Code 228 : เปิดโผหุ้นเด็ดปี 54

วันพุธที่ 5 มกราคม 2554

ATT Code : เปิดโผหุ้นเด็ดปี 54
E Finance : โบรกเกอร์เดินหน้าแนะนำหุ้นเด็ดปี 54 ระบุต้องเน้นเลือกลงทุนบริษัทฯ ที่สามารถรักษาอัตราการทำกำไรได้สูงกว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ชี้กลุ่มพลังงาน, แบงก์ และโภคภัณฑ์ยังแจ๋ว แนะลงทุน PTTCH PTTAR PTT KBANK UVAN TVO พร้อมให้เป้าดัชนีฯ 1,148 จุด

----------------------------------------------------------------------------------
MARKET WAVE Analysis
5 มค. 54 ( +9.65 จุด) โกมล พงศ์วิญญู เลขทะเบียน 18338

ไม่น่าต่ำกว่า 1039 - 41 จุด
ดัชนีในวันอังคาร ไม่ได้ปรับตัวลงอย่างที่คาดไว้ แต่กลับปรับตัวขึ้นทะลุกรอบสามเหลี่ยมภาพระยะสัปดาห์ขึ้นไปได้แนวโน้มในวันพุธนี้ ในกรณีที่มีการปรับตัวลง ดัชนีไม่น่าจะปรับตัวลงต่ำกว่าบริเวณ 1039 - 41 แถวจุดต่ำสุดของวันอังคาร

และตราบใด ไม่ต่ำกว่า 1029.96 จุดต่ำสุดวันสิ้นปีที่แล้ว ดัชนีในเดือน มค. นี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อแถว 1114 – 28 จุด หรือประมาณระยะทาง 1.618 เท่าของคลื่น 1 เดือนTo 1114 – 28 มิย. ปีที่แล้ว

----------------------------------------------------------------------------------
E Finance : เปิดโผหุ้นเด็ดปี 54
โบรกเกอร์เดินหน้าแนะนำหุ้นเด็ดปี 54 ระบุต้องเน้นเลือกลงทุนบริษัทฯ ที่สามารถรักษาอัตราการทำกำไรได้สูงกว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ชี้กลุ่มพลังงาน, แบงก์ และโภคภัณฑ์ยังแจ๋ว แนะลงทุน PTTCH PTTAR PTT KBANK UVAN TVO พร้อมให้เป้าดัชนีฯ 1,148 จุด

* ปี 54 หุ้นไทยผลตอบแทนดี แต่ไม่แรงเท่า 2 ปีก่อน
ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน หรือ CNS คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยปี 2554 ว่า จะยังคงให้อัตราผลตอบแทนที่เป็นบวกในปี 2011F แต่จะไม่เห็นภาพของการพุ่งทะยานเหมือนปี 2009-2010 เพราะกำไรของธุรกิจจะมีแรงกดดันจาก margin ที่แคบลง ตามเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดี เรามองว่าดัชนีฯ จะแตะระดับสูงสุดที่เกิน 1,055 จุด ภายใน 1H11F ทั้งนี้แรงผลักดันดัชนีฯ จะมาจากกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ Hard commodity และ Soft commodity (Global recovery: Inflation theme) และแรงหนุนจากกลุ่มธนาคารฯ (Re-flation theme) * แนะเลือกบริษัทที่รักษาอัตราทำกำไรสูงกว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ CNS ให้กลยุทธ์การลงทุนใน 12 เดือนข้างหน้า จะเน้นไปที่บริษัทฯ ที่สามารถรักษาอัตราการทำกำไรได้สูงกว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแนวโน้มปี 2011 คาดดัชนีฯยังคงให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก จาก
1) พื้นฐาน บจ.แข็งแกร่ง สามารถรักษาอัตราการทำกำไรได้สูงกว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ตามภาวะเงินเฟ้อ และ ดอกเบี้ยขาขึ้น
2) คาดความเสี่ยงที่กดดันตลาดหุ้นไทยปี 2010 จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น คือ การเลือกตั้งที่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงทางการเมือง ความชัดเจนเรื่องมอนทาราต่อ PTTEP
และ 3) ประเด็นหนุนราคาหุ้นตามประเด็นการลงทุน Inflation theme และ Reflation theme กลุ่มเด่น ได้แก่ พลังงาน เกษตร ธนาคาร ตลอดจนกลุ่มที่เชื่อมโยงกับการบริโภค และการใช้จ่ายภาครัฐฯ อาทิ บันเทิง ค้าปลีก รับเหมาก่อสร้าง* หุ้นแนะนำ Scoring จาก High ROE& High growth

