Code 337 : Side way ตรงเส้น 5 วัน กัน 10 วัน 1026 +/-

วันอังคารที่ 18 มกราคม 2554

ATT Code : Side way ตรงเส้น 5 วัน กัน 10 วัน 1026 +/-
ตลาดยังคง Side way อยุ่แถวเส้น 5 วัน กับ 10 วัน อยู่ที่ 1026-1027 เพื่อลงดูจังหวะว่า จะขึ้นไปหรือจะลงมา สามารถเป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง โดยจะมีกรอบอยู่ระหว่าง 1023 - 1030 จุด
-----------------------------------------------------------------------------
Comments:
· สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบขึ้นทำสถิติใหม่ โดยเฉพาะ Bent
· ค่าการกลั่นปรับขึ้นต่อเนื่อง W-W แต่ยังอยู่ในระดับสูง(เป็นบวกต่อ TOP, ESSO และ BCP)
· ราคาปิโตรเคมีต้นน้ำสายโอเลฟินส์ปรับขึ้นต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน (เป็นบวกต่อ PTTCH)
· ราคาอะโรเมติกส์ PX และ BZ ปรับขึ้นแรงและทำสถิติสูงสุดใหม่ และ Margin กว้างขึ้นมาก (บวกต่อ PTTAR และ TOP)
· ราคาเม็ดพลาสติก HDPE PP ปรับขึ้นมา 2 สัปดาห์ติดต่อกัน (เป็นบวกต่อ PTTCH, SCC) ส่วน PVC ปรับลง (เป็นลบต่อ VNT และTPC)
· ราคา PTA ทำสถิติสูงสุดในรอบหลายปีและปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน เป็นบวกต่อ IVL
· ราคาถ่านหินปรับขึ้นต่อเนื่อง 8 สัปดาห์ติดต่อกันจากน้ำท่วมใน Queensland แนวโน้มดีต่อเนื่อง (ดีต่อ BANPU, LANNA และ AGE)
· ราคายางแผ่นรมควันยังทำ New High ต่อเนื่องทะลุ 160 บาท/กก. ล่าสุดอยู่ที่ 162.71 บาท/กก. (+4% W-W, +11% YTD) จากปริมาณผลผลิตตึงตัว และช่วงนี้ผู้ใช้ยาง Stock ยางมากขึ้นเพื่อรองรับช่วงปิดหน้ายางของเกษตรกรระหว่างเดือน มี.ค. – เม.ย. ของทุกปี จึงคาดว่าราคายางจะยังคงอยู่ระดับสูงต่อไปอย่างน้อยอีก 2 ไตรมาส

-----------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
18 มค. 54 (-9.07 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

Intraday - แกว่งตัว 1023 - 29
ยังคงแกว่งตัวใต้เส้น 25 ชม. ในกรอบ 1023 - 29 อีกประมาณหนึ่งวัน ต่ำกว่า 1022 ลง 1008 - 13 ปลายสัปดาห์
-----------------------------------------------------------------------------
แกว่งตัวในกรอบ 1023 - 28 จุด
แนวโน้มในวันอังคารนี้ ตลาดน่าจะแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบเล็กระหว่าง 1023 – 28 หรือระหว่างจุดต่ำสุดของวันจันทร์ ถึงบริเวณแนวต้านตามธรรมชาติของเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมง

ขณะที่ ภาพสองสามวันข้างหน้าดัชนีน่าจะทยอยปรับตัวกลับลงไปบริเวณ 1008 – 13ใกล้จุดต่ำสุดของสัปดาห์ที่แล้ว และพอมีความ
เป็นไปได้ว่า ตลาด “อาจจะ” ต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพัก (หลายวัน) แกว่งตัวขึ้นลงอยู่ในกรอบ1008 – 35 หรือ ระหว่างจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดของสัปดาห์ที่แล้ว

หุ้นเด่น
GSTEEL
ยังสามารถปรับตัวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25ชั่วโมงได้ รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 0.78จุดสูงสุดวันจันทร์ เป้าหมายสองสามวัน0.82 – 0.87( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 0.75 )0.82 – 0.87

TRUE
ยังสามารถปรับตัวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25ชั่วโมงได้ รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 7.20จุดสูงสุดวันจันทร์ เป้าหมายสองสามวัน7.35 – 7.75( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 7.05 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
IVL แกว่งตัว 44.50 – 47
TRUE รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
BBL แกว่งตัว 165 – 168
BANPU ปรับตัวลง 800 – 810
TOP ปรับตัวลง 71 – 72
PTTCH แกว่งตัว 148 - 151
SCB ปรับตัวลง 97 - 98
PTT แกว่งตัว 326 - 331
IRPC แกว่งตัว 5.80 – 6.20
SVI แกว่งตัว 3.82 - 3.90

