเวลาปรับตัวลงแล้วถ้าหลุด 816 จุด แต่ยังมีโอกาสในการลงทุนหุ้นเป็นรายตัว ที่มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นมาได้ตามข่าวที่จะมากระทบต่อหุ้นตัวนั้นๆ

MARKET WAVE Aanalysis
RSI overbought & bearish divergence
ดังนั้นโอกาสที่ตลาดจะปรับตัวขึ้นแรง เป็นไปได้ยาก และพร้อมปรับตัวลงได้ทุกเวลา โดยเฉพาะต่ำกว่า 816 เป็นสัญญาณขายใน Point & Figure มีเป้าหมายระยะสัปดาห์ 791 - 799

----------------------------------------------------------------------------------
SETTRADE.COM : บทวิเคราะห์ หุ้นรายตัว

BECL - BUY : Target Price (Bt) 23.60
HANA - ซื้อ - ยอดขายอยู่ในระดับสูงจากส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น
BANPU - ซื้อ - คาดจีนจะประกาศขยายพื้นที่การจัดเก็บภาษีฯ ไปทั่วประเทศ
PRIN, YNP - Equity Talks: ASP Fundamental Update

Bangkok Biznews : การเงิน - การลงทุน
หุ้นไทยขาขึ้น-เก็งกำไรผลประกอบการบจ.
ทิสโก้เผยผลงานไตรมาส2ปีนี้กำไรพุ่ง51%
ทองรูปพรรณวันนี้ขายออกบาทละ 18,950
บาทเปิดตลาด32.35/37 รอผลประชุมกนง.

KELive วิเคราะห์ภาพรวม
หยิบเงิน หยิบทอง (12/07/53)
KELIVE Portfolio Model (12/07/53)

KELive วิเคราะห์รายหุ้น
COMMODITY Update (12/07/10)
Derivatives Today (12/07/10)
Gold Futures Today (12/07/10)
กลุ่มธนาคาร ( เป็นบวก ) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/53 เพิ่มขึ้นสูง YoY?พร้อมแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
SVI (3.04 บาท : ทยอยสะสม) คาดการณ์กำไรปกติไตรมาส 2/53 โต 7% qoq เป็น 165 ล้านบาทและมีโอกาสจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเพิ่มเติมอีก 0.10 บาท/หุ้น

Manager Online - ข่าวการเงิน
ตลาดเงินขยับดบ.รับกนง.14 ก.ค.นี้ - บาทอยู่ในกรอบ 32.20-32.50 บาท
ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ชี้ถึงเวลา กนง.ขึ้น “ดอกเบี้ยนโยบาย” เป็น 1.50%
คลังไม่ขัดแบงก์ชาติปรับ ดบ.ตามเงินเฟ้อ! เชื่อไม่กระทบต้นทุนเอกชน
เฮ “ประสาร” แบงก์เชื่อมือผู้ว่าคนใหม่ งานแรกกำหนดทิศทาง ดบ.นโยบาย

Manager Online - ตลาดเงิน-ตลาดทุน
ห่วงเก็บแวต 8% กระทบ ศก.ฟื้นเปราะบาง เตรียมรื้อ ภงด. โครงสร้างบิดเบือน
กล่อมต่างชาติซื้อหุ้นไทย โบรกฯเดินหน้าลุยโรดโชว์เพิ่มลูกค้าสถาบัน
สภาพัฒน์แนะเร่งแก้จุดอ่อน การบริหาร-สังคมเปราะบาง-ค่านิยมเสื่อโทรม
"โฆสิต" เชื่ออีก 9 ปี รายได้เฉลี่ยต่อหัวคนไทยแตะ1หมื่นดอลล์
คาดแนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ยังเป็นขาขึ้น-จับตา ดบ. นโยบาย

----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Aanalysis
12 กค .53 ( +3.03 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