สำหรับหุ้นแนะนำ Scoring จาก High ROE& High growth ตามประเด็นการลงทุน ได้แก่ 1. Inflation และ relation theme ได้แก่สินค้าโภคภัณฑ์ และกลุ่มการเงิน UVAN PTTCH PTTAR PTT TVO PTTEP TOP KBANK TISCO BLA และ 2. การบริโภคในประเทศ Budget spending บันเทิง MCOT BEC รับเหมาก่อสร้าง STEC ยานยนต์ SAT สินค้าบริโภค DCC SMT ส่วนประเด็นการลงทุนช่วง 1Q11 แนะนำ
1. Global theme และ ภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นส่งผลบวกต่อกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
2. การเพิ่มขึ้นของหมุนเวียนเงิน (Inflation and Reflation theme) ได้แก่กลุ่ม ธนาคาร ประกันชีวิต และ
3. หุ้นปันผลสูงโดยเฉพาะหุ้นที่ยังไม่จ่ายปันผลระหว่างกาล ทำให้ปันผลที่เหลือจ่ายจากผลการดำเนินงานปี 2010 ที่จะจ่ายช่วงไตรมาสแรกสูง* ม.ค.54 แนะซื้อดักหุ้น Earning 4Q53 ดีและปันผลสูง

ด้านฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ออกบทวิเคราะห์ แนะนำการลงทุนประจำเดือนมกราคม 2554 ให้ซื้อดักหุ้น Earning 4Q53 ดีและปันผลสูง ทั้งนี้ ประเมินว่ากำไรสุทธิ 4Q53 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์, พลังงาน, ปิโตรเคมี, บรรจุภัณฑ์, บันเทิง&สื่อ และที่พักอาศัยบางบริษัทจะออกมาดี

โดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดว่าจะเป็นกลุ่มแรกที่ประกาศกำไรสุทธิ 4Q53 โดยจะเริ่มประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนม.ค.2554 ซึ่งคาดว่าจะออกมาแข็งแกร่งต่อเนื่อง เพราะสินเชื่อขยายตัวดี ตามความต้องการใช้สินเชื่อของกลุ่ม Corporate และ SMEs ที่ยังแข็งแกร่ง รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตสูง และสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดตามยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ฟื้นตัว หุ้นเด่นในกลุ่มนี้ คือ BBL, KBANK และ KTB

กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี เรามองว่าธุรกิจก๊าซ น้ำมัน และโรงกลั่นจะทำกำไรได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 4Q53 เพราะราคาน้ำมันใน 4Q53 ปรับขึ้นประมาณ 10%QoQ หนุนโดยอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว และในปีนี้อากาศหนาวจัดกว่าปกติ โดยเฉพาะในจีนและสหภาพยุโรป ด้านค่าการกลั่นสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะค่าการกลั่นน้ำมันดีเซลและ Jet ทั้งนี้เพราะจีนหันมาใช้น้ำมันดีเซลในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อลดมลภาวะทางอากาศ และสภาพภูมิอากาศที่หนาวมากทำให้ความต้องการใช้นํ้ามัน Heating oil เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นโรงกลั่นยังจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันดิบด้วย

ด้าน Spread ของอะโรเมติกส์ดีขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Spread ของพาราไซลีนที่ปรับขึ้นเป็น 450 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จาก 218 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันใน 3Q53 และ Spread ของเบนซีนที่เพิ่มเป็น 170 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จาก 132 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันใน 3Q53 โดยเป็นผลจากอุปสงค์แข็งแกร่งแต่อุปทานใหม่เลื่อนออกไป

ด้านปิโตรเคมี Spread ของโอเลฟินส์อยู่ในเกณฑ์ดี และไม่มีการปิดซ่อมบำรุงเหมือนใน 3Q53 ส่วน Spread ของ PET ทรงตัวสูงที่ 220 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ยังผลให้ผลประกอบการของ PTTCH จะเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบ QoQ และกำไรสุทธิของ IVL จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใน 4Q53 หุ้น Top Picks ของกลุ่มนี้ คือ PTT, PTTCH, TOP

