Code 336 : ต่างชาติยังมีแรงขายอยู่

วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2554

ATT Code : ต่างชาติยังมีแรงขายอยู่
วันศุกร์ต่างชาติกลับมาขายหนักอีกครั้ง 4.3 พันล้าน ทำให้แนวโน้มในวันนี้ตลาดมีสิทธิ์ที่จะยังลบอยู่ โดยที่จะต้องดูว่าจะต่ำกว่า 1026 จุด หรือไม่ ถ้าต่ำกว่าตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ และก็จะต่ำกว่าเส้น 5 วัน ที่ 1027 ด้วยนั้น ตลาดก็มีโอกาสที่จะปรับตัวลงไปที่ 1 พันจุด ต้นๆ ได้

----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
17 มค. 54 ( -2.82 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ต่ำกว่า 1025.97 ปรับตัวลง 1008 - 13จุด
ถ้าปรับตัวลง ต่ำกว่า 1025.97 จุดต่ำสุดของวันพฤหัสและเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน ดัชนีมีโอกาสปรับตัวกลับลงไปแถว 1008 – 13 ใกล้จุดต่ำสุดของสัปดาห์ที่แล้ว

พอมีความเป็นไปได้ว่าตลาด “อาจจะ”ต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพัก (หลายวัน) แกว่งตัวขึ้นลงอยู่ในกรอบ 1008 – 35 หรือ ระหว่างจุด
ต่ำสุดถึงจุดสูงสุดของสัปดาห์ที่แล้ว

ขณะที่การปรับตัวลง ต่ำกว่า 1000 จุด จะถือเป็นการเกิด “สัญญาณขาย” ในเครื่องมือPoint & Figure และ ดัชนีจะมีเป้าหมายใน
การปรับตัวลงต่อแถว 920 – 950 จุด สำหรับภาพไตรมาสหนึ่ง ปีนี้

หุ้นเด่น
STEC
ปรับตัวทะลุกรอบสามเหลี่ยม ภาพระยะสัปดาห์ขึ้นมาได้ ทยอยซื้อแถว 14.00 – 14.30หรือรอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 14.80 จุดสูงสุดของวันศุกร์ เป้าหมายระยะสัปดาห์15.60 – 17.60( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 13.90 )

TTA
ปรับตัวขึ้นมาแถวเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันพอดี รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 20.80 จุดสูงสุดวันศุกร์และเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว เป้าหมายสองสามวัน 21.20 – 21.40( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 20.60 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
IVL แกว่งตัว 44.50 – 47
TOP ต่ำกว่า 74 ลง 70.50 – 71.50
PTTCH ต่ำกว่า 148 ลง 143 - 144
SCB ต่ำกว่า 99 ลง 97 - 98
IRPC แกว่งตัว 5.80 – 6.20
TRUE ต่ำกว่า 6.90 ลง 6.30 – 6.40
STEC รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
PTT ต่ำกว่า 328 ลง 315 – 318
BBL ต่ำกว่า 165 ลง 158 - 160
KBANK ต่ำกว่า 127 ลง 122 - 123


----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ตลาดปรับตัวลงยังเป็นจังหวะเลือกหุ้นเข้าซื้ออีกครั้ง เพื่อรอลุ้นดีดขึ้น...
แนวโน้ม: ในช่วงท้ายของสัปดาห์ที่แล้วมีแรงขายทำกำไรออกมาในตลาดหุ้นไทยพอควร กดดันให้ตลาดย้อนลงมาเคลื่อนไหวในด้านลบ ซึ่งหลักๆ มาจากข่าวลือที่ว่าทางการจีนมีโอกาสที่จะขยับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่สุดท้ายหลังตลาดปิดทำการ ธนาคารกลางจีนประกาศเพียงการเพิ่มการกันสำรองของแบงก์เพิ่มอีกครั้งเท่านั้น ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่สามารถ
กลับขึ้นมาเคลื่อนไหวเป็นบวกได้ จากผลประกอบการที่ดีของบริษัทในสหรัฐ ทำให้ FSS คาดว่า SET มีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวดีขึ้นได้ในระหว่างสัปดาห์ แม้ว่าอาจจะยังมีแรงขายกดดันให้ปรับตัวเป็นลบบ้าง จากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ดูอ่อนแอลง แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะขยับผ่าน 1040 จุดเพื่อขึ้นหา 1056 จุดที่เป็นจุดสูงสุดเดิมครั้งก่อนได้อยู่

