Code 346 : Rebound ขึ้นมายืนเหนือ 980 ได้

วันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2554

ATT Code : Rebound ขึ้นมายืนเหนือ 980 ได้
SET โดนกดลงมาตามตลาด NIX และ HSKI ตลอดทั้งวัน แต่ตอนปลายตลาดช่วง 4 โมงเย็น SET ได้ Rebound ขึ้นมา เกือบ 9 จุด มาปิดที่ 981.83 สามารถยืนเหนือ 980 ได้ แต่ก็ยังไม่ถึงเส้น 5 วัน ที่ 984 จุด ดังนั้นพรุ่งนี้ก็ยังลุ้นขึ้นมาที่ 985 - 990 ได้อยู่ แต่ถ้าหลุด 980 ก็อาจจะมีโอกาศที่จะลงไปที่ 966 ได้อยู่

-----------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
28 มค. 54 ( +8.64 จุด ) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ไม่น่าเกิน 995 - 1000 จุด
ตราบใดไม่ต่ำกว่า 980.67 จุดต่ำสุดของวันพฤหัส ดัชนียังมีโอกาสปรับตัวขึ้น 995 -1000 ใกล้จุดสูงสุดเดิมของสัปดาห์นี้

อย่างไรก็ตาม ดัชนีปรับตัวขึ้น แต่ปริมาณการซื้อขาย Volume ไม่ได้ปรับตัวขึ้นตาม ดังนั้นมีความเสี่ยงที่ ภาพหนึ่งถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า ตลาดมีโอกาสที่จะปรับตัวกลับลงมาแถว 950 – 960 ใกล้จุดต่ำสุดของสัปดาห์นี้อีกครั้ง

และพอมีความเป็นปได้ว่า ตลาดน่าจะแกว่งตัวอีกนาน “หลายสัปดาห์” ในกรอบ950 - 1000 จุด หรือระหว่างจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดของสัปดาห์นี้

หุ้นเด่น
BBL
ปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงได้อีกครั้ง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 155.50จุดสูงสุดวันพฤหัส เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน158.00 – 160.00( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 153.50 )158 – 160

TOP
ปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 ชั่วโมงได้อีกครั้ง รอซื้อตามเมื่อปรับตัวเกิน 70.75จุดสูงสุดวันพฤหัส เป้าหมายหนึ่งถึงสองวัน72.25 – 72.75( ตัดขาดทุนถ้าต่ำกว่า 70.00 )

10 อันดับซื้อขายสูงสุด
PTT ต่ำกว่า 340 ลง 334 - 336
BANPU ต่ำกว่า 760 ลง 740 - 744
SCC ต่ำกว่า 314 ลง 308 - 310
PTTCH ไม่ต่ำกว่า 140 ขึ้น 143.50 – 144.50
IVL เกิน 40.25 ขึ้น 41 – 42
PTTAR ต่ำกว่า 37 ลง 34 - 35
TRUE ต่ำกว่า 6.60 ลง 6.20 - 6.30
TOP รายละเอียดใน “หุ้นเด่น”
KBANK เกิน 119 ขึ้น 120 - 122
CPF เกิน 22.70 ขึ้น 23.10 – 23.50

-----------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS :เริ่มมีโอกาสแกว่งผันผวนและพักตัวลงอีกครั้ง แต่ยังลุ้นกลับขึ้นมาใหม่ได้
แนวโน้ม: เมื่อวานนี้ SET เริ่มแกว่งตัวผันผวนมากขึ้น แม้ว่าจะยังปิดเป็นบวก แต่ก็แสดงถึงแนวโน้มที่จะมีรอบปรับพักตัวลงในด้านลบให้เห็นได้บ้างแล้ว โดยเช้านี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียก็เริ่มปรับพักตัวลงในด้านลบกันหลายแห่ง ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่กลับมาอ่อนแอลงอีกครั้ง ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อก็ยังไม่หมดไป และค่าเงินบาทที่ยังอ่อนค่าต่อเนื่อง น่าจะทำให้ SET มี
โอกาสปรับพักตัวลงไปเคลื่อนไหวเป็นลบได้ อย่างไรก็ตาม FSS ยังคาดว่าการประกาศผลการดำเนินงานของ บจ. ในช่วงนี้ที่หลายๆ บริษัทยังมีแนวโน้มที่จะมีผลการดำเนินงานที่ดี จะช่วยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงในกรอบจำกัดและยังมีแนวโน้มที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาดันให้ SET ดีดกลับขึ้นรอบใหม่ได้