กลุ่มบรรจุภัณฑ์ มีหุ้นที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 4Q53 โดดเด่น คือ AJ, PTL เพราะ Spread ของ BOPET เพิ่มขึ้นจาก 3Q53 ประมาณ 500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันเป็น 2,900-3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่วนของ BOPP และ BOPA สูงขึ้น 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันเป็น 650-700 และ 1,500-2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันใน 4Q53 ตามลำดับ เพราะอุปสงค์สูงแต่ยังไม่มีอุปทานใหม่เข้ามา ทำให้กำไรสุทธิ 4Q53 จะเติบโตก้าวกระโดดมากเมื่อเทียบ YoY และ QoQ และคาดว่าจะดีต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 3-6 เดือนข้างหน้า โดยเป็นผลจาก Spread ที่ทรงตัวสูง และมีการขยายกำลังการผลิต

กลุ่มบันเทิงและสื่อ รายได้จากการโฆษณาดีขึ้นเพราะเป็น High season ของธุรกิจ และมีการปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณาด้วยหุ้นที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากใน 4Q53 คือ MAJOR เนื่องจากมีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เข้าฉายหลายเรื่อง รายได้ค่าโฆษณาเติบโตดี และมีกำไรจากการขาย “ซูซูกิ อเวนิว” เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์โดยตรงประมาณ 100 ล้านบาท และรับรู้ผ่านการถือหุ้น SF 22.9% อีกส่วนหนึ่ง

กลุ่มที่พักอาศัย บริษัทส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้จะมีการโอนรับรู้รายได้ชะลอลงเนื่องจากหมดอายุมาตรการลดหย่อนภาษีตั้งแต่กลางปี 2553 โดยเฉพาะที่พักอาศัยแนวราบ ยกเว้น LPN และ SPALI จะรับรู้รายได้และทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใน 4Q53 โดยเป็นผลจากการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมเป็นจำนวนมาก อัตรากำไรขั้นต้นยังอยู่ในเกณฑ์สูง เพราะราคาวัสดุก่อสร้าง ทั้งปูนซีเมนต์ และเหล็กในปี 2553 ไม่ได้ปรับขึ้นมาก และบริษัทมีการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังเป็นหุ้นที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) สูง โดยคาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 8% ต่อปี เราจึงให้ทั้งสองบริษัทนี้เป็นหุ้น Top Picks ในกลุ่มที่พักอาศัย* เคมีภัณฑ์-หลักทรัพย์-วัสดุก่อสร้าง-อิเล็กฯ-พลังงาน กำไรก้าวกระโดด

สำหรับภาพรวมทั้งปี กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนที่ DBSV ทำการวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 33% ในปี 2553 นำโดยกลุ่มเคมีภัณฑ์, หลักทรัพย์, วัสดุก่อสร้าง, อิเล็กทรอนิกส์ และพลังงาน ซึ่งมีกำไรสุทธิขยายตัวก้าวกระโดดถึง 47-67%YoY รองลงมาเป็นกลุ่มขนส่ง, บันเทิงและสื่อ, ธนาคารพาณิชย์, พาณิชย์, อาหาร ซึ่งกำไรสุทธิเติบโต 17-37%YoY ส่วนกลุ่มที่มีกำไรสุทธิลดลง คืออสังหาริมทรัพย์

ขณะที่แนวโน้มปี 2554 คาดว่ากำไรสุทธิจะขยายตัวในอัตราที่น้อยลงเพราะฐานของปี 2553 สูงขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิกลุ่มเคมีภัณฑ์ยังคงขยายตัวแข็งแกร่งมาก 52% นำโดย IVL และ PTTCH ตามมาด้วยกลุ่มพาณิชย์, อสังหาริมทรัพย์ (โดยหลักมาจากกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และรับเหมาก่อสร้าง), บันเทิงและสื่อ, ธนาคารพาณิชย์ และอาหาร ซึ่งประมาณการว่ากำไรสุทธิจะขยายตัว 14-27%YoY ในปี 2554* เปิดตัวหุ้นปันผลสูง