กลยุทธ์: ทยอยซื้อเมื่อตลาดปรับตัวลง โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ KTB, BAY,SCB, PTTCH, PTTAR, AMATA, CPALL, BGH, PTL, TVO และ TTW เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
• (+) ธ.กลางจีนขึ้นเพดานกันสำรองอีก 0.5% มีผล 20 ม.ค. หลังจากเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 28 เดือนที่ 5.1% ในเดือน พ.ย. การขึ้น RRR ครั้งนี้เป็นครั้งที่7 นับตั้งแต่ปี 2010 เชื่อว่าการขึ้น RRR หรือดอกเบี้ยนโยบายไม่ได้สร้างความแปลกใจให้ตลาดเพราะเป็นสิ่งที่คาดกันอยู่แล้วตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา จึงไม่มีผลกระทบกับตลาดหุ้น ตลาดคาดว่าการขึ้น RRR หรือดอกเบี้ยนโยบายของจีนจะ
เกิดขึ้นอีกหลายครั้งในปีนี้

• (0) ยังคงต้องจับตา Fund flow หลังจากต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยแล้ว 1.3หมื่นล้านบาท (US$452 ล้าน) นับตั้งแต่ต้นปี เช่นเดียวกับการขายตลาดหุ้นในอินโดนีเซีย US$403 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$50 ล้าน นับเป็นการปรับสมดุลระหว่างผลตอบแทนของตลาดเกิดใหม่ซึ่งเชื่อว่าอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม Fund flow ยังคงเดินหน้าเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่โดยเฉพาะในเอเชีย
ในระหว่างตลาดปรับฐานเช่นนี้ เราแนะนำว่าน่าจะเป็นจังหวะที่ดีในการสะสมหุ้นปันผล โดยแนะนำ PHATRA, BLS, TMT, TRT, AP, TICON, QH, AIT, LPN เป็นต้น(ดูรายงานวันนี้)

• (+) จับตาแบงก์ประกาศผลประกอบการ 20 – 21 ม.ค. เราคาดว่ากำไรใน4Q10 ของกลุ่มแบงก์จะเพิ่มขึ้น 18% Y-Y แต่ลดลง 12% Q-Q รวมกำไรสุทธิปี2010 คาดเพิ่มขึ้น 22% Y-Y แตะแสนล้านบาท เป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์แบงก์ที่จะมีกำไรดีสุดคือ KBANK, SCB, และ BBL ซึ่งจะเป็นกำไรที่ชะลอตัว Q-Qน้อยที่สุด และสินเชื่อน่าจะแสดงการเติบโตในอัตราเร่งที่สุดใน 4Q10 และทั้ง 3แบงก์เป็นแบงก์ที่เราแนะนำอยู่แล้ว โดยเฉพาะ ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน SCB มี upsidegain มากสุดเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ 136 บาท ขณะที่ PBV ลดลงมาจนต่ำกว่าKBANK แล้วคืออยู่ที่ 1.8 เท่า เทียบกับ KBANK (พื้นฐาน 150 บาท)ที่ 2.0 เท่า

• Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านมาไหลออกจากตลาด TIP ขณะที่เกาหลีใต้และไต้หวันซื้อขายสลับกัน เราเชื่อว่าแรงขายที่ผ่านมาเป็นการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติหลังได้รับอัตราผลตอบแทนในตลาด TIP สูงเป็นอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่สำคัญภาวะเงินเฟ้อจะยังเป็นปัจจัยลบต่อตลาดเอเชียรวมถึงจีนในระยะสั้นนี้ ทำให้ธนาคารกลางต่างๆ ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่
คาดว่าจะสูงขึ้นอีกในอนาคต ขณะที่ฝั่งสหรัฐอเมริกานักลงทุนมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อตลาดหุ้นสหรัฐหลังตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวบ่งชี้ว่าผลประกอบการบริษัทต่างๆในสหรัฐเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ค่าเงินสหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก เช้านี้ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่า ดังนั้นแนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติน่าจะยังชะลอตัว แต่อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ พลังงาน ยังคงได้รับความสนใจในการลงทุนในช่วงนี้ต่อเนื่อง ฉะนั้นการเข้าซื้อเก็งกำไรในช่วงนี้ เรายังเน้นกลุ่มพลังาน ปิโตรเคมี และสินค้า Commudity ทั้งหมด