กลยุทธ์: ดังนั้นตลาดปรับลงยังน่าสนใจเลือกหุ้นเข้ารับเพื่อลุ้นรีบาวด์รอบใหม่ได้โดยหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ BGH, BH, BEC, MCOT, PHATRA, BLS, LPN, SVI,PTTCH, PTTAR, IRPC, IVL, TOP, ESSO, BANPU, LANNA เป็นต้น

ประเด็นสำคัญวันนี้
• (+) PTTAR ราคาพาราไซลีนพุ่งแรง ค่าการกลั่นดี Margin กว้าง ปรับเป้าใหม่ขึ้นเป็น 45 บาท เราคาดว่ากำไร 4Q10 จะออกมาดี แต่ทั้งปี 2010 ลดลงจากปีก่อนเพราะขาดทุนหนักใน 2Q10 แต่คาดว่ากำไรปี 2011 จะโตก้าวกระโดดถึง 91% แนะนำให้หาจังหวะเข้าซื้อ

• (+) TOP ราคาหุ้นที่พักฐานเป็นโอกาสในการซื้อสะสม TOP โดยเราประเมินเป้าหมาย 85 บาท คาดกำไร 4Q10 โตก้าวกระโดด 51%Q-Q และ 118%Y-Yจากค่าการกลั่นที่สูงขึ้นและ Stock gain ส่วนกำไรปี 2011 โตต่อ 84% ทั้งจากค่าการกลั่นที่สูงขึ้นและการปรับ LPG ในช่วงที่ผ่านมา ปัจจุบัน TOP ซื้อขายที่ PBVเพียง 1.6 เท่าต่ำกว่าคู่แข่งในภูมิภาคที่ 2 เท่า ราคาปัจจุบันถือว่าน่าสนใจ

• (+) STA เริ่มซื้อขายในสิงคโปร์ 31 ม.ค. หุ้นเพิ่มทุนใหม่ 280 ล้านหุ้นจะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์วันจันทร์ที่ 31 ม.ค. นี้โดยมีราคา IPO 29 บาทซึ่งคิดเป็น PE ต่ำเพียง 8.4 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรในปีนี้ที่เราคาดว่าจะเติบโต15% และต่ำกว่า Trading firm ในสิงคโปร์ที่ซื้อขายที่ 14-15 เท่า รวมถึงต่ำกว่ากลุ่มเกษตรในไทยที่ 10-12 เท่า เรามองเป็นโอกาสในการซื้อสำหรับราคาหุ้นในไทยที่ปรับลงมาเพราะผิดหวังกับราคา IPO ที่ค่อนข้างต่ำ เพราะราคาปัจจุบันคิดเป็น PE 9.7 เท่า เราประเมินราคาเป้าหมาย 42 บาท อิง PE 12 เท่า กำไรใน4Q10 มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่เพราะ stock gain และยังดีต่อเนื่องใน 1H11

• (+) ทีโอทีจะเปิดประมูลโครงข่าย 3G เช้านี้ ศาลยกเลิกคำร้องของกลุ่มอิริคสัน-ZTE จะเปิดประมูล 3G มูลค่า 17,440 ล้านบาทเช้านี้ด้วยวิธี E-auction กลุ่มที่มีสิทธิประมูลคือ SAMART, SAMTEL, LOXLEY, AIT การเก็งกำไรราคาหุ้นกลุ่มนี้
ในเช้านี้จะเป็นโอกาสในการขายสำหรับผู้ที่เล่นเก็งกำไรกับข่าวนี้ เพราะหากประมูลไม่ได้ ราคาหุ้นถือว่าเต็มมูลค่าทุกตัวยกเว้น AIT (เป้าหมาย 52 บาท) แต่หากประมูลได้ แต่ละตัวจะมี upside ~15-20% เราแนะนำขายอยู่ดีหลังข่าวออกแล้วรอสะสมบริษัทที่ชนะประมูลเมื่อราคาปรับลงอีกที