ซื้อดักหุ้นที่คาดว่าจะจ่ายปันผลสูง ในช่วงเดือน ก.พ.2554 จะมีการประกาศผลประกอบการ 4Q53 และทั้งปี 2553 ซึ่งบริษัทจดทะเบียนมักจะประกาศจ่ายปันผลออกมาด้วย ทั้งนี้ขึ้นกับนโยบายการจ่ายปันผลของแต่ละบริษัทว่าจะจ่ายทุกไตรมาส จ่ายปีละ 2 ครั้ง หรือจ่ายปีละ 1 ครั้ง ซึ่งทางทีมกลยุทธ์ Retail ได้ทำการวิเคราะห์เพื่อคัดเลือกหุ้นใน DBSV Coverage ที่คาดว่าจะจ่ายปันผลน่าประทับใจในอีกประมาณ 3-4 เดือนข้างหน้า ซึ่งพบว่า 10 อันดับแรกของหุ้นที่คาดว่าจะจ่ายปันผลสูง ประกอบด้วย KGI, BLS,ASP, TMT, PTSEC, QH, SC, SIRI, PF, DTAC

การไหลเข้ามาลงทุนของต่างชาติ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ, ยุโรป, อังกฤษ และญี่ปุ่น ยังคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25%, 1.0%, 0.5% และ 0-0.1% ตามลำดับไปอีกนานจนถึงสิ้นปี 2554 รวมถึงเฟดประกาศแผนซื้อพันธบัตรระยะยาว (QE2) มูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐไปถึงกลางปี 2554 เป็นปัจจัยหนุนให้เกิดการทำ Carry Trade ด้วยการกู้เงินอัตราดอกเบี้ยต่ำมากเข้ามาลงทุนในตลาดเกิดใหม่รวมถึงภูมิภาคเอเชียที่คาดว่าจะให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่า ซึ่งคาดว่าตลาดหุ้นจะได้อานิสงส์ทางบวกจากเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนเหล่านี้ด้วย* ให้เป้าดัชนีฯ 1148 จุด