-----------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
ตลาดลงยังเลือกหุ้นเข้าซื้อได้ แต่เน้นหุ้น Defensive & Dividend Play
แนวโน้ม: เมื่อวานนี้ SET เริ่มปรับพักตัวลงจริงจังมากขึ้น ขณะที่ทั้งนักลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศยังคงมียอดขายสุทธิออกมาอีกพอควร ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะแกว่งตัวผันผวนต่อเนื่องได้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากเข้าสู่ช่วงสรุปผลการดำเนินงานของ บจ. ต่างๆ เริ่มจากกลุ่มแบงก์ในช่วงท้ายของสัปดาห์นี้ (20-21 ม.ค.) ซึ่งมีสิทธิที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาเลือก
หุ้นที่คาดว่าผลประกอบการจะดี รวมถึงบริษัทที่มีแนวโน้มที่จะจ่ายปันผลสูงเพื่อเก็งกำไรในช่วงนี้ได้ ทำให้ FSS คาดหมายว่า SET ยังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวดีขึ้นได้ในระหว่างสัปดาห์ ดังนั้นจังหวะอ่อนตัวจึงยังสามารถเลือกหุ้นเข้าซื้อได้
กลยุทธ์: แนะนำทยอยซื้อเมื่อตลาดปรับตัวลง โดยหุ้นที่น่าสนใจในช่วงนี้เน้นกลุ่ม Defensive เช่น Health care (BGH, BH), Media (BEC, MCOT) และกลุ่ม
Soft commodity ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะจ่ายปันผลสูง เช่น TMT, MCS, LPN, SVI,BLS, TPAC, MODERN เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
• (-) ต่างชาติขายติดต่อกันเป็นวันที่ 8 ส่วนกองทุนเริ่มขาย ปัจจัยลบยังคงเป็นการขายของต่างชาติติดต่อกันเป็นวันที่ 8 รวมตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นขายสุทธิ 1.47 หมื่นล้านบาท และขายหนักในอินโดนีเซียเช่นกัน ส่งผลให้ในปีนี้ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย -4.5%YTD ส่วนไทย -0.9%YTD ขณะที่สถาบันในประเทศ หลังจากที่ซื้อสุทธิมา3 วัน วานนี้เริ่มขาย กลุ่มที่นำลงยังคงเป็น Petro, Packaing, Conmat ขณะที่กลุ่มแบงก์ นับแต่ต้นปียังพอประคองได้ ส่วนกลุ่มที่ยังพอไปได้ในช่วงนี้เป็นกลุ่มDefensive อย่างเห็นได้ชัดเช่น Health care (BGH, BH), Media (BEC, MCOT)และกลุ่ม Soft commodity รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะจ่ายปันผลสูง เช่น TMT, MCS,LPN, SVI, BLS, TPAC, MODERN ในระยะสั้น หากขายหุ้นแล้วแนะนำให้หลบเข้าพักเงินในหุ้นเหล่านี้ก่อน

• (+) กลุ่ม Soft commodity ยังน่าสนใจ ปัญหาน้ำท่วมหนักในออสเตรเลียภาคใต้ของไทยที่ยังเผชิญฝน รวมถึงการคาดการณ์ของกระทรวงเกษตรของสหรัฐที่คาดว่าสินค้าเกษตรหลายชนิดจะมีผลผลิตที่ลดลงในปีนี้ ทำให้หุ้นในกลุ่มเกษตรต้นน้ำยังน่าสนใจ และดัขนีกลุ่ม Agri ในปีนี้ก็บวกค่อนข้างโดดเด่น 3.6%YTDโดยราคายาง ถั่วเหลือง น้ำตาล มีแนวโน้มปรับขึ้นต่อ แนะนำ KSL, TVO ขายGFPT ส่วน CPF แนะนำเพียงถือรับปันผล

• (+) GLOBAL คาดการณ์กำไรใน 4Q10 โต 146% Y-Y แต่ลดลง 13% Q-Qเพราะเป็นช่วง Low season และได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่
และรับรู้รายได้จากสาขาใหม่แห่งที่ 3 เพียง 4 วัน อย่างไรก็ตาม คาดกำไรทั้งปี2010 โต 173% และปี 2011 โตต่อ 33% สูงสุดในกลุ่ม รวมทั้งคาดว่าจะจ่ายเงินปันผล 0.16 บาท/หุ้น ราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาปรับฐานจนมี PE 17.6 เท่า ต่ำกว่าการซื้อในอดีต จึงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 10.60 บาท

