Code 338 : พลังงานดันตลาด ขึ้นมา +10 จุด

วันพุธที่ 19 มกราคม 2554

ATT Code : พลังงานดันตลาด ขึ้นมา +10 จุด
กลุ่มพลังงานขึ้นนำตลาด ดันให้ SET ขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยต่างๆ ได้อีกครั้ง โดยมายืนเหนือ 1030 จุดได้ บวกไป 10 จุด มาปิดที่ 1034.8 จุดทำให้ตลาดมีโอกาสที่จะไปหาแนวต้านที่ 1040 และ 1050 ได้

-----------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
19 มค. 54 ( +1.35 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ยังคงแกว่งตัวต่อไปในกรอบ 1023 - 29จุด
แนวโน้มในวันพุธถึงพฤหัสนี้ ยังคงเหมือนเดิม ดัชนีมีแนวโน้มแกว่งตัวต่อไปในกรอบ 1023 – 29 หรือ ระหว่างจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดของวันอังคาร ภายใต้เส้นค่าเฉลี่ย 25ชั่วโมง

ขณะที่การปรับตัวลง ต่ำกว่า 1022.75 จุดต่ำสุดของสัปดาห์นี้ ดัชนีปลายสัปดาห์นี้จนถึงต้นสัปดาห์หน้า มีโอกาสที่จะกลับลงไปบริเวณ1008 – 13 ใกล้จุดต่ำสุดของสัปดาห์ที่แล้ว และ
พอมีความเป็นไปได้ว่า ตลาด “อาจจะ” ต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพัก (หลายวัน) แกว่งตัวขึ้นลงอยู่ในกรอบ 1008 – 35 หรือ ระหว่างจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดของสัปดาห์ที่แล้ว

หุ้นเด่น
DCC
ปรับตัวขึ้นมาใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงอีกครั้ง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 54.75 จุดสูงสุดวันอังคารและเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว เป้าหมายสองสามวัน 56.00 – 59.00( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 54.00 )56 - 59

THAI
ปรับตัวขึ้นมาแถวเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงพอดีรอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 46.50 จุดสูงสุดวันอังคารและเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน 47.50 – 48.50( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 45.75 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
PTT ไม่เกิน 336 ลง 326 - 329
IVL ต่ำกว่า 44.25 ลง 39 - 40
SCB ปรับตัวลง 97 - 98
PTTCH แกว่งตัว 148 - 151
TRUE ต่ำกว่า 6.95 ลง 6.60 – 6.80
BBL ปรับตัวลง 158 – 160
IRPC ต่ำกว่า 5.75 ลง 5 – 5.20
PTTEP ไม่น่าเกิน 166 - 167
TOP ปรับตัวลง 71 – 72
PTL ต่ำกว่า 34.50 ลง 33 - 34

-----------------------------------------------------------------------------
Short News
กลุ่มหลักทรัพย์ (Underweight) : คาดการณ์กำไรปรับขึ้นมากปี 2010 จ่ายเงินปันผลน่าสนใจ ซื้อเก็งกำไร BLS
* คาดการณ์กำไรปี 2010 รวม 4 หลักทรัพย์ที่ 2.8 พันลบ. +50%Y-Y โดยคาดกำไร 4Q10 รวมที่ 843 ลบ. +47%Y-Y แต่ -16%Q-Q
* แต่แนวโน้มกำไรกลุ่มหลักทรัพย์ปี 2011 ชะลอตัวลง Y-Y ขณะกำไรปี 2012 จะโดนกดดันต่อเนื่องจากการเปิดเสรีค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์
* ระยะยาว ยังคงคำแนะนำ Underweight กลุ่มหลักทรัพย์ Top Pick ยังคงเป็น BLS เนื่องจาก ราคาซื้อขายถูกสุดเมื่อเทียบ PER ขณะคาดการณ์ ROE สูงสุด และคาดหวังอัตราผลตอบแทนเงินปันผลปีนี้ที่ราว 12% (จ่ายปีละครั้ง) ขณะระยะสั้นผลประกอบการคาดออกมาดีสุดเมื่อเทียบ Q-Q ด้วย (มีรายได้จากดีล TUF + MWB)