“สัญญาณขาย” ต่ำกว่า 816 จุด
จากภาวะ RSI Overbought & Bearish Divergence ในภาพระยะวัน ตลาดพร้อมปรับฐานทุกเวลาโดยเฉพาะการปรับตัวลงต่ำกว่า 816 จุด นอกจากจะเป็นการปรับตัวลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงแล้ว ยังถือเป็นการเกิด “สัญญาณขาย” ในเครื่องมือ Point & Figure อีกด้วย

โดยมีเป้าหมายระยะสัปดาห์ ในการปรับฐานรอบนี้อยู่ที่บริเวณ 790 – 797 ใกล้จุดต่ำสุดของวันที่ 2 กค. และเป็นบริเวณแนวรับตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน

ณ บริเวณ 790 – 797 ตลาดน่าจะดีดตัวกลับขึ้นไป 820 – 825 ใกล้จุดสุงสุดของสัปดาห์นี้ได้อีกครั้ง ? ... รอดูโครงสร้างภาพอีกครั้ง

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ไทยรัฐ - ทิศทางหุ้น 12/07/53

ภาวะการซื้อขายหุ้น
แนวโน้มสัปดาห์นี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีโมเมนตัมเชิงบวก ขณะที่อาจมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2/2553 ของกลุ่มธนาคารในตลาดหุ้นไทยที่คาดว่าจะออกมาดี อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวผันผวนได้จากปัจจัยต่างประเทศ การรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2553 ของสหรัฐฯ และกระแสข่าวการทดสอบภาวะวิกฤติ (Stress Test) ของธนาคารยุโรป ส่วนปัจจัยในประเทศ ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงินของ กนง. ในวันที่ 14 ก.ค. ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 814 และ 808 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 833 และ 850 จุด

ภาวะตลาดเงินและตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ความเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยในช่วงท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เริ่มสะท้อนการคาดการณ์ของตลาดที่ชัดเจนมากขึ้นถึงโอกาสที่ กนง.ของไทยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 14 ก.ค. ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ ประเภทกู้ยืมข้ามคืน (Overnight) หนาแน่นทั้งสัปดาห์ที่ระดับ 1.12%

เงินบาทในประเทศ (Onshore) ขยับแข็งค่าช่วงปลายสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจาก IMF เตือนว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนอาจกำลังทรุดตัวลงและภาคธนาคารของจีนอาจได้รับ ผลกระทบ ทั้งนี้ เงินบาทปิดตลาดปลายสัปดาห์ที่ระดับ 32.34 แข็งค่าเล็กน้อยจากระดับ 32.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า.

ไทยรัฐ - By...อินเด็กซ์ 51 : เงาหุ้น-สดใสเหลือเกิน!!
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 9 ก.ค.53 ปิดที่ 820.60 จุด เพิ่มขึ้น 3.03 จุด มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 24,973.05 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 248.00 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด นำโดย TMB ปิดที่ 1.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท, BTS ปิดที่ 0.92 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, SSI ปิดที่ 1.63 บาท เพิ่มขึ้น 0.11 บาท, TPIPL ปิดที่ 12.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท และ SCB ปิดที่ 83.25 บาท ลดลง 0.25 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟาร์อีสท์ มองตลาดหุ้นไทยเป็นไปตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีน้ำหนักในเชิงบวกมากขึ้น ขณะที่ยังมีปัจจัยบวกจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เพิ่มประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปีนี้ จาก 4.1% เป็น 4.5% และประเมินว่าเศรษฐกิจไทย จะขยายตัวที่ 7%

นอกจากนี้ ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ยังปรับน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็น Over Weight ซึ่งจะส่งผลดี ทำให้เงินทุนต่างชาติอาจกลับเข้ามาลงทุนในไทย อย่างไรก็ตาม หุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาได้ร่วม 100 จุดแล้วในช่วงที่ผ่านมา จาก 730 จุด มาที่ 826 จุด หลังการเมืองคลี่คลาย

ทั้งนี้ มองแนวโน้มตลาดสัปดาห์หน้า หากไม่มีปัจจัยลบใหม่ๆเข้ามากดดัน ขณะที่มีแรงบวกจากการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนในไทยและสหรัฐฯ จะช่วยหนุนให้ดัชนีมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นได้ต่อ แต่อาจต้องเผชิญกับแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา ด้านเทคนิคให้แนวต้านที่ 826-830 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 810 จุด