• (+) TPOLY คาดกำไรใน 4Q10 จะเป็นกำไรที่ดีที่สุดของปีที่ผ่านมา โดยเติบโต40.2% Q-Q และกำไรปีหน้าโตต่อเนื่อง 24.2% ปัจจุบัน TPOLY ซื้อขายที่ PE
เพียง 8.2 เท่า และ PBV 1.2 เท่า ต่ำกว่าผู้รับเหมารายใหญ่ค่อนข้างมาก เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.10 บาท

• Fund Flow วานนี้กลับมาไหลออกจากตลาดภูมิภาคเกือบทุกตลาดยกเว้นไต้หวัน โดยแรงขายส่วนเป็นผลจากการปรับพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติหลังได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับสูงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มาจนถึงวันนี้เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัวมากขึ้น ความเสี่ยงจากการลงทุนในสหรัฐเริ่มลดลงทำให้นักลงทุนเริ่มมีมุมมองที่ดีต่อการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐมากขึ้น
ในขณะที่ภูมิเอเชียแม้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งแต่มีความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นกระแสเงินทุนต่างชาติจะยังชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง ค่าเงินในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มTIP ยังอ่อนค่าต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้บอกว่าเม็ดเงินจะไหลกลับไปสหรัฐทันที เพราะนักลงทุนต่างชาติยังเข้าซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรมากขึ้นกว่าปกติ กลยุทธ์การเก็งกำไรต้องหาแนวรับที่แข็งแกร่งเพื่อเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น

ข่าวภายในประเทศ
ITD คว้า 6 หมื่นล้านทางด่วนบังกลาเทศ เซ็น 19 ม.ค.นี้ ดันแบ็กล็อกพุ่งแสนล้าน"อิตัลไทย" ชนะประมูลงานใหญ่ในบังกลาเทศ มูลค่า 2,000ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6.1 หมื่นล้านบาท ก่อสร้างทางพิเศษยกระดับ 4 ช่องทางจราจร ความยาว 32 กิโลเมตร เตรียมเซ็นสัญญา 19 ม.ค.นี้ดันงานในมือแตะแสนล้านบาท จากปัจจุบันมีงานในมือ 5.2 หมื่นล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 18-01-2011)

DCC งบ Q1 แจ่มยอดขาย 2 พันล. รายได้ปีนี้โต 10% DCC แย้มยอดขายไตรมาส 1/54 กว่า 2,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำสถิติรายไตรมาสที่มียอดขายสูงสุดต่อเนื่องมาทุกปี เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจกระเบื้อง หนุนให้รายได้ทั้งปีโต 10% ตามเป้าที่ตั้งไว้ จากการเปิดสาขาเพิ่ม 10-15 แห่ง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 18-01-2011)

TTCL งานล้นปีนี้โตอีก 40% โตโย-ไทยปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 35-40% มูลค่างานเพิ่มอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท ล่าสุดได้งานก่อสร้างโรงงานมูลค่า1 พันล้านบาทที่จังหวัดระยอง และงานที่รอประมูลอีกกว่า 14 โครงการทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเปิดตัวชิโยดะปลายเดือนนี้ เป้าหมายราคา 11 บาท(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 18-01-2011)

SCC กำไร Q4 หมื่นล. บุ๊คพิเศษขาย PTTCH "SCC" จี๊ด Q4/53 กำไรสุทธิพุ่ง 1.43 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 168% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รับอานิสงส์บันทึกกำไรพิเศษขายหุ้น PTTCH ราว 8.8 พันล้านบาท ดันกำไรสุทธิปี'53 แตะ 3.5 หมื่นล้านบาท ส่วนปี'54 โตต่อเนื่อง เหตุมีกำลังผลิตใหม่เพิ่มขึ้น โบรกฯ แนะซื้อเป้าหมาย 374 บาทต่อหุ้น (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 18-01-2011)

HANA หุ้นโดนสังคมเมิน HANA หุ้นโดนสังคมเมิน กำไรสวย 2,700 ล้านบาท จ่ายปันผลสูง 6% HANA หุ้นดีที่โดนเมิน กำไรปี 2553 พุ่ง2,700 ล้านบาท แถมจ่ายปันผล 1.60 บาท สูงลิ่ว 6% วงการชี้อัพไซด์หุ้นยังเหลือเพียบถึง 28% วางเป้าหมายไกล 35 บาท ชี้ปี 2554 กำไรทะยานโตต่อไม่หยุด พร้อมเพิ่มกำลังผลิตรองรับออเดอร์งานจากลูกค้า (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 18-01-2011)