SCB (BUY) : กำไรออกมาตามคาด
* ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยการเติบโตของกำไรและสินเชื่อในปี 2011 ยังคงดำเนินต่อไปและในเชิงรุกต่อเนื่องจากปี 2010 ขณะที่ปัญหาเกี่ยวกับ NPL แม้ว่าจะเกิดขึ้นจากการปล่อยกู้ในอดีตแต่เราคาดว่าอัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้สูญที่ขึ้นมาสูงกว่า 107% จะรองรับความสูญเสียได้อย่างไม่ส่งผลต่อผลการดำเนินงาน คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 136 บาท
SCC (BUY) : 4Q10 กำไรสุทธิเพิ่มจากกำไรจากการขาย PTTCH
* คาด 4Q10 จะมีกำไรสุทธิ 1.48 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 126% Q-Q และ178%Y-Y จากผลกำไรในการขายหุ้น PTTCH 8.8 พันลบ. แต่กำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ 6.07 พันลบ. ชะลอตัว 6.7% Q-Q แต่เพิ่มขึ้น 13%Y-Y กำไรที่ชะลอตัวเป็นผลจากโรงงานปิโตรเคมีแห่งที่ 1 หยุดซ่อมบำรุง 40 วัน ทำให้ปริมาณการผลิตหายไปประมาณ 25% แต่ก็ถูกชดเชยจากราคาปิโตรเคมีและ Margin ที่เพิ่มขึ้น

TMB (SELL) : รายได้หลักแสดงการฟื้นตัวในอัตราที่ดีขึ้น
* TMB แสดงพัฒนาการที่ดีขึ้นในกำไรประจำ 4Q10 โดยทั้งรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนว่าการปรับโครงสร้างภายในฯสำเร็จไปแล้วในปีก่อน และเราคาดหวังว่าจะสร้างการเติบโตได้ในปี 2011 เราคงคาดการณ์กำไรปี 2011 ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกราว 29%Y-Y แต่ราคาปัจจุบันอาจจะแพงเกินปัจจัยพื้นฐานไปแล้ว ขณะที่ประเด็นในการเป็นเป้าหมาย M&A เราประเมินราคาซื้อขายที่ราว 2-2.20 บาท (อิง 1.6-1.7 เท่า BVS) ดังนั้นจึงคงคำแนะนำ ขาย

ข่าวจากตลาดหลักทรัพย์:
BSEC เผย OSK Investment Bank มาเลเซียขอทำ Due Diligence ใน 1 เดือน
บล.บีฟิท (BSEC) แจ้งว่า บริษัทฯ ได้รับจดหมายจาก OSK Investment Bank Berhad ฉบับลงวันที่ 12 มกราคม 2554 เกี่ยวกับการแจ้งความจำนงขอเข้าทำแผน Due Diligence บริษัทฯ โดยมีระยะเวลาการดำเนินงาน 1 เดือน
ทั้งนี้ หากมีผลของการเข้าทำแผนดังกล่าวประการใด บริษัทฯ จะดำเนินการแจ้งให้ทราบต่อไป

ความเห็น:
· การทำ Due diligence จะนำไปสู่การกำหนดราคาซื้อขายกิจการในขั้นต่อไป
· ปัจจุบันราคาซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีปี 2010 ที่ 2.58 บาทต่อหุ้น แต่สูงถึง PER 80 เท่า ของกำไรปี 2010 (กำไรสุทธิปี 2010 ที่ 21.58 ล้านบาท หรือ EPS 0.0264 บาท)
· ประเมินราคาซื้อขายน่าจะเป็นไปได้ถึง 2.50 บาท (มูลค่าทางบัญชีหักสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน)
· จึงคาดว่าราคาเปิดวันนี้จะเปิดสูงเพื่อรับข่าวดีในวันนี้ จึงให้หาจังหวะ ขาย ดีกว่า อย่าลืมว่าราคาซื้อขายอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด และต้องใช้เวลาในการตรวจสอบสินทรัพย์อีก 1 เดือน

หมายเหตุ:
· BSEC ติด Turnover list ต้องวางเงินสดล่วงหน้าก่อนซื้อ (Cash balance) ระหว่าง 17 ม.ค.-4 ก.พ. 2011
· OSK OSK Investment Bank Berhad เดิมชื่อ OSK Securities Berhad มีสาขามากที่สุดในมาเลเซียและเป็นบริษัทลูก OSK Holdings Berhad ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหุ้นมาเลเซีย