ข่าวภายในประเทศ
TRUE มูลค่าพุ่ง 8 บาท กสทไฟเขียวซื้อฮัทช์ ฮุบใบอนุญาต 3จี 14 ปี ไตรมาส 4 ขาดทุนลดลง TRUE มาเหนือเมฆมูลค่าหุ้นเพิ่มทันทีเกิน 8บาท หลังบอร์ดกสทฯ ยอมร่วมธุรกิจมือถือกับค่ายทรูเปิดบริการ 3จี บนคลื่นความถี่เดิม เตรียมลงนามเดือนนี้ โดยไม่ต้องเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ และอายุใบอนุญาตนานถึง 14 ปี พร้อมฉีกสัญญากับ HUTCH หลัง TRUE เข้าซื้อขายกิจการ HUTCH เสร็จสิ้นส่วนแนวทางแก้ไขสัญญาสัมปทานตามมาตรา 13และ 22 ถึงมือ "จุติ" แล้ว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 17-01-2011)

SMT คว้าออเดอร์ล็อตใหญ่ ดัน Q1 รายได้เกิน 3.2 พันล้าน SMT แย้มรายได้ไตรมาส 1/54 ดีกว่าปีก่อนและ Q1/53 ที่คาดว่ามีรายได้กว่า 3.2พันล้านบาท หลังยอดขายเพิ่มขึ้นจากสินค้าใหม่กลุ่ม IC จากลูกค้าในสหรัฐ ที่จะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นหนุนผลงานทั้งปีเติบโต 35% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 17-01-2011)

AIT ปีนี้ได้เห็น 5 พันล้าน เชื่อ 3G ช่วยโกยรายได้ AIT ปรับเป้ารายได้ปีนี้เป็น 5,000 ล้านบาท หวังชนะประมูลงานวางระบบ 3G ของทีโอที ดันรายได้เพิ่มกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมีงานในมืออยู่ 2,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้ไตรมาส 1/54 ประมาณ 1 พันล้านบาท แย้มรายได้ปี'53 ทะลุ4,000 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 17-01-2011)

KTB ลุยดูดลูกค้าเอสเอ็มอี ปี'53 ปล่อยกู้สนั่น 4 หมื่นล. กรุงไทย (KTB) เผยสินเชื่อเอสเอ็มอีปี'53 ทะลุเป้าดันเม็ดเงินทะยานแตะที่ระดับ 40,000ล้านบาท ก่อนตั้งเป้าหมายใหม่ในปีนี้ที่ 10% ด้าน "การบินไทย" เสนอซื้อหุ้นนกแอร์จาก KTB ที่ 30 บาท ขณะที่ KTB ยันต้อง 44 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 17-01-2011)

BEC พุงปลิ้นปี'53 รายได้หมื่นล้าน จ่อขึ้นโฆษณานอกไพร์มไทม์ 20% เม็ดเงินโฆษณาทีวีทะลักใส่ BEC รายได้ปี 2553 พุ่งแตะ 11,000 ล้านบาท หนุนกำไรสุทธิกระฉูด 3,300 ล้านบาท วงการชี้ปี 2554 โตต่อเนื่อง ขึ้นค่าโฆษณานอกไพร์มไทม์ 6-20% ถึง 13 รายการ เชื่ออุตสาหกรรมขาขึ้นเศรษฐกิจดี ธุรกิจแข่งขันสูงยิ่งกระตุ้นลูกค้าเทงบซื้อสื่อ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 17-01-2011)

SEAFCO ลุ้น 2 งานใหม่ 300 ล้าน "ณรงค์" การันตีปีนี้พลิกมีกำไร SEAFCO แย้มมีข่าวดีก.พ.นี้ ได้งานประมูลอีก 2 โครงการมูลค่ารวมประมาณ200-300 ล้านบาท พร้อมรอประกาศผลปีนี้อีก 600-700 ล้านบาท ส่วนล่าสุดมี Backlog จำนวน 1,200 ล้านบาท รับรู้ถึงปี 2554 ขณะที่ปีนี้มั่นใจพลิกกลับมามีกำไรหลังงานล้นมือ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 17-01-2011)