• Fund Flow วานนี้ไหลเข้าต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ด้วยปริมาณซื้อสุทธิที่เพิ่มมากกว่าปกติ แต่ยังซื้อกลับในตลาดหุ้น TIPs ไม่มาก แรงปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติในระยะสั้นน่าจะพักรบเพื่อหายใจหลังดัชนีตลาดหุ้น TIPs ปรับลงแรงมากเกินไป ปัจจัยต่างประเทศช่วงนี้มีอิทธิพลต่อตลาดน้อย ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาค่อนข้างผสมผสานกัน แต่ดัชนี้ดาวโจนส์ยังไม่สามารถปิดทะลุ 12,000 จุดได้ สำหรับค่าเงินบาทเช้านี้กลับมาอ่อนค่าเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 30.98บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนทางกลับค่าเงินภูมิภาคที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้เราเป็นห่วงว่าการปรับขึ้นของดัชนี้รอบนี้อาจจะมีแรงขาย
จากนักลงทุนต่างชาติได้ สำหรับสาเหตุที่ค่าเงินบาทไม่แข็งตามประเทศอี่นในเอเชียอาจจะมาจากเรื่องการเมืองหรือแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อรวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็อาจเป็นได้ ดังนั้นการลงทุนในช่วงตลาดรีบาวด์อาจทำกำไรระยะสั้นเพื่อลดความเสี่ยงน่าจะดีกว่า

ข่าวภายในประเทศ
ลุ้นศาลไต่สวน "3G TOT" 27 ม.ค.นี้ แหล่งข่าวจากทีโอทีกล่าวว่ากลุ่มคอนซอร์เตี้ยมอีริคสันกับเอเอส แอสโซซิเอท ได้ยื่นฟ้องศาลปกครองกลางกรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมในการยื่นเอกสารประมูลโครงการ 3G ของทีโอที โดยศาลปกครองกลางได้นัดไต่สวนคู่กรณีทั้ง 2 ในเวลาประมาณ 13.00น. วันที่ 27 ม.ค.11 อีริคสันเห็นว่าการไม่มีแคตตาล็อกแสดงอุปกรณ์เรื่องเสาอากาศส่งสัญญาณ เป็นความผิดที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ซึ่งการปรับให้อีริคสันหมดสิทธิเข้าสู่กระบวนการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ออคชั่น) ถือว่าไม่ชอบธรรม และไม่ทำให้เกิดประโยชน์สาธารณะสำหรับโครงการ 3G ทีโอทีโดยอีริคสันจะขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวโดยชะลอการเคาะราคาอี-ออชั่นที่ทีโอทีกำหนดในวันที่ 28 ม.ค.นี้ออกไปก่อน จนกว่าศาลจะมีคำสั่งอย่างใดออกมา โครงการประมูล 3G ของทีโอทีจะเดินต่อไปได้หรือไม่ จึงต้องรอลุ้นหลังการตัดสินของศาลปกครองกลาง ซึ่งนัดไต่สวนคู่กรณีทั้ง 2 ในเวลา
ประมาณ 13.00 น.ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ Source - ผู้จัดการออนไลน์ (Th) ความเห็น : คาดว่าราคาหุ้นที่เกี่ยวข้อง AIT LOXLEY SAMTEL และSAMART ยังมีความผันผวน กรณีที่แย่ หากศาลสั่งคุ้มครอง จะเป็นผลเชิงลบ แต่หากศาลให้การประมูลทำได้ ก็อาจมีการเก็งกำไรต่อ อย่างไรก็ตามจากความกังวลการประมูลวันศุกร์ที่ 28 ม.ค.นี้ จะล่าช้าออกไป ขณะที่ราคาหุ้นส่วนใหญ่ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาปรับขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว แม้เจอการขายทำกำไรไปบ้างในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะ SAMTEL ที่ราคาหุ้น +19% ในช่วง 4 เดือน เทียบกับ SET +2% และ SAMART +4% เพื่อลดความเสี่ยง ยังมองในเชิงขายทำกำไรในหุ้นดังกล่าวไปก่อน (SAMTEL ราคาเป้าหมายไม่รวม 3G ที่ 11.60 บาท รวม 14.60 บาท) ส่วน SAMART(ถือหุ้น 70.6% ใน SAMTEL) ราคาเป้าหมายเดิม 8.90 บาท + Upside หากรวม 3G ประมาณ 1.30 บาท เป็น 10.20 บาท ทั้งนี้ การประเมิน Upside ดังกล่าวเป็นการประเมินเบื้องต้น
-----------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.
ตลาดหุ้นสหรัฐยังแกว่งตัวผันผวนแคบๆ ในกรอบเดียวกันกับเมื่อวันก่อน โดยเน้นหนักทางด้านบวก ก่อนจะปิดตลาดเป็นบวกเพียง 4.39 จุด จากแรงหนุนของบริษัทเอกชนที่ยังประกาศผลการดำเนินงานที่ดี แต่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่พุ่งสูงขึ้น และยอดสั่งซื้อของโรงงานที่ลดลงยังคงกดดันตลาดอยู่ ขณะที่หลังปิดทำการ อเมซอนดอทคอมและแซนดิสค์ เปิดเผยผลประกอบการต่ำกว่าที่ตลาดคาดด้วย