ตัวเลขเช้านี้ 19/01/54
ข้อมูลอื่นๆ ......SET ปิดที่ 1024.54 จุด +1.35 จุด High 1029.77 จุด low 1023.12 จุด......แนวรับ 1022-1020//1015-1010 จุด แนวต้าน 1036//1040-1045 จุด......PE SET 15.28 เท่า..........สัดส่วนการซื้อขาย ฝรั่งขาย 377.69 ล้าน กองทุนขาย 212.79 ล้าน…....โบรกเกอร์ ที่ net buy BLS 942, CS 516, FSS 117, JPM 103 และ KTZ 89…......โบรกเกอร์ที่ net sell UBS -331, MACQ -309, AYS -301, CNS -280 และ PHATRA -268…....TFEX SET50 ปิดที่ 711.14 จุด +1.45 จุด........ S50H11 ปิดที่ 708.40 จุด +1.90 จุด.... high 710.00 จุด low 704.60 จุด OI 25,362……...status futureวานนี้ Foreign net SHORT 401 - Fund net SHORT 487 - Retail net LONG 888.........ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJ +50.55…....…..ตลาดเอเซียเช้านี้ 9.25 น. NIX +19.95 จุด, HSKI +128.07 จุด, TWSE +52.06 จุด, KOSPI +8.92 จุด และ SHCOMP -1.56 จุด.......ดาวโจนส์ในตลาดล่วงหน้า -4 จุด...…..ค่าเงิน-เงินบาท 30.48 บ./ดอลลาร์ ... เงินเยน 82.24 เยน/ดอลลาร์….. COMODITY...น้ำมัน NYMEX ส่งมอบ ก.พ. ปิดที่ 91.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล -0.16 ดอลล์...........ทองคำ COMEX ปิดที่ 1,368.20 เหรียญ +7.70 ดอลล์ ......ค่าการกลั่น 7.53 ดอลล์......BDI ปิดล่าสุดที่ 1432 จุด -7 จุด …...ราคาสังกะสีในตลาด LME ล่วงหน้า 3 เดือนปิดที่ 2435.7 ดอลลาร์ต่อตัน -16.8 ดอลล์

-----------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS : หลังจากแนะนำทยอยซื้อไปแล้ว ถัดจากนี้เน้นถือเพื่อรอตลาดดีดขึ้น...
แนวโน้ม: SET เริ่มมีจังหวะดีดกลับขึ้นมาแกว่งตัวในด้านบวกได้บ้างแล้ว แม้ว่าจะยังเป็นการแกว่งตัวค่อนข้างผันผวน และมีกรอบจำกัดอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าเราเริ่มเห็นแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นหลายๆ ตัว โดยแรงขายของทั้งนักลงทุนต่างประเทศและสถาบันในประเทศเริ่มลดระดับลงด้วย ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้นต่างประเทศก็เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวในด้านบวกกันเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมี
โอกาสที่จะแกว่งตัวดีขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์นี้ไป โดยเรายังมองว่าโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะดีดกลับขึ้นไปหาแนวต้านทางเทคนิคแถว 1040 จุดและลุ้น1050-1056 จุดยังมีความเป็นไปได้ ดังนั้นเน้นถือเพื่อรอรอบตลาดดีดขึ้นได้

กลยุทธ์: หลังจากทยอยซื้อเมื่อตลาดปรับลงโดยเน้นที่หุ้นกลุ่ม Defensive เช่นHealth care (BGH, BH), Media (BEC, MCOT) และกลุ่ม Soft commodityและหุ้นที่คาดว่าจะจ่ายปันผลสูง เช่น TMT, MCS, LPN, SVI, BLS, TPAC,MODERN เป็นต้นไปแล้ว ถัดจากนี้เน้นถือเพื่อรอดูจังหวะทำกำไรเมื่อ SET ดีดขึ้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
• (+) ส่งออกไทยปี 2010 โดต 28% ยอดส่งออกของไทยเดือน ธ.ค. โต18.8% Y-Y, -1.8% M-M ดีกว่าตลาดคาด และทำให้ยอดส่งออกทั้งปี 2010 โต28.2% ขณะที่การนำเข้าทั้งปีเพิ่ม 36.3% และเกินดุลการค้า US$12,905 ล้านเหรียญ เกินดุลลดลงจากปีก่อน อย่างไรก็ตาม FSS คาดการส่งออกปีนี้โตชะลอลงเหลือ 12% การส่งออกจึงไม่ได้เป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้แต่เป็น ‘การบริโภคในประเทศ+การลงทุน’ เราคาดว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าต่อเนื่อง กลุ่มที่น่าสนใจลงทุนในปีนี้จึงเป็นกลุ่มค้าปลีก แบงก์ รับเหมา วัสดุ และ Commodity