LPN รายได้โต 25% ตัวเลข 1.2 หมื่นล้านกำไรโตเกิน 2 หลัก นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า กำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ตามรายได้ที่คาดโตราว 25% จากปีก่อนมาที่ราว 1.2 หมื่นล้านบาทรวมทั้งการลดค่าใช้จ่ายที่ทำได้ดีขึ้น โดยรายได้ปีนี้จะเพิ่มมาที่ราว 1.2 หมื่นล้านบาท จากราว 9.6 พันล้านบาทในปีก่อน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 17-01-2011)
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 55.48 จุด โดยหุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้นท่ามกลางวอลุ่มซื้อขายที่แข็งแกร่ง หลังเจพีมอร์แกนเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส ขณะที่ยอดค้าปลีกและความเชื่อมั่นผู้บริโภคอ่อนแอลงในเดือน ธ.ค.จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยสัปดาห์นี้มีผลประกอบการของหลายธนาคารที่จะประกาศต้องติดตาม อย่างไรก็ตามคืนวันนี้(17ม.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐจะหยุดทำการ 1 วันเนื่องในวันมาร์ตินลูเธอร์ คิง จูเนียร์

ธนาคารกลางจีนประกาศปรับเพิ่มสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์อีก 0.50% มีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ซึ่งเป็นการปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 7 นับตั้งแต่ต้นปี 2009 เป็นต้นมา

ผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐออกมาดี เพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน ส่งผลให้ VIX Index ปรับตัวลงกว่า 5.6% มาเคลื่อนไหวที่ 15.46

ราคาน้ำมันในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดบวก 0.14ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 91.54 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทเอกชนในสหรัฐที่ยังออกมาดีต่อเนื่อง

ราคาทองคำล่วงหน้าในตลาด COMEX ปิดร่วงลง 26.50ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1360.50 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงกดดันจากการที่จีนปรับเพิ่มเพดานกันสำรองของแบงก์อีกครั้ง

ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: ดอลล์อ่อนเทียบเยนที่ตลาดโตเกียวเช้านี้ หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ระดับ82.89 - 82.90 เยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวช่วงเช้าวันนี้ จากระดับที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ 82.80 - 82.90 เยน เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐและญี่ปุ่นจะหดแคบลง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 17-01-2011)

สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.6% ทำสถิติเพิ่มขึ้น 6 เดือนติดต่อกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.6% ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 หลังจากยอดค้าปลีกน้ำมันเบนซินและวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น และหากไม่นับรวมยอดขายรถยนต์พบว่า ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% ส่วนยอดค้าปลีกตลอดปี 2553 พุ่งขึ้น 6.65% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่ปี 2542 สวนทางกับยอดค้าปลีกในปี 2552 ที่หดตัวลง 6.5% อย่างไรก็ตาม ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 15-01-2011)

สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยดัชนี CPI เดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.5% หลังราคาพลังงานทะยาน กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นดัชนีวัดภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนธ.ค. ทำสถิติเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 18 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% หลังจากต้นทุนราคาพลังงานพุ่งขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2552 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 15-01-2011)

สหรัฐอเมริกา: เฟดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.ของสหรัฐขยายตัวเกินคาด 0.8% ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.ของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผลผลิตในเหมืองแร่ โรงงาน และผลผลิตด้านสาธารณูปโภค ขยายตัว 0.8% ซึ่งเป็นการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 5 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.5% ส่วนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมตลอดปี 2553ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐบังคงฟื้นตัว (ที่มา: อินโฟเควสท์ 15-01-2011)

จีน: จีนเผยราคาอสังหาริมทรัพย์ใน 70 เมืองใหญ่ขยายตัวเพียง 6.4% ในเดือนธ.ค. ไชน่า อินฟอร์เมชัน นิวส์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภายใต้การบริหารของสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน รายงานในวันนี้ว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ใน 70 เมืองใหญ่ของจีนขยายตัว 6.4% ในเดือนธ.ค. ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 อย่างไรก็ตาม ราคาอสังหาริมทรัพย์เดือนธ.ค.ขยายตัวน้อยกว่าเดือนพ.ย.ที่สามารถขยายตัวได้ถึง 7.7% และน้อยว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 7% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลจีนเพิ่มมาตรการจำกัดความเสี่ยงของภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์(ที่มา: อินโฟเควสท์ 17-01-2011)
----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น