แนะกลยุทธ์การลงทุน นักลงทุนที่มีหุ้นในราคาต้นทุนต่ำ แนะให้ถือต่อไป (Let Profit Run) แต่ยังไม่แนะให้ซื้อหุ้นใหม่เพิ่ม ส่วนจังหวะในการขายนั้น ขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจ และผลการทำ stress test ของสถาบันการเงินในยุโรป

ทั้งนี้ เว็บไซต์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ คาดดัชนีตลาดหุ้นตลาดเกิดใหม่จะปรับเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้ โดยจะให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 20-25% เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนา ยังคงอยู่ในช่วงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง

โดยตลาดหุ้นที่ซิตี้กรุ๊ปแนะลงทุนเป็นลำดับต้นๆ หรือ top picks ได้แก่ ตลาดหุ้นรัสเซีย, เกาหลีใต้, ไต้หวัน และไทย โดยตลาดหุ้นไทยได้รับการปรับเพิ่มคำแนะนำการลงทุนจากระดับปานกลาง เป็นเพิ่มน้ำหนักการลงทุน

ปิดท้าย มีบทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ให้น้ำหนักการลงทุน "มากกว่าปกติ" ในหุ้นกลุ่มแบงก์ โดยหุ้นเด่นที่แนะซื้อคือ KBANK, BBL และ TCAP เช่นเดียวกับ บล.กิมเอ็ง ที่มีมุมมอง "เป็นบวก" กับหุ้นกลุ่มแบงก์ โดยเลือก BBL และ TISCO เป็นหุ้นเด่น.

FSS: เทรดดิ้งต่อต้องเลือกเป็นตัวๆ และเน้นขายเมื่อดัชนีเข้าใกล้ 840 จุด!!
แนวโน้ม: ตลาดหุ้นด้านยุโรปและสหรัฐ เริ่มกลับมาขยับขึ้นได้จากการเลือกหุ้นเข้าซื้อใน บจ. ที่คาดว่าผลการดำเนินงานรายไตรมาสจะออกมาดีเป็นหลัก ซึ่งเชื่อว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งตลาดหุ้นไทย นักลงทุนก็จะเข้าซื้อในลักษณะเดียวกันนี้ ทำให้โอกาสที่ SET จะยังขยับขึ้นต่อเนื่อง เพื่อเข้าใกล้เป้าหมายที่เราคาดการณ์กันไว้แถว 840 จุดยังเป็นไปได้ แต่ความกังวลต่อเรื่องการทดสอบภาวะวิกฤติของแบงก์ในยุโรปช่วงท้ายสัปดาห์หน้าก็ถือว่าจะยังเป็นแรงกดดันให้ SET แกว่งขึ้นในลักษณะผันผวนต่อเนื่อง นอกจากนี้จะเห็นว่าในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนบางส่วนก็เริ่มมีความวิตกต่อโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยซ้ำซ้อนอีกครั้ง แม้ว่าจะถูกบดบังด้วยการคาดการณ์ผลการดำเนินงานรายไตรมาสที่ดี แต่ก็ถือว่ายังเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่จะกดดันต่อความมั่นใจของนักลงทุนในช่วงถัดไปได้ ดังนั้น FSS จึงยังแนะนำเพียงเข้าเทรดดิ้งในหุ้นที่ laggard กว่าตลาดฯ และเน้นที่หุ้น Domestic หรือ หุ้นที่คาดว่าจะจ่ายปันผลครึ่งปีแรกในอัตราที่ดี เพื่อเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการแกว่งตัวผันผวนของ SET จากปัจจัยลบทั้งสองอย่างดังกล่าวได้บ้าง
กลยุทธ์: ยังเน้นเลือกเทรดดิ้งเป็นรายหลักทรัพย์ และควรเริ่มมองหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อ SET เข้าใกล้ 840 จุด โดยหุ้นที่ยังน่าสนใจในช่วงนี้ ได้แก่ KBANK, BBL, TUF, GFPT, RCL, HEMRAJ, PS, QH, CPALL, GLOBAL, BANPU, TTW, HANA, DELTA, TMB, CIMBT, SENA ส่วนหุ้นที่ยังถือต่อได้ แต่ไม่จำเป็นต้องไล่ราคา เช่น CPF, TVO, STA, NWR, GLOW, DCC, SPALI, AIT, CSL, KTB, KCE, KK, PTTEP, SCB, TCAP, ADVANC, PTTCH สำหรับหุ้นที่แนะนำให้เริ่มขายออกคือ KSL, CCET, AMATA, ITD, CNT, TPIPL, TTA, PSL, IVL, SAMART, SAMTEL, JAS