สำหรับประเมินเป้าหมาย SET Index ปี 2554 เท่ากับ 1148 จุด เทียบเท่ากับ P/E ปี 2554 ที่ 15 เท่า ซึ่งเป็นระดับ High ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 7 ปีตลาดหุ้นไทย และเทียบเท่ากับ P/E เฉลี่ยย้อนหลัง + 1sd
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย
FSS : คาดมีลุ้นจังหวะแกว่งย้อนลงของ SET เพื่อเป็นโอกาสหาจังหวะซื้ออีกครั้ง
แนวโน้ม: เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยดีดตัวขึ้นปิดบวกเกือบ 1% หลังจากตลาดหุ้นเพื่อนบ้านบวกนำหน้าไปตั้งแต่วันจันทร์ที่เราปิดทำการ อย่างไรก็ตามเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมาให้เห็นบ้างในช่วงบ่าย ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศในเช้าวันนี้ก็เริ่มเข้าสู่ช่วงการปรับพักตัวหลังการขยับขึ้นต่อเนื่องมาหลายวัน ทำให้ FSSคาดว่า SET มีโอกาสที่จะเริ่มแกว่งตัวผันผวนและย้อนกลับลงไปเคลื่อนไหวในด้านลบอีกครั้งได้ โดยเราเริ่มเห็นแรงขายจากกองทุนในประเทศซึ่งคาดว่าเป็นการทยอยขายจากกองทุน LTF ที่จะครบอายุในปีนี้ด้วย อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างประเทศเริ่มกลับมามียอดซื้อสุทธิที่หนักแน่นอีกครั้ง ดังนั้นคาดว่า SET น่าจะปรับพักตัวลงไม่ลึกนัก และยังมีแนวโน้มที่จะดีดกลับขึ้นได้อยู่
กลยุทธ์: ดังนั้นยังเลือกหุ้นเข้ารับเมื่อตลาดปรับตัวลงได้ โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ KTB, KBANK, PTL, PTTCH, TOP, SEAFCO, CSL, BIGC, PS, AP,TASCO, AMATA, KSL, TVO, CK, STEC และ TTW เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
• (+) เงินเฟ้อเดือน ธ.ค. เพิ่ม...จับตาการประชุม กนง.พุธหน้า เงินเฟ้อทั่วไปเดือน ธ.ค. เพิ่ม 3% Y-Y ตามตลาดคาด และเพิ่ม 0.16% M-M ส่วนทั้งปี เงินเฟ้อทั่วไปเพิ่ม 3.3% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน (หักราคาอาหารและพลังงาน) +1.4%Y-Y, +0.35% M-M ทำให้ทั้งปี เงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่ม 1% ก.พาณิชย์คาดเงินเฟ้อปีนี้เพิ่ม 3.2-3.7% ส่วน FSS คาด 4% แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อปีนี้จะเพิ่มตามราคาน้ำมัน
แต่เชื่อว่าจะถูกจำกัดจากนโยบายช่วยเหลือของรัฐบาล ให้จับตาการประชุม กนง.พุธหน้าซึ่งเราคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สำหรับทั้งปี เราคาดดอกเบี้ยนโยบายจะปรับเพิ่มขึ้น 0.75% เป็น 2.75% สิ้นปี
• (+) ราคาถ่านหินมีแนวโน้มขึ้นต่อเพราะอุปทานตึงตัว เราปรับเป้าหมายBANPU ขึ้นเป็น 1,100 บาท ระยะสั้น-น้ำท่วมที่ออสเตรเลียซึ่งส่งออกถ่านหิน7-8% ของโลก จะทำให้ปริมาณถ่านหินในตลาดโลกลดลงอย่างน้อย 1 ไตรมาสขณะที่อินโดนีเซียซึ่งเป็นผู้ส่งออกถ่านหินรายใหญ่สุดของโลกยังเผชิญกับฤดูฝนในไตรมาสนี้ จึงเป็นปัญหาในด้านการผลิตและขนส่ง ส่วนเหมือง Daning ในจีนของ BANPU ที่ต้องหยุดผลิตชั่วคราวเพราะต่อสัมปทานไม่ทัน ทำให้เสีย Marketshare ในจีนไปบ้าง จะกลับมาผลิตเป็นปกติใน 2 – 3 เดือนข้างหน้า แต่ราคาถ่านหินที่เพิ่มสูงขึ้นมีผลต่อกำไรของ BANPU มากกว่าและทำให้เราปรับประมาณการกำไรของ BANPU ปีนี้ขึ้นอีก 10% เป็นการเติบโตจากปีก่อนถึง 85% ปัจจุบันBANPU มี PE 8.4 เท่า LANNA 7 เท่า (เป้าหมาย 24 บาท) และ AGE 13.5 เท่าเราเห็นว่า BANPU และ LANNA น่าสนใจมากกว่า AGE
• (+) BAY เราปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 30 บาท ราคาหุ้น BAY ในปีก่อนปรับขึ้นมาเพียง 13% แย่กว่ากลุ่มแบงก์ที่บวก 34% อย่างมาก แต่เราเชื่อว่ากำไรของ BAYจะกลับมาเติบโตแข็งแกร่งใน 2-3 ปีข้างหน้า จากการตั้งสำรองหนี้เสียลดลงค่าใช้จ่ายในการควบรวมและปรับโครงสร้างจะลดลงเรื่อยๆ และเสร็จสมบูรณ์ใน1Q12 เราปรับประมาณการกำไรขึ้นโดยคาดปี 2011 โต 15% และปี 2012 โต
33% และปรับเป้าหมายขึ้นจาก 27 บาทเป็น 30 บาท แนะนำซื้อ
• (0) DTAC คาดกำไรปกติ 4Q10 +3% Q-Q, +21% Y-Y และทำให้กำไรทั้งปี 2010 โต 50% แต่คาดกำไรปี 2011 ลดลง 4% เพราะกลับมาจ่ายภาษีในอัตราปกติ 30% และจ่ายส่วนแบ่งรายได้เพิ่มเป็น 30% ตั้งแต่ ก.ย. 2011 เรามองDTAC เป็นเพียงหุ้นปันผลที่ให้ yield 5-6% แนะนำซื้อเพราะราคาหุ้นยังมีส่วนต่างจากเป้าหมายที่ 48 บาทและ PE ปัจจุบัน 11 เท่ายังไม่แพงเกินไป
• (-) ADVANC รมว.จุติจะนำข้อสรุปของคณะกก.ม.22 เรื่องการแก้สัปมทานเข้าครม.สัปดาห์หน้า เป็นเรื่องเดิมที่เป็นผลกับราคาหุ้น เราแนะนำซื้อ ADVANC เมื่อราคาลงแรงเพื่อปันผลเท่านั้น แต่ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการหา Capital gain
• Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าต่อเนื่องเป็นวันที่ 24 ติดต่อกัน ในปริมาณเท่าเดิมแม้จะเข้าซื้อตลาดหุ้นไทยมากขึ้นแต่ลดการซื้อในตลาดไต้หวัน เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้าสู่ตลาด นโยบายการเงินของประเทศกลุ่ม G7 ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตลาดยังให้ความสนใจกับการเกิดในเฟ้อในปี 2011 ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่กันทั่วหน้า อย่างไรก็ตามเรามองว่าแนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติจะยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคอย่างต่อเนื่องเนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นและอยู่ในอัตราที่สูงในโลก ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าเล็กน้อยมาอยู่ที่ 30.12 บาท/ดอลลาร์ ขณะเดียวกันราคาทองคำน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ถูกแรงขายทำกำไรกันทั่วหน้า แต่ไม่ต้องตกใจเพราะเป็นการขายเพื่อล๊อกกำไรเท่านั้น ดังนั้นการปรับลงราคาหุ้นในกลุ่มนี้จะเป็นโอกาส
สะสมเข้าซื้อเก็งกำไรรอบใหม่ เน้นกลุ่มถ่านหินเป็นหลัก