• (+) SCB, TMB, TISCO ประกาศงบการเงินเป็นไปตามคาด แบงก์ที่ประกาศผลประกอบการแล้วมี 3 แบงก์คือ TISCO, TMB, SCB กำไรเป็นไปตามที่เราคาดและตลาดคาดเช่นกัน โดย TMB มีพัฒนาการที่ดีขึ้นทั้งรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนว่าการปรับโครงสร้างภายในฯสำเร็จไปแล้วในปีก่อน และเราคาดหวังว่าจะสร้างการเติบโตได้ในปี 2011 เราคง
คาดการณ์กำไรปี 2011 ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกราว 29%Y-Y แต่ราคาปัจจุบันอาจจะแพงเกินปัจจัยพื้นฐานไปแล้ว ขณะที่ประเด็นในการเป็นเป้าหมาย M&A เราประเมินราคาซื้อขายที่ราว 2-2.20 บาท (อิง 1.6-1.7 เท่า BVS) ดังนั้นจึงคงคำแนะนำขาย ส่วน SCB ยังคงแข็งแกร่ง เราแนะนำซื้อ เป้าหมาย 136 บาท สำหรับวันนี้จะมีKBANK, TCAP ประกาศงบการเงิน

• (+) กลุ่มหลักทรัพย์: คาดการณ์กำไรปี 2010 โต 50% ซื้อเก็งกำไร BLSเราคาดการณ์กำไรปี 2010 รวม 4 หลักทรัพย์ (ASP, BLS. KEST, PHATRA) ว่าจะเติบโต 50% Y-Y โดยคาดกำไร 4Q10 +47% Y-Y แต่ -16% Q-Q แต่แนวโน้มกำไรกลุ่มหลักทรัพย์ปี 2011 ชะลอตัวลง Y-Y ขณะที่กำไรปี 2012 จะถูกกดดันต่อเนื่องจากการเปิดเสรีค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ เรายังคงคำแนะนำ
Underweight แต่มี Top Pick เป็น BLS เพราะ PER ถูกสุด ROE สูงสุด และคาดหวังอัตราผลตอบแทนเงินปันผลปีนี้ที่ราว 12% (จ่ายปีละครั้ง) ขณะระยะสั้นผลประกอบการคาดออกมาดีสุดเมื่อเทียบ Q-Q เพราะมีรายได้จากดีล TUF +MWB

• Fund Flow วานนี้ยังไหลออกตลาดหุ้นภูมิภาค แต่ปริมาณการซื้อขายเบาบางมากและซื้อสุทธิเฉพาะตลาดหุ้นไต้หวัน ช่วงนี้ตลาดขาดปัจจัยใหม่เข้าสู่ตลาดขณะที่แรงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติยังคงมีต่อเนื่องโดยเฉพาะในตลาดหุ้น TIP ค่าเงินของทั้ง 3 ประเทศนี้อ่อนค่า แต่ปริมาณการขายของนักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัว สำหรับการปรับตัวของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐจากตัวเลขผล
ประกอบการไตรมาสที่ 4 และดัชนีผลผลิตของสหรัฐดีขึ้นกว่าคาด ทำให้มีความเป็นไปได้ที่นักลงทุนอาจมีการปรับพอร์ตการลงทุนหรือเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐมากขึ้นและลดการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย สำหรับค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 30.48 บาท/ดอลลาร์ ที่สำคัญหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ พลังงาน ยังเป็นกลุ่มนำตลาดในตลาดโลกในช่วงนี้ เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง

ข่าวภายในประเทศ
สื่อสาร: AIT/LOXLEY/ SAMTEL อยู่ใน 2 กลุ่มที่ผ่านเกณฑ์ประมูลติดตั้ง 3G จากแหล่งข่าวจาก TOT เผยกลุ่ม เอยู ซึ่งประกอบด้วย บมจ.ยูไนเต็ดคอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี + AIT + อัลคาเทล ลูเซ่น (ประเทศไทย) และ และกลุ่ม เอสแอล ซึ่งประกอบด้วย กลุ่ม SAMART โดยบริษัท SAMARTCOMMUNICATION SERVICE (SAMTEL ถือหุ้น 100%) + LOXLEY + โนเกีย ซีเมนส์ (ประเทศไทย) + หัวเว่ย เทคโนโลยี ได้ผ่านการคัดเลือกเกณฑ์คุณสมบัติเพื่อเข้าไปประกวดราคาขั้นสุดท้าย (e-auction) การประมูลติดตั้งโครงข่าย 3G วงเงิน 1.744 หมื่นล้านบาท ในวันที่ 28 ม.ค. นี้ ส่วนกลุ่ม ZTE ซึ่งประกอบด้วย ZTE + FORTH และ กลุ่มกิจการร่วมค้า อีริคสัน ประกอบด้วย บริษัท อีริคสัน และ AS Associate ไม่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกในด้านเทคนิค และเอกสารที่นำมาประกอบไม่ผ่านคุณสมบัติในสาระสำคัญ (กรุงเทพธุรกิจ 19 ม.ค.11) ความเห็น: ยังเป็นปัจจัยเชิงเก็งกำไรต่อ AIT LOXLEY SAMTEL และSAMART และ Sentiment เชิงลบต่อ FORTH แม้ดูราคาหุ้น SAMTEL และ SAMART ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ขึ้นมาสะท้อนบ้างแล้ว เราคงมุมมองเพียงในเชิงเก็งกำไรหุ้นที่เกี่ยวข้องดังกล่าว จากราคาหุ้นในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาที่ปรับขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว มีเพียง AIT ราคาหุ้นปัจจุบัน PE ยังไม่สูงนักระดับใกล้ประมาณ 8 เท่า (จาก Settrade.com TP เฉลี่ย 50-52 บาท) กรณี SAMTEL ราคาเป้าหมายปี 11 เดิมที่ 11.60 บาท (อิง P/E 15 เท่า) และประเมินเบื้องต้นUpside จากโอกาสได้งานติดตั้งโครงข่าย 3G ของ TOT ดังกล่าว เบื้องต้นประมาณหุ้นละ 3 บาท เป็น 14.60 บาท ส่วน SAMART (ถือหุ้น 70.6% ใน SAMTEL)ราคาเป้าหมายเดิม 8.90 บาท + Upside ประมาณ 1.30 บาท เป็น 10.20 บาท ทั้งนี้ ต้องดูการประกาศเป็นทางการใน Web ของ TOT วันนี้ 9.00 น.ปัจจัยเสี่ยง การดำเนินการประมูลช้ากว่าคาด และระวัง Sell on Fact หลังการประมูลจบ

OSK มาเลเซียซื้อหุ้น ‘BSEC’ ขอเข้าทำดิวฯ “บล.บีฟิท” (BSEC) เผย OSK จากประเทศมาเลเซีย ขอใช้เวลา 1 เดือน เข้าทำ Due Diligence โดยจะใช้ระยะเวลา 1 เดือน ก่อนเข้าซื้อหุ้นในกิจการ ขณะที่กำไรสุทธิปี 2553 เพิ่มขึ้น 321% จากปีก่อนหน้าที่มีกำไรเพียง 5.1 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 19-01-2011)

TASCO ส่งออกพุ่ง15%อานิสงส์น้ำท่วมออสซี่ TASCO วิ่งกระฉูด เชื่อรับอานิสงส์น้ำท่วมที่รัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย คาดยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 14.6% เป็น8.9 แสนตัน ดันกำไรสุทธิปีนี้เพิ่ม 22% เป็น 1.40 พันล้านบาท ส่วนปี'53 น่าจะมีกำไรสุทธิ 1.07 พันล้านบาท โบรกเชียร์ซื้อลงทุนราคาเป้าหมาย 90 บาท(ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 19-01-2011)

RSปีนี้รายได้กระฉูด 3.1 พันล้าน “เฮียฮ้อ” ส่งซิกปันผลเกิน 50% ทุ่มงบลงทุนทีวีดาวเทียมเพิ่ม RS วางเป้ารายได้ปี 2554 ทะยาน 3,100 ล้านบาท“เฮียฮ้อ” การันตีโตได้โดยไม่ต้องแคร์เม็ดเงินบอลโลก จ่อชงปันผลเข้าพิจารณาในที่ประชุมเดือนก.พ.นี้ เปรยมีสิทธิจ่ายสูงกว่านโยบาย 50% ของกำไรสุทธิพร้อมเทงบอีก 200 ล้านบาท เดินหน้ารุกธุรกิจทีวีดาวเทียมเต็มตัว ลั่นกองทุนสนใจซื้อหุ้นเพียบหนุนราคาหุ้นพุ่งกระฉูด (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 19-01-2011)