ประเด็นสำคัญวันนี้
§ ตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเป็นบวกกับตลาด
วันเสาร์ที่ผ่านมา จีนรายงานยอดส่งออกเดือน มิ.ย. สูงกว่าตลาดคาดมาก สัปดาห์นี้ยงมีรายงานการยอดสินเชื่อเดือน มิ.ย. ตลาดคาดว่าจะชะลอลงจากเดือนก่อน เป็นข่าวดีที่ทำให้จีนยังไม่ขึ้น RRR อีกครั้ง และมีรายงาน GDP 1Q10 ซึ่งตลาดคาดว่ายังคงโตเป็นเลข 2 หลัก มีผลประกอบการ 2Q10 และหุ้น IPO ของ Agriculture Bank of China เข้าซื้อขายในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และฮ่องกงวันที่ 15 และ 16 ก.ค. ตามลำดับ ส่วนยุโรปมีตัวเลขเงินเฟ้อที่คาดว่ายังไม่กดดันตลาด สำหรับไทย มีการประชุม กนง. คาดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย แต่แนวโน้มการขึ้นอาจเร็วกว่าคาด เป็นผลลบกับธุรกิจเช่าซื้อ (TISCO กระทบน้อยกว่า KK) และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แต่เป็นบวกกับแบงก์ใหญ่ (KBANK, SCB, BBL) นอกจากนี้ มีรายงานยอดขายรถ น่าจะออกมาดี เป็นบวกกับ SAT, STANLY, AH, STA, KCE, IHL (ติดตามได้ในรายงาน Special report ฉบับวันนี้)
§ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติกลับมาไหลเข้าเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่าน โดยเฉพาะวันศุกร์ที่ผ่านมากระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าในตลาดหุ้นภูมิภาคมากขึ้น ส่วนใหญ่ไหลเข้าตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ไต้หวัน และอินโดนีเชีย ส่วนตลาดหุ้นไทยเข้าซื้อสุทธิเล็กน้อย ทั้งนี้เนื่องจากไม่มีปัจจัยลบเข้าสู่ตลาด ในขณะที่นักลงทุนหันส่วนใหญ่หันมาเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ที่กำลังจะประกาศภายในเดือนนี้และอาจสูงกว่าคาดทำให้ตลาดหุ้นรีบาวด์ทั่วโลก
§ แนวโน้มสัปดาห์นี้คาดว่ากระแสเงินทุนน่าจะยังไหลเข้าต่อเนื่อง แต่ปริมาณอาจไม่มาก เนื่องจากค่าเงินยูโรต่อดอลลาร์กลับมาอ่อนค่า เนื่องจากเข้าใกล้ช่วงประกาศผล Stress test ในวันที่ 23 ก.ค นี้ แต่เราเชื่อว่าผลของ Stress test อาจไม่แย่อย่างที่คิด ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเป็นบวกต่อตลาด เช้าค่าเงินบาทก็แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 32.35 บาท/ดอลลาร์