ข่าวภายในประเทศ
SPALI-LPN เด็ดสุดกำไรเติบโตไม่หยุด หุ้นจ่ายปันผลงาม ดิวิเดนด์ยีลด์สูง 6% ยก SPALI-LPN เด็ดสุดกลุ่มอสังหาฯ คาดดิวิเดนด์ ยีลด์สูง6% ได้แรงหนุนกำไรเติบโต โดย SPALI โกยกำไรปี'53 พุ่ง 2.88 พันล้านบาท พร้อมลุ้นจ่ายปันผล 0.67 บาทต่อหุ้น ด้าน LPN ไม่น้อยหน้าฟันกำไรปี'53 กว่า 1.57 พันล้านบาท จ่ายปันผล 0.53 บาท โบรกฯแนะซื้อราคาเป้าหมาย 19.06 บาท และ 13.32 บาทตามลำดับ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 5-01-2011)
คลังตั้งราคา TMB 4 บ. เมินข้อเสนอไอเอ็นจี กระทรวงการคลังเมินข้อเสนอไอเอ็นจีกรุ๊ป ปรับเป้าราคาหุ้นแบงก์ทหารไทยใหม่เป็น 4 บาท มั่นใจกำไรปีนี้โตแบบก้าวกระโดด ดันราคาหุ้นพุ่งเกินต้นทุน 3.80 บาท แถมได้รับเงินปันผลครั้งแรกในรอบ 10 กว่าปีเข้าคลัง เสนอเข้าที่ประชุมบอร์ดในไตรมาสแรกนี้ (ทมี่ า: นสพ.ข่าวหุ้น 5-01-2011)
TRC Q4แจ๋ว! บุ๊คพิเศษ 76 ล้าน ปี’53 พลิกกำไร TRC ฟุ้งรายได้ไตรมาส 4/53 โตก้าวกระโดด เหตุบุ๊คกำไรพิเศษจากการบันทึกกลับรายการค่าปรับ 76 ล้านบาท ส่งผลปี'53 พลิกเป็นกำไร จากปี' 52 ขาดทุน 165 ล้านบาท ขณะที่รอผลประมูลงานในไตรมาส1/54 อีก 3-4 พันล้านบาท (ที่มา:นสพ.ข่าวหุ้น 5-01-2011)
กลต.ลุยเก็บค่าฟีเพิ่มเทรด 5 ล้านโดนทันที ของขวัญปีใหม่จาก ก.ล.ต. เพิ่มค่าฟีกำกับดูแลโบรกเกอร์เพิ่ม อีก 0.0018% หรือล้านละ 18 บาท งานนี้นักลงทุนที่เทรดหุ้นวอลุ่มตั้งแต่ 5 ล้านบาทต่อวันขึ้นไปโดนทันที ส่วนต่ำกว่า 5 ล้านบาท โบรกฯขอรับไว้เอง มอง ก.ล.ต. เอาเปรียบเห็นวอลุ่มโป่งเลยเก็บ ทั้งที่มีส่วนแบ่งจากเทรดดิ้งฟีอยู่แล้ว 0.002% งานนี้เปิดเสรีฯอ่วมกว่าเดิม โบรกฯเล็กตายเรียบ รายย่อยร้องทำไมต้องมาเก็บกันด้วย เริ่มใช้ 4ม.ค.54 แล้ว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 5-01-2011)
หุ้นถ่านหินคึกรับข่าวดี! AGE ส่งซิกพุ่ง125 เหรียญ หุ้นถ่านหินขานรับกระแสซัพพลายถ่านหินขาดตลาด ผู้บริหาร AGE มั่นใจราคาช่วง 2-3 เดือนนี้ยืนเหนือ 125 เหรียญสหรัฐต่อตัน เตรียมขยับตัวเลขส่งออกถ่านหินในจีนเพิ่มหลังเจรจาออเดอร์เกือบ 1 แสนตันต่อเดือน ด้าน BANPU-LANNA ยังมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่อเนื่อง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 5-01-2011)
ARIP เปิดบริการใหม่ต่อยอดเว็บไทยเมล์ฯหวังดันออนไลน์โต10% ARIP เตรียมเปิดบริการใหม่ในไทยเมล์ดอทคอม เอาใจกลุ่มลูกค้าองค์กรแลกกับการจ่ายค่าบริการ พร้อมตั้งเป้าดันสัดส่วนรายได้ออนไลน์ปีนี้เป็น 10% เผยปีนี้มีอีเวนต์ทุกไตรมาส เตรียมขยายพื้นที่จัดงานเต็มศูนย์สิริกิติ์ หลังงาน“ซีมาร์ต” กระแสแรง ส่วนรายได้รวมปีนี้คาดโต 20% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 5-01-2011)
----------------------------------------------------------------------------------
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ตปท.