TTA แล่นหาเงิน 140 ล้านดอลลาร์ ธุรกิจถ่านหินขาขึ้นดัน Q1สวย TTA ลุยหาเงินทุน 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐปรับโครงสร้างหนี้ ออกแผน 3แนวทาง ออกหุ้นกู้ในประเทศ ออกหุ้นกู้แปลงสภาพ และกู้ยืมเงิน เชื่อภายในมี.ค.-เม.ย.ได้ข้อสรุป ลั่นไตรมาสแรกยังไปได้สวย ธุรกิจถ่านหินและบริการนอกชายฝั่งช่วยดัน (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 18-01-2011)

-----------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ 1 วันเนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิงจูเนียร์ เมื่อคืนนี้(17 ม.ค.) ส่วนคืนนี้เปิดทำการปกติ โดยต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ของสหรัฐ เช่น ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน ม.ค. , ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภครายสัปดาห์ และการเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวมจากเฟดสาขานิวยอร์ค รวมทั้งผลประกอบการของแบงก์ต่างๆ ในสหรัฐในวันถัดๆ ไป เช่น โกลด์แมน แซคส์(19 ม.ค.) , มอร์แกน สแตนเลย์(20 ม.ค.) ว่าจะมีทิศทางอย่างไร
ตลาดยุโรปยังมีทั้งบวกและลบ ขณะที่นักลงทุนยังใช้ความระมัดระวังในการลงทุน เพื่อรอผลการประชุม รมว.คลังของอียู ในวันนี้ก่อน (รมว.คลังยุโรปอยู่ระหว่างการประชุมเพื่อพิจารณาหาแนวทางในการแก้วิกฤติหนี้ในช่วง 17-18 ม.ค.)
ราคาน้ำมันในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดทำการวานนี้ โดยเช้านี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 90.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลงจากวันก่อน 0.63 ดอลลาร์
ราคาทองคำล่วงหน้าในตลาด COMEX ปิดทำการวานนี้โดยเช้านี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 1362.70 ดอลลาร์/ออนซ์เพิ่มขึ้น 2.20 ดอลลาร์


ข่าวต่างประเทศ
โอเปคปรับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกปี 54 เป็น 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ประกาศเพิ่มคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2554 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โอเปคเปิดเผยในรายงานประจำเดือนม.ค.ว่า อัตราการขยายตัวของความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2554 จะอยู่ที่ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 50,000 บาร์เรลต่อวันจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2554 นอกจากนี้โอเปคยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2553 เป็น 4.5% จากเดิม 4.3% และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2554 เป็น 3.9% จากเดิม 3.8% สำนักข่าวซินหัวรายงาน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 18-01-2011)

เอเชีย: มูดีส์เพิ่มอันดับความน่าเชื่อถืออินโดนีเซียเป็น Ba1 ชี้ศก.มีแนวโน้มโตยั่งยืน สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดีส์ อินเวสเตอร์สเซอร์วิส ประกาศเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรสกุลเงินต่างประเทศและสกุลเงินรูเปียห์ของรัฐบาลอินโดนีเซียขึ้นสู่ระดับ Ba1 จากระดับ Ba2พร้อมกับให้แนวโน้มมีเสถียรภาพ โดยระบุว่า เศรษฐกิจอินโดนีเซียมีความยืดหยุ่น และสถานะหนี้ที่ฟื้นตัวขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 17-01-2011)

เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง 6 เดือนติดต่อกันในเดือนธ.ค. สำนักคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของญี่ปุ่นปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันในเดือนธันวาคม ซึ่งต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มเก็บข้อมูลสถิติรายเดือนในปี 2547 โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะการลดขนาดมาตรการของรัฐบาลในการกระตุ้นอุปสงค์ภาคเอกชน โดยดัชนีความเชื่อมั่นของครัวเรือนที่มีสมาชิก 2 คนขึ้นไป ปรับตัวลดลงแตะ 40.1 จุดในเดือนธันวาคม จากระดับ 40.4 จุดในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งตัวเลขต่ำกว่า 50 จุดถือว่าผู้บริโภคมีทัศนคติในแง่ลบมากกว่าบวก(ที่มา: อินโฟเควสท์ 17-01-2011)

เอเชีย: สิงคโปร์เผยยอดส่งออกสินค้ายกเว้นน้ำมันเดือนธ.ค.ขยายตัวน้อยเกินคาด 9.4% อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรซ์ สิงคโปร์ (IESingapore) ซึ่งเป็นหน่วยงานส่งเสริมการค้าของสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ยอดการส่งออกสินค้าทั่วไปที่ผลิตในประเทศยกเว้นน้ำมัน (Non-oil domesticexports: NODX) ประจำเดือนธ.ค.ขยายตัว 9.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่เป็นสถิติที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.ที่สามารถขยายตัวได้ถึง 9.9%และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 12% เนื่องจากยอดการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกปรับตัวลดลง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 18-01-2011)
-----------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น