ข่าวภายในประเทศ
สคร.ขาย TMB เกิน 3 บ. เงื่อนไขห้ามขาดทุน! หวั่นโดนด่าทำรัฐเสียหาย คลังเมินทุนไต้หวันให้ 3 บาท สคร. ยันต้องขายหุ้น TMB ไม่ต่ำกว่า 3 บาท ไม่เช่นนั้นรัฐเสียหายมาก เหตุต้นทุนอยู่ที่ 3.50 บาท หากขายขาดทุนจะอธิบายต่อประชาชนยากและทำความเสียหายต่อประเทศดังนั้นไอเอ็นจีต้องซื้อแพงกว่าเดิม พร้อมบีบให้ต้องมีสัญญาว่าจะซื้อทั้งหมด จะแบ่งเป็นล็อตแรก 5% ก็ได้ แต่ล็อตหลังต้องชัดเจนว่าใครจะซื้อ
21% ที่เหลือ ไม่อย่างนั้นเตรียมยกล็อตให้รายใหม่แทน ด้านกลุ่มทุนไต้หวันสนใจ เสนอคลังใกล้เคียง 3 บาท แต่คลังปฏิเสธ เหตุชื่อเสียงไม่อินเตอร์พอ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-07-2010)
GLOBAL หุ้นดีพิมพ์นิยม“เสี่ยปู่”ยกเทียบโฮมโปร GLOBAL หุ้นกองทุนสนใจ โบรกเกอร์ถือ รายใหญ่เทรด งานนี้ได้ดีเพราะมีชื่อ บล.ภัทร การันตีคุณภาพ ด้าน “เสี่ยปู่” ย้ำจับตากลายเป็นโฮมโปร 2 หลังขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง “วิทูร” มั่นใจสาขาที่เพิ่มทุกๆ 1 แห่ง ดันรายได้โตไม่ต่ำกว่า 15% โบรกเกอร์ปรับเป้าหมายใหม่ กำไรอีก 3 ปีข้างหน้าโต 37% ราคาเหมาะสม 6 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-07-2010)
KTB – ออมสินดี๊ด๊าคลังกู้ 4 หมื่นล้านสนองไทยเข้มแข็ง สบน.เผยเบิกจ่ายไทยเข้มแข็งไหลแรง คลังกู้อีก 4 หมื่นล้านบาท คาดทั้งปีเบิกจ่ายได้ไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท ให้ทันเบิกจ่ายในเดือนกคยังเหลืออีกประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ต้องกู้ภายในสิ้นปีนี้ ตามเป้าที่ตั้งไว้ 3.5 แสนล้านด้านกรมบัญชีกลางเผยโครงการที่ได้รับการอนุมัติ 41,789 โครงการ มูลค่า 3.49 แสนล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-07-2010)
PTTEP หายใจโล่งคอ ออสซี่ไม่ยึดสัมปทาน PTTEP โล่ง แหล่งมอนทาราหมดปัญหา หลังรัฐบาลออสเตรเลียไม่ยึดสัมปทานคืน ด้านผู้บริหารยังอุบตัวเลขความเสียหายทั้งหมด เร่งเดินหน้าซ่อมแท่นขุดเจาะหวังเดินเครื่องผลิตภายในกลางปีหน้า ตั้งเป้ากำลังผลิต 3.5 หมื่นบาร์เรลต่อวันด้านโบรกฯมั่นใจราคาหุ้นวิ่งรับข่าวดี เป้าหมาย 175 บาท ด้าน PTTAR หวั่นปัญหามาบตาพุดยืดเยื้อ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-07-2010)
MK จี๊ดดิวิเดนด์ยีลด์สูง 4% ครึ่งปีแรก “อสังหาฯ” ปันผลงาม ดิวิเดนด์ยีลด์เฉลี่ยสูง 2-4% คาด SPALI จ่ายหุ้นละ 0.30 บาท ยีลด์ 3.3% LHจ่าย 0.18 บาท ยีลด์ 3% LPN จ่ายไม่ต่ำกว่า 0.25 บาท ยีลด์ 2.8% MK จี๊ดสุดจ่าย 0.12 บาท ยีลด์สูงกว่า 4% บล.เอเซียพลัสให้น้ำหนักลงทุนหุ้นอสังหาฯมากกว่าตลาด คาดแนวโน้มระยะยาวผลประกอบการยังดีราคาหุ้นขยับขึ้นน้อยกว่าพื้นฐาน ฐานะการเงินแข็งแกร่ง แต่ระยะสั้นแนะขายทำกำไรหุ้นที่ขึ้นแรงราคาใกล้แฟร์แวลู ขณะที่ LH-QH ยังเล่นได้ เหลืออัพไซด์ 11-12% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-07-2010)