ดัชนีดาวโจนส์เริ่มแกว่งตัวผันผวนอีกครั้ง โดยแกว่งตัวในกรอบ +/- ประมาณ 30 จุด ก่อนที่จะปิดทำการเป็นบวก20.43 จุด จากแรงเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ขึ้นมาร้อนแรง ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับผลกำไรที่ลดลงของซูเปอร์มาร์เก็ตถ่วงหุ้นกลุ่มค้าปลีกอาหารด้วย อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและสื่อสารโทรคมนาคมช่วยหนุนตลาดให้ยังเป็นบวกต่อได้
ตัวเลขคำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ย.ขณะที่รายงานการประชุมของเฟดเมื่อ 14 ธ.ค.ยืนยันจะดำเนินโครงการซื้อพันธบัตร 6 แสนล้านเหรียญต่อไป ช่วยผลักดันตลาดหุ้นสหรัฐให้ยังบวกต่อ
ส่วนตลาดหุ้นในยุโรปมีทั้งบวกและลบ หลังเริ่มมีแรงขายทำกำไรบ้างเช่นกัน ซึ่งตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ก็อยู่ในลักษณะเดียวกัน โดยมีหลายประเทศเริ่มแกว่งตัวในด้านลบ

ราคาน้ำมันในตลาดล่วงหน้า NYMEX รูดลง 2.17 ดอลลาร์มาปิดตลาดที่ 89.38 ดอลลาร์/บาร์เรล เป็นการร่วงลงครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่กลางเดือน พ.ย.เป็นต้นมา หลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายประเภทปรับตัวลงจากดอลลาร์ที่เริ่มดีดขึ้นอีกครั้ง
ราคาทองคำล่วงหน้าในตลาด COMEX ปรับตัวลง 44.10ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1378.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังดีต่อเนื่อง ช่วยกระตุ้นแรงซื้อในสินทรัพย์เสี่ยง และลดความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยลง


ข่าวต่างประเทศ
ยุโรป: เงินเฟ้อยูโรโซนพุ่งแตะ 2.2% ในเดือนธ.ค. เหตุราคาพลังงานทะยานขึ้น สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท รายงานว่าอัตราเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโรปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ และเหนือกว่าระดับเป้าหมาย 2% ที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กำหนดไว้เป็นครั้งแรกในรอบกว่าสองปี ซึ่งเป็นผลมาจากราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทะยานขึ้น อัตราเงินเฟ้อยูโรโซนปรับตัวขึ้นแตะ 2.2%ในเดือนธันวาคม 2553 จากระดับ 1.9% ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุดนี้ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม2551 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 5-01-2011)
ยุโรป: เยอรมนีเผยจำนวนคนว่างงานปรับตัวสูงขึ้นในเดือนธ.ค. เหตุจากสภาพอากาศหนาวเย็น เยอรมนีเผยจำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ปรับตัวลดลง 17 เดือนติดต่อกัน ซึ่งมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นที่สุดในรอบกว่า 40 ปีได้ทำให้หลายบริษัทลดจำนวนพนักงาน สำนักงานแรงงานกลางเยอรมนีเปิดเผยว่า จำนวนคนว่างงานที่ปรับตามฤดูกาล (seasonally adjusted) เพิ่มขึ้น3,000 คนจากเดือนพฤศจิกายน มาอยู่ที่ 3.15 ล้านคนในเดือนธันวาคม 2553 สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะลดลง ขณะที่อัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 7.5% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 4-01-2011)
สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าของโรงงานอุตสาหกรรมสหรัฐเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 0.7% กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าใหม่ของโรงงานอุตสาหกรรมในสหรัฐประจำเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% แตะระดับ 4.238 แสนล้านดอลลาร์ เพราะได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าที่มีอายุการใช้งานต่ำกว่า 3 ปี ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงขยายตัวแข็งแกร่ง (ที่มา: อินโฟเควสท์ 5-01-2011)
เอเชีย: กระทรวงคลังญี่ปุ่นเผยรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 5.3% ในเดือนพ.ย. กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเผยรายได้จากการจัดเก็บภาษีเดือนพ.ย. 2553 เพิ่มขึ้น 5.3% จากระดับปีที่แล้ว แตะ 5,584.15 พันล้านเยน เนื่องจากรายได้จากการจัดเก็บภาษีบริโภคและภาษีนิติบุคคลที่สูงขึ้นสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รายได้จากการจัดเก็บภาษียาสูบร่วงลง 65.3% แตะ 2.36 หมื่นล้านเยนในเดือนพ.ย. ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ทะยานขึ้นจากแรงซื้อช่วงสุดท้าย ก่อนที่จะมีการขึ้นภาษีในเดือนต.ค. (ที่มา: อินโฟเควสท์ 4-01-2011)
เอเชีย: เกาหลีใต้ประมาณการ GDP ปี 53 มีมูลค่าสูงกว่า $1 ล้านล้านหลังเศรษฐกิจฟื้นตัว ข้อมูลเบื้องต้นของรัฐบาลเกาหลีใต้ชี้ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 2553 คาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นรวดเร็วเกินคาด ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า สถานะทางเศรษฐกิจโลกของเกาหลีใต้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าเกาหลีใต้จะสามารถแข่งขันกับออสเตรเลียและเม็กซิโกเพื่อก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 13 หรือ 14 ของโลก จากปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 15 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 4-01-2011)
เอเชีย: เกาหลีใต้เผยทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นในเดือนธ.ค.53 ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ตัวเลขทุนสำรองระหว่างประเทศเดือนธันวาคม 2553 อยู่ที่ระดับ 2.9157 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.34 พันล้านดอลลาร์จากเดือนพฤศจิกายน และเพิ่มขึ้น 2.158 หมื่นล้านดอลลาร์จากเดือนธันวาคมปีก่อนหน้า (ที่มา: อินโฟเควสท์ 4-01-2011)
เอเชีย: อินโดนีเซียเผยยอดขาดดุลงบประมาณปี 53 อยู่ที่ 0.62% ของจีดีพี เว็บไซต์ Bisnis.com รายงานโดยอ้างคำพูดของนายอากัส มาร์โทวาร์โดโจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอินโดนีเซียว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของอินโดนีเซียอยู่ที่ระดับ 0.62% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2553 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 2.1% และคาดว่าจะลดลงเหลือ 1.8% ในปีนี้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 4-01-2011)

----------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น