CHOW จ่อขายไอพีโอระดมทุนเข้าตลท.ปี 54 ลั่นยอดขายโต 2 หลัก “เชาว์สตีลฯ”เล็งขายไอพีโอระดมทุนเข้าจดทะเบียนในตลท.ปีนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมข้อมูลยื่นไฟลิ่งต่อก.ล.ต. พร้อมปล่อยข่าวดี ชี้แนวโน้มราคาเหล็กฟื้นตัวจากความต้องการใช้มากขึ้น มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตเป็นเลข 2 หลัก ส่วนทั้งปี2553 คาดรายได้ตามเป้า 4,000 ล้านบาท หลังงวด 9 เดือนที่ผ่านมามียอดขาย 2,700 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 19-01-2011)
-----------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ดัชนีดาวโจนส์เปิดทำการวันแรกของสัปดาห์ด้วยการปิดเป็นบวก 50.55 จุด แม้ว่าซิตี้ กรุ๊ปจะเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ โดยนักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่เป้าหมายราคาหุ้นของกูเกิ้ลที่ถูกปรับเพิ่มขึ้นจากโบรกเกอร์หลายแห่ง ซึ่งจะประกาศผลการดำเนินงานในสัปดาห์นี้

ตลาดหุ้นยุโรปดีดขึ้นอีกครั้ง โดยขยับขึ้นมาทำระดับปิดสูงสุดในรอบ 28 เดือนต่อเนื่อง หลังความเชื่อมั่นของนักลงทุนสูงขึ้นในเยอรมนี ขณะที่ รมว.คลังยูโรโซนสำรวจแนวทางในการปรับเพิ่มขีดความสามารถในการปล่อยกู้ที่แท้จริงของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป

ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ เริ่มมีรีบาวด์กลับขึ้นในด้านบวกหลายประเทศ แม้ว่าตลาดหุ้นจีนจะยังปรับตัวเป็นลบอยู่ แต่ก็เริ่มลงในกรอบจำกัด

ราคาน้ำมันในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดที่ 91.38ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลงอีก 0.16 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงกดดันจากการเปิดท่อส่งน้ำมันทรานส์ อลาสก้าอีกครั้ง และจากการที่ IEA ระบุสมาชิกโอเปกบางแห่งอาจแอบปรับเพิ่มปริมาณการผลิต

ราคาทองคำล่วงหน้าในตลาด COMEX ปิดที่ 1368.20ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้นอีก 7.70 ดอลลาร์ หลังค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่าลงต่อเนื่อง

ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: เยอรมนีเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของผู้บริโภคพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค. ZEW Center ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจยุโรปเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นกลุ่มผู้บริโภคในเยอรนีที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอีก 6 เดือนข้างหน้า พุ่งขึ้นแตะระดับ 15.4 จุดในเดือนม.ค. จากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 4.3 จุด สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 8.0 จุด หลังจากยอดการส่งออกและอัตราการอุปโภคบริโภคภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและตัวเลขการจ้างงาน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-01-2011)

สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยนักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อหลักทรัพย์-พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐสูงสุดในรอบ 3 เดือน กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่ายอดการซื้อหลักทรัพย์และพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐจากนักลงทุนต่างชาติในเดือนพ.ย.มีมูลค่าทั้งสิ้น 8.51 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2553 เมื่อเทียบกับยอดซื้อในเดือนต.ค.ที่ระดับ 2.89 หมื่นล้านดอลลาร์ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-01-2011).

สหรัฐอเมริกา: เฟดเผยดัชนีภาคการผลิตในรัฐนิวยอร์กขยายตัวแข็งแกร่งหลังยอดขายทะยาน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตในรัฐนิวยอร์กเดือนม.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 11.9 จุด จากเดือนธ.ค.ปี 2553 ที่ระดับ 9.9 จุด หลังจากยอดสั่งซื้อและยอดขายของโรงงานในรัฐนิวยอร์กปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่า ความแข็งแกร่งของภาคการผลิตจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ (ที่มา: อินโฟเควสท์19-01-2011)

สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นกลุ่มผู้สร้างบ้านทรงตัวเดือนม.ค. บ่งชี้ตลาดอสังหาฯยังอ่อนแอ สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐ (NAHB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านทรงตัวที่ระดับ 16 จุดในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันที่ดัชนีเคลื่อนไหวที่ระดับดังกล่าว และสะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มผู้สร้างบ้านมีความระมัดระวังในเรื่องแนวโน้มยอดขายของช่วงหลายเดือนข้างหน้า อีกทั้งยังบ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐยังคงซบเซา (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-01-2011)
-----------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น