ถึงคิวเก็บ BEC-MCOT ปันผลทิ้งทวนบอลโลก BEC-MCOT จ่ายปันผลสูงทิ้งทวนบอลโลก “ฉัตรชัย” การันตีพร้อมจ่ายให้ผู้ถือหุ้นแน่ ลั่นไตรมาส 2 งบยังโตได้ไม่เลิกตามไฮซีซั่นแถมได้บอลโลกช่วยดัน ขณะที่วงการชี้ BEC จ่ายเงินปันผลกลางปีขั้นต่ำ 65 สตางค์ ส่วน MCOT จ่อคิวจ่าย80 สตางค์ เชื่อกำไร Q2 พุ่งขึ้นทั้งคู่ แถมราคาหุ้นยังมีอัพไซด์เหลือ ฟาก RS-SPORT ได้อานิสงส์บอลโลกดันกำไรโตตามติด (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น12-07-2010)
TVO ครึ่งหลังกำไรพุ่ง 500 ล้านได้ดีกำลังผลิตเพิ่ม-รับสิทธิประโยชน์ภาษี BOI TVO ครึ่งปีหลังแนวโน้มเติบโต รับกำลังการผลิตใหม่2,000 ตัน พร้อมได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI โบรกฯแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22.02 บาท ลุ้นปันผลครึ่งปีแรก 0.40-0.50 บาทต่อหุ้น คาดกำไรสุทธิ Q3 และ Q4 สูงถึง 480-500 ล้านบาท เชื่อทั้งปีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น 15-20% จากปีก่อน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-07-2010)
CPF ส่งกุ้งแบรนด์ซีพีตีตลาดแดนมังกรปลื้มกระแสตอบรับดี-โดนใจผู้บริโภค นายพิชัยยุทธ์ เตชะพงษ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านศูนย์กระจายสินค้าโลจิสติกส์ บริษัท เซี่ยงไฮ้ โลตัส ซูเปอร์มาร์เก็ต เชน สโตร์ จำกัด ดูแลและพัฒนาผู้ประกอบการเพื่อให้เป็นพันธมิตรกับบริษัทในระยะยาว เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ผู้ผลิตอาหารคุณภาพปลอดภัยสู่ครัวโลก
ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้มาตรฐานสากล สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อนำผลิตภัณฑ์อาหารและสินค้าคุณภาพแบรนด์ CP (ซีพี) เข้ามาจำหน่ายในสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นการเปิดตลาดและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวจีน(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ตลาดหุ้นสหรัฐยังสามารถปิดเป็นบวกได้ต่อเนื่องในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยบวกอีก 59.04 จุดหรือคิดเป็น 0.58% ทำให้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีดาวโจนส์ขยับตัวดีที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี โดยขยับเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าถึง 511 จุดหรือคิดเป็น +5.28% ซึ่งปัจจัยหลักยังมาจากการคาดการณ์ผลการดำเนินงานรายไตรมาสที่ดีของ บจ.ต่างๆ ในสหรัฐตลาดหุ้นยุโรปก็ขยับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน หลังนักลงทุนพักความกังวลต่อการทดสอบภาวะวิกฤติของกลุ่มแบงก์ไว้ก่อนโดยหันมาให้ความสนใจต่อการประกาศผลประกอบการราย
ไตรมาสที่มีแนวโน้มดีขึ้นแทน