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกด้วย หลังสเปนเตรียมเร่งการปรับโครงสร้างภาคธนาคาร รวมถึงการเก็งกำไรผลประกอบการของบริษัทเอกชน

ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้แม้ว่าจะเปิดทรงตัวแคบๆ แต่ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในด้านลบ

ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ปิดที่ 85.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.69 ดอลลาร์ หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาอ่อนแอลงอีกครั้ง รวมถึงมีข่าวว่ากลุ่มประเทศโอเปกเตรียมปรับเพิ่มปริมาณการผลิต

ราคาทองคำล่วงหน้าในตลาด COMEX ปิดที่ 1318.40ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 14.60 ดอลลาร์ หลังนักลงทุนยังหันไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

ข่าวต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้น 51,000 ราย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 22 ม.ค.พุ่งขึ้น 51,000 ราย แตะระดับ 454,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนต.ค.ปี 2553 และเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 405,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4สัปดาห์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15,750 ราย แตะระดับ 428,750 ราย (ที่มา: อินโฟเควสท์ 27-01-2011)

สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านเดือนธ.ค.พุ่งขึ้นเกินคาด 2% สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค.ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2% แตะที่ 93.7 จุด จากระดับ 91.9 จุดของเดือนพ.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1% และเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-01-2011)

จีน: จีนเผยหนี้เสียของธนาคารพาณิชย์ลดลง 14% ในปี 53 คณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารของจีน (CBRC) เปิดเผยว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารพาณิชย์จีน ลดลง 14% ในปี 2553 แตะที่ 4.293 แสนล้านหยวน (6.517 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับสัดส่วนหนี้เสียของธนาคารพาณิชย์จีนลดลง 0.44% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 1.14% ณ สิ้นปี 2553 ด้านธนาคารพาณิชย์ร่วมทุนมีหนี้เสีย 4.86 พันล้านหยวน ณ สิ้นปี2553 ลดลง 21% เมื่อเทียบรายปี และสัดส่วนหนี้เสียอยู่ที่ 0.53% ลดลง 0.32% เมื่อเทียบรายปี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 27-01-2011)

เอเชีย: S&P ลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวญี่ปุ่นลงสู่ระดับ AA- สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวของรัฐบาลญี่ปุ่นลงสู่ระดับ AA- จากระดับ AA โดยให้เหตุผลว่าญี่ปุ่นกำลังเผชิยความยากลำบากในการฟื้นฟูภาคการเงินสาธารณะ หนี้สาธารณะของญี่ปุ่นมีแนวโน้มว่าจะสูงกว่าขนาดของเศรษฐกิจประเทศถึง 2 เท่าในปีนี้ และอยู่ที่ระดับ 210% ของจีดีพีในปี2555 ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงที่สุดในบรรดาประเทศที่ทางองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ได้ติดตาม (ที่มา: อินโฟเควสท์ 27-01-2011)

เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยดัชนี CPI เดือนธ.ค.ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 22 บ่งชี้ญี่ปุ่นยังเผชิญเงินฝืด กระทรวงสื่อสารและกิจการภายในประเทศของญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวลดลง 0.4% ในเดือนธ.ค.ปี 2553 ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 22 และสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงเผชิญกับปัญหาเงินฝืด ส่วนดัชนีซีพีไอตลอดปี 2553 ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารที่มีความผันผวน ปรับตัวลดลง 0.7% ดัชนีซีพีไอพื้นฐานในกรุงโตเกียว อ่อนตัวลง 0.2% ในเดือนธ.ค. แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะร่วงลง 0.3% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-01-2011)

เอเชีย: ญี่ปุ่นเผยตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนธ.ค.หดตัวลงเกินคาด 3.3% กระทรวงสื่อสารและกิจการภายในประเทศของญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า ตัวเลขการใช้จ่ายโดยเฉลี่ยของภาคครัวเรือนญี่ปุ่นในเดือนธ.ค.2553 ร่วงลง 3.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี มาอยู่ที่ระดับ 327,006 เยนหรือ 3,945 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.6% และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 3 เดือน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 28-01-2011)

-----------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น