ราคาน้ำมัน NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ขยับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 อีก 0.65 ดอลลาร์ มาปิดที่ 76.09 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงบวกจากการคาดการณ์ทางบวกต่ออุปสงค์ และจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงรุนแรงเกินคาด

ราคาทองคำส่งมอบเดือน ส.ค. ที่ตลาด COMEX ปิดที่1,209.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ดีดตัวขึ้น 13.70 ดอลลาร์ แต่ปริมาณการซื้อขายเบาบาง

BDI ปิดที่ 1902 จุด ปรับตัวลงอีก 38 จุด

ข่าวต่างประเทศ
เศรษฐกิจยุโรปกลาง-ตะวันออก มีแนวโน้มเป็นผู้นำการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป สถาบันศึกษาเศรษฐกิจระหว่างประเทศแห่งเวียนนา(WIIW) คาดการณ์ว่า ภูมิภาคยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกจะเป็นผู้นำในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปโดยรวม เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง ในการแถลงรายงานคาดการณ์ประจำฤดูร้อน มาริโอ โฮลซ์เนอร์ ผู้เชี่ยวชาญจาก WIIW กล่าวว่า
เศรษฐกิจของประเทศยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก โดยเฉพาะประเทศที่ภาคอุตสาหกรรมมีสัดส่วนอย่างน้อย 1 ใน 4 ของจีดีพี มีแนวโน้มฟื้นตัวมากกว่าประเทศอื่น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 09-07-2010)

จีนเผยยอดส่งออกเดือนมิ.ย.พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 43.9% สอดคล้องคาดการณ์ สำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของจีนเดือนมิ.ย.พุ่งสูงขึ้น 43.9% จากปีก่อนหน้านี้ แตะที่ 1.373 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา จีนมียอดนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น 34.1% แตะที่ 1.173 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มูลค่าการนำเข้า-
ส่งออกสินค้าโดยรวมอยู่ที่ 2.547 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 39.2% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 10-07-2010)

ธนาคารกลางเกาหลีใต้คาดเศรษฐกิจปี 53 โต 5.9% บ่งชี้เกาหลีใต้สามารถต้านวิกฤตหนี้ยุโรป ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศเพิ่มคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจและตัวเลขเงินเฟ้อภายในประเทศปีนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจของเกาหลีใต้สามารถต้านทานผลกระทบจากวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปได้ ทั้งนี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้คาดว่า เศรษฐกิจในปี 2553 จะขยายตัว 5.9% ซึ่งมากกว่าที่
คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวเพียง 5.2% แต่คาดว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัว 4.5% ซึ่งลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 4.8% ขณะเดียวกันคาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นดัชนีวัดภาวะเงินเฟ้อในส่วนของราคาผู้บริโภค จะพุ่งขึ้น 2.8% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 2.6% และคาดว่าดัชนีซีพีไอในปีหน้าจะพุ่งขึ้น 3.4% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 12-07-2010)

ธนาคารกลางญี่ปุ่นเผยดัชนี PPI เดือนมิ.ย.ของญี่ปุ่นขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดต้นทุนด้านพลังงานและวัตถุดิบประเภทอื่นๆของภาคเอกชน เพิ่มขึ้น 0.5% ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 12-07-2010)

แบงค์ชาติญี่ปุ่นเล็งปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจปีงบ 53 สูงกว่า 2% แหล่งข่าวจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เผยว่า แบงก์ชาติญี่ปุ่นจะปรับเพิ่มการประเมินการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีงบประมาณ 2553 สูงกว่าระดับ 2% เมื่อเทียบกับระดับคาดการณ์เมื่อเดือนเม.ย.ที่1.8% เนื่องจากดีมานด์ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ขยายตัวเร็วกว่าคาดการณ์ได้ช่วยหนุนภาคการส่งออกและการผลิตของญี่ปุ่น (ที่มา: อิน
โฟเควสท์ 09-07-2010)

----------------------------------------------------------------------------------

1 ความคิดเห็น:

  1. เห็นเศรษฐกิจแล้่วก็เครียด
    ทำมาหากินลำบากจริงๆเดี๋ยวนี้
    คู่แข่งก็เยอะ ค่าครองชีพก็สูง

    ตอบลบ